พนักงานสอบสวน แจ้ง 3 ข้อหา แม่ “กิตติศักดิ์” ฐานร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าของรัฐในการกระทำความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันฟอกเงิน พบหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีของ สจล. มาเข้าบัญชีก่อนนำไปฟอกเงินด้วยการซื้อที่ดิน ตั้งแต่ปี 2554 - 55 รวมแล้ว ไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน
วันนี้ (19 ม.ค.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. กล่าวว่า วันนี้หลังจากที่ นางระดม มัทธุจัด อายุ 54 ปี พรัอมด้วย น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย มารดาและน้องสาว ของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และ นายจักรี ปัดภัย สามี น.ส.จุฑารัตน์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตามหมายเรียกที่ได้ออกไปแล้วนั้น ทางพนักงานสอบสวนกองปราบได้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ รวมทั้งเส้นทางการเงินแล้ว พบว่า นางระดม มีส่วนในการยักย้ายถ่ายเทเงินให้กับนายกิตติศักดิ์ รวมหลายครั้ง ทั้งการโอนเงินจากบัญชีของ สจล. มาเข้าบัญชีของนางระดม จำนวน 6.2 ล้านบาท และยังพบว่ามีการโอนเงินอีกหลายครั้งจากนายกิตติศักดิ์ มาให้ นางระดม นำไปฟอกเงินด้วยการซื้อที่ดิน ผ่องถ่ายซื้อข้าวของ ตั้งแต่ปี 2554 - 55 รวมแล้ว ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหา ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าของรัฐในการกระทำความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันฟอกเงิน
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ส่วน นางจุฑารัตน์ ลูกสาว และ นายจักรี สามี จากการตรวจสอบขณะนี้หลักฐานยังไม่ถึง โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำพร้อมกับนำตัวไปผลัดฟ้องฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ในวันพรุ่งนี้ต่อไป ส่วนการออกหมายจับเพิ่มเติมนั้นมีแน่นอน ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน ที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับนั้น ได้เดินทางเข้ามาพบตนและพนักงานสอบสวน โดยนำหลักฐานเอกสารต่างๆ มาแสดงให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบดูว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดย นายสุรภพ นั้นเป็นเจ้าของร้านทองใน จ.พิจิตร ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า ได้รับการโอนเงินมาจากบัญชี สจล. จำนวน 6.2 ล้านบาท จากการสอบสวนทราบว่า นายกิตติศักดิ์์ ได้ทำธุรกิจค้าขายทองคำ กับส่วนเงินที่โอนเข้ามานั้นคิดว่า นายสุรภพ ร่วมลงทุนซื้อขายทองคำ กับ นายกิตติศักดิ์ เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแล้วเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย จึงได้ตัดเรื่องที่จะออกหมายจับนายสุภพทิ้งไป
พ.ต.อ.ณษ กล่าวอีกว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นายสุรภพ และตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางระดม แล้วพบว่ายังมีผู้ต้องหาอีกหลายรายที่ทางพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป แต่ช่วงนี้รอรวบรวมเอกสารหลักฐานเสียก่อน ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เป็นประธานสอบสวน นายทรงกลด ศรีประสงค์ กรณีพบข้อสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่เป็นผู้จัดการธนาคารดังกล่าว สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ เมื่อปี 2556 ได้เข้าให้รายละเอียดกับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่หลักฐานคำให้การของ นายทรงกลด นั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่ายังหาไม่เจอ
พ.ต.อ.ณษ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่ถูกเรียกว่า “บอส” นั้น ขณะนี้หลักฐานอกสารที่พบยังไม่ถึงขั้นนั้น สำหรับตัวบอส นั้นยังอยู่อีกขั้นตอนนึง เจ้าหน้าที่กำลังหาหลักฐานพยานเอกสารต่างๆ รวมทั้งจับกุมตัวบุคคลในชั้นแรกๆ ที่พบว่าเส้นทางการเงินไปถึงก่อน เพื่อจะได้ให้ใกล้ตัว “บอส” มากที่สุด ส่วน นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นั้น ทราบว่า อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อกลับมาแล้วเจ้าตัวจะเข้ามาให้ปากคำพนักงานสอบสวน ถึงเรื่องทรัพย์สินต่อไป
