ปปง.ยึดลัมโบกีนี"บอย-ปกรณ์" เหตุเป็นทรัพย์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ยังเปิดทางยื่นคำร้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้รับโอนโดยสุจริต-มีค่าตอบแทน ก่อนศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมอายัดทรัพย์แก๊งโกงเงินสจล.เพิ่ม 192 ล้าน อายัดเรือขบวนการค้าน้ำเถื่อน"เสี่ยโจ้" 19 ลำ หลังก่อนหน้านี้อายัดที่ดิน 33 แปลง ขณะที่ศาลสั่งจำคุก “พงศ์พัฒน์” กับพวกอีกคนละ 1 ปี 6 เดือน คดีมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครอง แต่รับสารภาพลดโทษเหลือติดคุกคนละ 9 เดือน
จากกรณีที่กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ และพวกในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์เงินกองคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท และข้อหาอื่นๆ ต่อมาได้ประสานมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ขอให้ตรวจสอบ วิเคราะห์การทำธุรกรรมทางการเงิน และให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายฟอกเงินนั้น
วานนี้(12ก.พ.) ที่สำนักงานปปง. พ.ตอ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงว่า ที่ผ่านมาปปง.ได้ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินแล้ว 7 คำสั่ง จำนวน 182 รายการ และล่าสุดปปง.ได้ตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม พบทรัพย์สิน 22 รายการ ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และมีเหตุอันเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จึงมีมติยึดและอายัดทรัพย์เพิ่มเติม 22 รายการ ดังนี้
1.กิจการของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 2.กิจการของสตรีทผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ 3.รถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หทะเบียน ฆง 5995 กรุงเทพมหานคร หรือป้ายแดง ก-5983 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 4.รถโดยสารไม่ประจำทาง(รถโดยสารสองชั้นปรับอากาศ)ยี่ห้อ LEYLAND E0401 ทะเบียน 30-0549 พิษณุโลก ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 5 รถโดยสารไม่ประจำทาง(รถโดยสารสองชั้นปรับอากาศ) ยี่ห้ออีซูซุ สตาร์ คิงส์ ทะเบียน 30-0489 พิษณุโลก ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด
6 รถตู้นั่งสี่ตอน ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮร 2351 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทเค ลิฟวิ่ง แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด 7.รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวสีขาว รุ่น Z4 หมายเลขทะเบียน ญจ 9 กรุงเทพมหานคร ของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 8.โฉนดที่ดิน 4 แปลงในจ.สมุทรปราการ นนทบุรี และพิษณุโลก 9.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ จำนวน 2 บัญชี วงเงิน 1,507,697,.13 บาท 10.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ 2 บัญชี จำนวนเงิน 1,637,106.39 บาท
11.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ 1 บัญชี จำนวนเงิน 95,558.80 บาท และ 12.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 6 บัญชี จำนวนเงิน 1,201,819.37 บาท รวมราคาประเมินทั้งหมดประมาณ 192 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่ได้ประเมินกิจการของสตรีทผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ ที่คาดว่ามากกว่า 100 ล้านบาท
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ในส่วนของทรัพย์สินที่ได้ออกคำสั่งยึดและอายัดไว้แล้ว บุคคลที่ถูกยึดและอายัดทรัพย์สิน และผู้เสียส่วนได้เสียในทรัพย์สิน สามารถยื่นคำร้องขอโต้แย้งคัดค้านการยึดและอายัดทรัพย์สิน โดยขอให้มีการเพิกถอนการยึด และอายัดทรัพย์สินดังกล่าว ทั้งนี้ มีทรัพย์สินที่คณะกรรมการธุรกรรม มีมติเห็นชอบให้เพิกถอน 39 รายการ เนื่องจากเห็นว่ามิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สำหรับรถยนต์ลัมโบกีนีของนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ซื้อต่อจากผู้ต้องหาคดีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดรถไว้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งหลังจากนี้นายปกรณ์สามารถยื่นคำร้องก่อนศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยแสดงให้ศาลเห็นว่าเป็นผู้รับโอนโดยสุจริต และมีค่าตอบแทน
อย่างไรก็ตามหากนายปกรณ์ประสงค์จะนำรถไปใช้ก่อน ให้มาดำเนินการวางหลักทรัพย์เท่ากับราคาของทรัพย์ที่ปปง.ยึด โดยจำนวนของหลักทรัพย์ที่ใช้วางนั้น ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการประเมินราคา
ทางด้านพ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าติดตามนายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ยังคงหลบหนีอยู่ และไม่ได้ประสานขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยคาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย แต่อาจจะหลบอยู่แนวชายแดน
ส่วนนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญนั้น ทางอัยการและกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
"บอย"มอบทนายดูแลด้านกม.
นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ดารานักแสดง กล่าวว่า ตกใจหลังทราบผลจากป.ป.ง.ให้อายัดรถลัมโบร์กีนี มูลค่า 13 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาโกงเงินสจล. ในเบื้องต้นจะให้ทนายความดูแลจัดการเรื่องทั้งหมดตามขั้นตอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปแสดงตัว และนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นให้กับ ปปง. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์แล้ว แต่ก็เคารพการตัดสินของ ปปง.
อายัดเรือขบวนการค้าน้ำเถื่อน"เสี่ยโจ้" 19 ลำ
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. กล่าวถึงกรณีที่นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสียโจ้กับพวกรวม 13 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันนำเรือพาของ(น้ำมันเชื้อเพลิง)ที่ยังมิได้เสียภาษี หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เข้ามาในราชอาณาจักร(ค้าน้ำมันเถื่อน) และข้อหาอื่นๆตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ว่าจากการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้อายัดที่ดิน 33 แปลง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของนายสหชัยกับไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วันแล้ว
ล่าสุด จากการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ประชุมมีมติยึดทรัพย์เป็นเรือ 19 รายการไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ เรือดังกล่าวเป็นเรือที่นายสหชัยกับพวกใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าน้ำมัน และนายสหชัยกับพวกได้ซื้อเรือยนต์ทั้ง 19 ลำ โดยชำระราคาแล้ว แต่ไม่ได้ไปจดหลักฐานการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ หรือใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ครอบครอง หรือมีกรรมสิทธิ์ในเรือยนต์ดังกล่าวแทนตนเอง และมีเหตุอันเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ปปง.จึงอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบ
จำคุก 1 ปี 6 เดือน"พงศ์พัฒน์" ผิด พ.ร.บ.ป่าไม้
ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (12 ก.พ.) ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.415/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นางสวงค์ หรือ สวงศ์ มุ่งเที่ยง อายุ 54 ปี และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 ปี สามีภรรยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 3 ตามลำดับ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 และ 74
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 9 เดือน และให้ยึดไม้ชิงชันแปรรูป จำนวน 68 แผ่นด้วย
จากกรณีที่กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ และพวกในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์เงินกองคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท และข้อหาอื่นๆ ต่อมาได้ประสานมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ขอให้ตรวจสอบ วิเคราะห์การทำธุรกรรมทางการเงิน และให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายฟอกเงินนั้น
วานนี้(12ก.พ.) ที่สำนักงานปปง. พ.ตอ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงว่า ที่ผ่านมาปปง.ได้ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินแล้ว 7 คำสั่ง จำนวน 182 รายการ และล่าสุดปปง.ได้ตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม พบทรัพย์สิน 22 รายการ ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และมีเหตุอันเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จึงมีมติยึดและอายัดทรัพย์เพิ่มเติม 22 รายการ ดังนี้
1.กิจการของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 2.กิจการของสตรีทผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ 3.รถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หทะเบียน ฆง 5995 กรุงเทพมหานคร หรือป้ายแดง ก-5983 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 4.รถโดยสารไม่ประจำทาง(รถโดยสารสองชั้นปรับอากาศ)ยี่ห้อ LEYLAND E0401 ทะเบียน 30-0549 พิษณุโลก ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด 5 รถโดยสารไม่ประจำทาง(รถโดยสารสองชั้นปรับอากาศ) ยี่ห้ออีซูซุ สตาร์ คิงส์ ทะเบียน 30-0489 พิษณุโลก ของบริษัท มัทธุจัด จำกัด
6 รถตู้นั่งสี่ตอน ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮร 2351 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทเค ลิฟวิ่ง แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด 7.รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวสีขาว รุ่น Z4 หมายเลขทะเบียน ญจ 9 กรุงเทพมหานคร ของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 8.โฉนดที่ดิน 4 แปลงในจ.สมุทรปราการ นนทบุรี และพิษณุโลก 9.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ จำนวน 2 บัญชี วงเงิน 1,507,697,.13 บาท 10.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ 2 บัญชี จำนวนเงิน 1,637,106.39 บาท
11.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ 1 บัญชี จำนวนเงิน 95,558.80 บาท และ 12.บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 6 บัญชี จำนวนเงิน 1,201,819.37 บาท รวมราคาประเมินทั้งหมดประมาณ 192 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่ได้ประเมินกิจการของสตรีทผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ ที่คาดว่ามากกว่า 100 ล้านบาท
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ในส่วนของทรัพย์สินที่ได้ออกคำสั่งยึดและอายัดไว้แล้ว บุคคลที่ถูกยึดและอายัดทรัพย์สิน และผู้เสียส่วนได้เสียในทรัพย์สิน สามารถยื่นคำร้องขอโต้แย้งคัดค้านการยึดและอายัดทรัพย์สิน โดยขอให้มีการเพิกถอนการยึด และอายัดทรัพย์สินดังกล่าว ทั้งนี้ มีทรัพย์สินที่คณะกรรมการธุรกรรม มีมติเห็นชอบให้เพิกถอน 39 รายการ เนื่องจากเห็นว่ามิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สำหรับรถยนต์ลัมโบกีนีของนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ซื้อต่อจากผู้ต้องหาคดีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดรถไว้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งหลังจากนี้นายปกรณ์สามารถยื่นคำร้องก่อนศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยแสดงให้ศาลเห็นว่าเป็นผู้รับโอนโดยสุจริต และมีค่าตอบแทน
อย่างไรก็ตามหากนายปกรณ์ประสงค์จะนำรถไปใช้ก่อน ให้มาดำเนินการวางหลักทรัพย์เท่ากับราคาของทรัพย์ที่ปปง.ยึด โดยจำนวนของหลักทรัพย์ที่ใช้วางนั้น ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการประเมินราคา
ทางด้านพ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าติดตามนายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ยังคงหลบหนีอยู่ และไม่ได้ประสานขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยคาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย แต่อาจจะหลบอยู่แนวชายแดน
ส่วนนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญนั้น ทางอัยการและกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
"บอย"มอบทนายดูแลด้านกม.
นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ดารานักแสดง กล่าวว่า ตกใจหลังทราบผลจากป.ป.ง.ให้อายัดรถลัมโบร์กีนี มูลค่า 13 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาโกงเงินสจล. ในเบื้องต้นจะให้ทนายความดูแลจัดการเรื่องทั้งหมดตามขั้นตอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปแสดงตัว และนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นให้กับ ปปง. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์แล้ว แต่ก็เคารพการตัดสินของ ปปง.
อายัดเรือขบวนการค้าน้ำเถื่อน"เสี่ยโจ้" 19 ลำ
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. กล่าวถึงกรณีที่นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสียโจ้กับพวกรวม 13 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันนำเรือพาของ(น้ำมันเชื้อเพลิง)ที่ยังมิได้เสียภาษี หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เข้ามาในราชอาณาจักร(ค้าน้ำมันเถื่อน) และข้อหาอื่นๆตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ว่าจากการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้อายัดที่ดิน 33 แปลง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของนายสหชัยกับไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วันแล้ว
ล่าสุด จากการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ประชุมมีมติยึดทรัพย์เป็นเรือ 19 รายการไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ เรือดังกล่าวเป็นเรือที่นายสหชัยกับพวกใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าน้ำมัน และนายสหชัยกับพวกได้ซื้อเรือยนต์ทั้ง 19 ลำ โดยชำระราคาแล้ว แต่ไม่ได้ไปจดหลักฐานการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ หรือใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ครอบครอง หรือมีกรรมสิทธิ์ในเรือยนต์ดังกล่าวแทนตนเอง และมีเหตุอันเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ปปง.จึงอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบ
จำคุก 1 ปี 6 เดือน"พงศ์พัฒน์" ผิด พ.ร.บ.ป่าไม้
ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (12 ก.พ.) ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.415/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นางสวงค์ หรือ สวงศ์ มุ่งเที่ยง อายุ 54 ปี และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 ปี สามีภรรยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 3 ตามลำดับ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 และ 74
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 9 เดือน และให้ยึดไม้ชิงชันแปรรูป จำนวน 68 แผ่นด้วย