ตร.เร่งสรุปสำนวนคดีโกงเงิน สจล. ระบุ 26 ผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวโยงบัญชีโอนเงินต้องเข้าให้ปากคำ 23 ม.ค.นี้ ปล่อยตัวน้องสาว “กิตติศักดิ์” ไม่พบมีส่วนรู้เห็นการผ่องถ่ายทรัพย์สินหรือฟอกเงิน
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัว น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย น้องสาวของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญคดีนี้แล้ว หลังสอบปากคำและสอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ดินที่ครอบครอง รวมถึงความเกี่ยวข้องทางธุรกิจที่ทำร่วมกับนายกิตติศักดิ์ เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงการให้การก็ยังไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร จึงได้ปล่อยตัวกลับไปตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า หากเจ้าหน้าที่พบว่ายังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็จะเชิญตัวมาให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้วันนี้จะมีพยานเดินทางให้ปากคำตามหมายเรียกทั้งหมด 6 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นายจักรี ปัดภัย สามีของ น.ส.จุฑารัตน์ น้องสาวนายกิตติศักดิ์ เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคมนายจักรีติดธุระ จึงประสานขอให้ปากคำในวันนี้แทน ส่วนอีก 5 ปากเป็นบุคคลที่พบว่ามีเงินจากผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีโอนผ่านเข้าบัญชี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะเข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เมื่อวันที่ 20 มกราคมไม่ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามที่ได้นัดหมายไว้
พ.ต.อ.ณษกล่าวอีกว่า ล่าสุดมีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนของบัญชีเงินที่พบมีการโอนเงินจาก สจล.ผ่านเข้ามาในบัญชีแล้วทั้งสิ้น 7 ปาก โดยจากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับนายกิตติศักดิ์ นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีต ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 25 ปี ทั้งนี้ในส่วนของ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงชื่อดังที่เดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ในวันนี้นั้น ทางพนักงานสอบสวนเตรียมประสานไปยัง ปปง.เพื่อขอรายละเอียดทั้งหมด มาประกอบสำนวนคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนคดีดังกล่าวเพื่อสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนต่างๆ พ.ต.อ.ณษ กล่าวก่อนการประชุมว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อ น.ส.อัมพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลังของสถาบันดังกล่าว และนายทรงกลดนั้น มีการฝากขังเป็นครั้งที่ 4 เหลือเวลาอีก 25 วัน ทางพนักงานสอบสวนจะต้องเร่งสรุปสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นเพื่อให้ทันในการส่งฟ้อง และในส่วนของชุดสืบสวนก็จะเร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือซึ่งยังหลบหนีอยู่ ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นายสมพงษ์ สหพรอุดมการ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่ายังมีบุคคลใดที่เชื่อมโยงกับการกระทำความผิดเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า ส่วนใครที่สอบปากคำแล้วไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีก็จะพิจารณาตัดรายชื่อออกไป อย่างไรก็ตาม สำหรับบุคคลที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้เข้าพบทั้ง 26 คนนั้น ภายในวันที่ 23 มกราคมนี้ทั้งหมดจะต้องเข้าพบพนักงานสอบสวน หากรายใดไม่เข้ามาตามนัดต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมมาชี้แจงเพื่อเลื่อนนัดหมายออกไป
พ.ต.อ.ณษกล่าวอีกว่า ส่วนอาจารย์ศรุต ราชบุรี ที่พบว่ามีส่วนพัวพันกับคดีนี้ด้วยนั้น ตนได้เร่งรัดให้อาจารย์ศรุตนำพยานหลักฐานมาแสดงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่การสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีของ ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง ขณะนี้ทาง ศ.ดร.ถวิล ยังคงอยู่ต่างประเทศ โดยทราบว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 24 มกราคมนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังต้องรอเอกสารจากทางธนาคารเพื่อตรวจสอบกับลายเซ็นของ ศ.ดร.ถวิลอยู่
พ.ต.อ.ณษกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากธนาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงิน รับเงินของผู้ต้องหาเป็นอย่างดี เมื่อเชิญมาให้ข้อมูลก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาพบทุกครั้ง แต่ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคดีมากนัก สาเหตุคงมาจากปัญหาเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องมีจำนวนมาก และทางธนาคารต้องตรวจสอบย้อนหลังไปหลายปีซึ่งตนก็มีการประสานกับทางธนาคารตลอดเวลา ที่สำคัญก็คือทางธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นต้นทางของเงินในบัญชีก่อนจะถูกกระจายไปยังบัญชีธนาคารอื่นๆ