ตร.ปัดข่าว "ถวิล พึ่งมา" อดีตอธิการ สจล. เซ็นเบิกเงินขณะดำรงตำแหน่ง 500 ล้าน แต่จะเรียกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่แจ้งต่อป.ป.ช.ยืนยันคดีนี้มีออกหมายจับเพิ่มอีกแน่นอน ประสานอสส.ล่า"กิติติศักดิ์" การโกงเงินสจล.ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนวันนี้ รู้แหล่งกบดาวอังกฤษ ส่งตำรวจสากลออกหมายแดงล่า มั่ยใจหากได้ตัวสาวถึงบอสแน่ ขอหมายจับเพิ่ม ผู้ร่วมขบวนการอีกรายหลังพบมีเงินโอนเข้าบัญชีเจ้าตัว 6.2 ล้าน
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนในคดีโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงเรื่องที่มีข่าวว่า นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล.เซ็นเบิกเงินจำนวน 500 ล้านบาท ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนั้น เท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นแต่การที่พนักงานสอบสวนจะเรียก นายถวิล มาให้ปากคำอีกครั้ง เพราะยังมีประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย คือ เรื่องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างได้มาอย่างไรมีที่มาที่ไปหรือไม่
"ส่วนเรื่องที่นายถวิลถูกปลดจากคณะกรรมการของ สจล.นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในของสถาบันฯ ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเว้นแต่ว่ามีเรื่องการโกงเงินเกี่ยวข้อง" รอง ผบก.ป.กล่าว
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ น.ส.ณุมาพร พัฒนพงศธร ได้เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในเรื่องสจล.สั่งซื้ออุปกรณ์การแพทย์สำหรับใช้ในการเรียนในช่วงปี 2555 แล้วจ่ายเงินจำนวนเกือบ 2 ล้านบาทไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้รับของทั้งหมดนั้น ทั้งนี้ ต้องดูว่ามีส่วนเกี่ยวกันหรือไม่ซึ่งเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนคงจะไม่รวมมาเป็นคดีเดียวกัน
พ.ต.อ.ณษ กล่าวด้วยว่า สำหรับการขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มนั้นมีแน่ เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินจากบัญชีของสจล.โอนเข้าไปบัญชีของนายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ น่าจะมีเป็นหลักเกิน 10 ล้านบาท โดยทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมเอกสารอนุมัติขอหมายจับจากศาลต่อไป
ทั้งนี้เป็นวันแรกที่พนักงานสอบสวนนัดพวกที่อยู่ในเครือข่ายที่ทาง ปปง.ได้อายัดบัญชีการเงินไว้จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงสาเหตุที่มีเงินโอนเข้าจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด รอบแรกจำนวน 5 ราย จนถึงวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งทุกคนรู้ตัวหมดแล้วถ้าไม่มาตามเรียกพนักงานสอบสวนจะทำตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
** ประสาน อสส.ล่ากิตติศักดิ์"
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีฉ้อโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำนวน 1,494 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ยอมรับว่าทราบแล้วว่า บอสที่กลุ่มผู้ต้องหาอ้างถึงคือใครแต่ด้วยพยานหลักฐานยังไม่โยงใยถึง จึงยังไม่สามารถเชิญตัวมาหรือประกบติดตามได้ ด้วยข้อจำกัดของกฎหมาย
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ที่ยังหลบหนีเป็นกุญแจสำคัญที่ไขถึงตัวบอสใหญ่ หากได้ตัวนายกิตติศักดิ์ มา เชื่อว่า จะโยงใยถึงได้ เชื่อว่า บอสคนนี้จะมีส่วนรับรู้รับทราบ แต่ไม่ได้เข้ามาดำเนินการอะไรมากนัก ทั้งนี้ แม้ขณะนี้มีการใช้กฎอัยการศึกได้เพื่อให้อำนาจกฎหมายเชิญตัวบอสมาให้ข้อมูลก่อน แต่การใช้กฎอัยการศึกต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ว่าเหมาะสมหรือไม่ เรื่องที่ใช้กระทบความมั่นคงหรือไม่ ไม่สามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง
โฆษก ตร. กล่าวถึงการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสืบทราบว่า นายกิตติศักดิ์ ได้ถือหนังสือเดินทางเข้าไปในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา และยังอยู่ในอังกฤษ ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเตรียมจัดส่งเอกสารประสานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการขอส่งตัวนายกิตติศักดิ์ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม จะส่งหนังสือดังกล่าวถึงอัยการสูงสุด
ไทยกับอังกฤษ มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน และที่ผ่านมา ก็มีความร่วมมือที่ดีต่อกัน ตนเดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้รับคำชมจากรัฐบาลอังกฤษถึงการทำงานและประสานงานของตำรวจไทยในคดีความต่างๆ ทั้งกรณีเกาะเต่า และการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอื่นๆ คาดว่า เมื่ออัยการสูงสุดทำเรื่องเสนอไปยังอังกฤษจะได้รับความร่วมมืออย่างดี ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อ ตร. ประสานไปทางอัยการสูงสุด ในวันจันทร์นี้ คาดว่า จะมีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูต และส่งถึงรัฐบาลอังกฤษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการภายใน 2 - 3 วัน ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลอังกฤษว่าจะดำเนินการจับกุมนายกิตติศักดิ์ให้หรือไม่ และจะส่งให้ทางการไทยหรือไม่ อย่างไร
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตำรวจไทยได้ประสานส่งข้อมูลหมายคดีเลขแดงของนายกิตติศักดิ์ ไปยังตำรวจสากล เพื่อดำเนินการออกหมายจับด้วย หากนายกิตติศักดิ์หลบหนีไปประเทศอื่น ก็ยังมีหมายแดงติดตัว ตำรวจสากลสามารถช่วยจับกุมได้
*****เรียกอดีตอธิการฯ แจงทรัพย์สิน
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. กล่าวถึงคดีลักเงิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ว่า ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เรียกบรรดาผู้ที่มีรายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวน 29 ราย โดยแบ่งนัดกันมาเป็นชุดๆ ละประมาณ 5 ราย ตั้งแต่วันที่ 19 - 27 ม.ค. เพื่อมาสอบปากคำรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเส้นทางการเงินว่าทำไมถึงโอนเข้ามาและมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งก็มีบางรายได้เข้าให้รายละเอียดกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้รายละเอียดว่า เงินที่นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด โอนให้นั้น เป็นเงินที่เกิดขึ้นมาจากการพนัน
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ภายในวันจันทร์และอังคารนี้ พนักงานสอบสวนได้นัดให้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่งตัวแทนเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้รายระเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ให้ นายทรงกลด ศรีประสงค์ ลาออก พร้อมเพื่อนพนักงานที่สนิท รวมทั้งทางฝ่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ว่า ทำไมถึงรับนายทรงกลด เข้าไปเป็นผู้จัดการธนาคาร ทั้งที่น่าจะมีการตรวจสอบประวัติของผู้สมัครก่อน รวมทั้งเรื่องการทำงานที่ผิดปกติในช่วงที่นายทรงกลดเป็นผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยาด้วย ทั้งนี้ หลังจากที่ให้พนักงานสอบสวน เรียกตัวเพื่อนสนิทที่โดนให้ออกและลดขั้น เพื่อมาสอบรายละเอียดนั้น ขณะนี้ยังติดตามตัวอยู่ ชุดทำงานยังไม่มีข้อมูลเข้ามาว่าจะได้ตัวมาสอบรายละเอียดเมื่อไหร่ แต่ได้กำชับไปว่าให้ติดตามตัวมาให้พนักงานสอบสวนสอบถามรายละเอียดให้ได้
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง “บอส” ที่ นายภาดา บัวขาว ให้การไว้กับชุดสืบสวน ยอมรับว่า จากการสอบสวนยังไม่ถึง ชุดทำงานด้านสืบสวนอาจจะมีข้อมูลมากกว่า แต่ขั้นตอนของการสอบสวนยังไม่ถึง แต่พอจะบอกได้ว่า มีผู้ที่เป็น “บอส” อยู่จริง ทั้งนี้ จะต้องสอบเส้นทางการเงินของพนักงานธนาคารเสียก่อน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งทำงานกันอยู่ คาดว่าในอีกไม่นานนี้ก็คงจะรู้ว่า “บอส” ที่พูดถึงเป็นใคร
รายงานข่าวแจ้งว่า เร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนจะมีการทำหนังสือเรียก นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เข้าชี้แจงกรณีทรัพย์สิน 86 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 32 ล้านบาท ที่ดิน 42 ล้านบาท ยานพาหนะ 8 ล้านบาท เงินฝากและทรัพย์สินอื่นๆ อีก 4 ล้านบาท ที่รายงานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อปี 2557 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะให้ นายถวิล ชี้แจงถึงทรัพย์สินที่ได้มาว่าได้มาอย่างไรและมาตั้งแต่ปีไหน ก่อนหรือหลังมีการลักเงิน สจล.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบว่า มีผู้เข้าข่ายกระทำความผิดในคดีดังกล่าวเป็น อีก 1 ราย คือ นายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ ซึ่งพบว่าเมื่อปี 2556 ได้มีเงินโอนมาจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ของ สจล. เข้าบัญชีของ นายสุรภพ จำนวน 6.2 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขอหมายจับต่อไป ส่วน นายสุรภพ จะเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายอื่นหรือไม่นั้น คงต้องรอการสืบสวนสอบต่อไป.
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนในคดีโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงเรื่องที่มีข่าวว่า นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล.เซ็นเบิกเงินจำนวน 500 ล้านบาท ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนั้น เท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นแต่การที่พนักงานสอบสวนจะเรียก นายถวิล มาให้ปากคำอีกครั้ง เพราะยังมีประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย คือ เรื่องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างได้มาอย่างไรมีที่มาที่ไปหรือไม่
"ส่วนเรื่องที่นายถวิลถูกปลดจากคณะกรรมการของ สจล.นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในของสถาบันฯ ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเว้นแต่ว่ามีเรื่องการโกงเงินเกี่ยวข้อง" รอง ผบก.ป.กล่าว
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ น.ส.ณุมาพร พัฒนพงศธร ได้เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในเรื่องสจล.สั่งซื้ออุปกรณ์การแพทย์สำหรับใช้ในการเรียนในช่วงปี 2555 แล้วจ่ายเงินจำนวนเกือบ 2 ล้านบาทไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้รับของทั้งหมดนั้น ทั้งนี้ ต้องดูว่ามีส่วนเกี่ยวกันหรือไม่ซึ่งเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนคงจะไม่รวมมาเป็นคดีเดียวกัน
พ.ต.อ.ณษ กล่าวด้วยว่า สำหรับการขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มนั้นมีแน่ เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินจากบัญชีของสจล.โอนเข้าไปบัญชีของนายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ น่าจะมีเป็นหลักเกิน 10 ล้านบาท โดยทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมเอกสารอนุมัติขอหมายจับจากศาลต่อไป
ทั้งนี้เป็นวันแรกที่พนักงานสอบสวนนัดพวกที่อยู่ในเครือข่ายที่ทาง ปปง.ได้อายัดบัญชีการเงินไว้จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงสาเหตุที่มีเงินโอนเข้าจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด รอบแรกจำนวน 5 ราย จนถึงวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งทุกคนรู้ตัวหมดแล้วถ้าไม่มาตามเรียกพนักงานสอบสวนจะทำตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
** ประสาน อสส.ล่ากิตติศักดิ์"
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีฉ้อโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำนวน 1,494 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ยอมรับว่าทราบแล้วว่า บอสที่กลุ่มผู้ต้องหาอ้างถึงคือใครแต่ด้วยพยานหลักฐานยังไม่โยงใยถึง จึงยังไม่สามารถเชิญตัวมาหรือประกบติดตามได้ ด้วยข้อจำกัดของกฎหมาย
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ที่ยังหลบหนีเป็นกุญแจสำคัญที่ไขถึงตัวบอสใหญ่ หากได้ตัวนายกิตติศักดิ์ มา เชื่อว่า จะโยงใยถึงได้ เชื่อว่า บอสคนนี้จะมีส่วนรับรู้รับทราบ แต่ไม่ได้เข้ามาดำเนินการอะไรมากนัก ทั้งนี้ แม้ขณะนี้มีการใช้กฎอัยการศึกได้เพื่อให้อำนาจกฎหมายเชิญตัวบอสมาให้ข้อมูลก่อน แต่การใช้กฎอัยการศึกต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ว่าเหมาะสมหรือไม่ เรื่องที่ใช้กระทบความมั่นคงหรือไม่ ไม่สามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง
โฆษก ตร. กล่าวถึงการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสืบทราบว่า นายกิตติศักดิ์ ได้ถือหนังสือเดินทางเข้าไปในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา และยังอยู่ในอังกฤษ ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเตรียมจัดส่งเอกสารประสานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการขอส่งตัวนายกิตติศักดิ์ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม จะส่งหนังสือดังกล่าวถึงอัยการสูงสุด
ไทยกับอังกฤษ มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน และที่ผ่านมา ก็มีความร่วมมือที่ดีต่อกัน ตนเดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้รับคำชมจากรัฐบาลอังกฤษถึงการทำงานและประสานงานของตำรวจไทยในคดีความต่างๆ ทั้งกรณีเกาะเต่า และการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอื่นๆ คาดว่า เมื่ออัยการสูงสุดทำเรื่องเสนอไปยังอังกฤษจะได้รับความร่วมมืออย่างดี ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อ ตร. ประสานไปทางอัยการสูงสุด ในวันจันทร์นี้ คาดว่า จะมีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูต และส่งถึงรัฐบาลอังกฤษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการภายใน 2 - 3 วัน ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลอังกฤษว่าจะดำเนินการจับกุมนายกิตติศักดิ์ให้หรือไม่ และจะส่งให้ทางการไทยหรือไม่ อย่างไร
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตำรวจไทยได้ประสานส่งข้อมูลหมายคดีเลขแดงของนายกิตติศักดิ์ ไปยังตำรวจสากล เพื่อดำเนินการออกหมายจับด้วย หากนายกิตติศักดิ์หลบหนีไปประเทศอื่น ก็ยังมีหมายแดงติดตัว ตำรวจสากลสามารถช่วยจับกุมได้
*****เรียกอดีตอธิการฯ แจงทรัพย์สิน
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. กล่าวถึงคดีลักเงิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ว่า ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เรียกบรรดาผู้ที่มีรายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวน 29 ราย โดยแบ่งนัดกันมาเป็นชุดๆ ละประมาณ 5 ราย ตั้งแต่วันที่ 19 - 27 ม.ค. เพื่อมาสอบปากคำรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเส้นทางการเงินว่าทำไมถึงโอนเข้ามาและมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งก็มีบางรายได้เข้าให้รายละเอียดกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้รายละเอียดว่า เงินที่นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด โอนให้นั้น เป็นเงินที่เกิดขึ้นมาจากการพนัน
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ภายในวันจันทร์และอังคารนี้ พนักงานสอบสวนได้นัดให้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่งตัวแทนเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้รายระเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ให้ นายทรงกลด ศรีประสงค์ ลาออก พร้อมเพื่อนพนักงานที่สนิท รวมทั้งทางฝ่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ว่า ทำไมถึงรับนายทรงกลด เข้าไปเป็นผู้จัดการธนาคาร ทั้งที่น่าจะมีการตรวจสอบประวัติของผู้สมัครก่อน รวมทั้งเรื่องการทำงานที่ผิดปกติในช่วงที่นายทรงกลดเป็นผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยาด้วย ทั้งนี้ หลังจากที่ให้พนักงานสอบสวน เรียกตัวเพื่อนสนิทที่โดนให้ออกและลดขั้น เพื่อมาสอบรายละเอียดนั้น ขณะนี้ยังติดตามตัวอยู่ ชุดทำงานยังไม่มีข้อมูลเข้ามาว่าจะได้ตัวมาสอบรายละเอียดเมื่อไหร่ แต่ได้กำชับไปว่าให้ติดตามตัวมาให้พนักงานสอบสวนสอบถามรายละเอียดให้ได้
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง “บอส” ที่ นายภาดา บัวขาว ให้การไว้กับชุดสืบสวน ยอมรับว่า จากการสอบสวนยังไม่ถึง ชุดทำงานด้านสืบสวนอาจจะมีข้อมูลมากกว่า แต่ขั้นตอนของการสอบสวนยังไม่ถึง แต่พอจะบอกได้ว่า มีผู้ที่เป็น “บอส” อยู่จริง ทั้งนี้ จะต้องสอบเส้นทางการเงินของพนักงานธนาคารเสียก่อน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งทำงานกันอยู่ คาดว่าในอีกไม่นานนี้ก็คงจะรู้ว่า “บอส” ที่พูดถึงเป็นใคร
รายงานข่าวแจ้งว่า เร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนจะมีการทำหนังสือเรียก นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เข้าชี้แจงกรณีทรัพย์สิน 86 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 32 ล้านบาท ที่ดิน 42 ล้านบาท ยานพาหนะ 8 ล้านบาท เงินฝากและทรัพย์สินอื่นๆ อีก 4 ล้านบาท ที่รายงานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อปี 2557 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะให้ นายถวิล ชี้แจงถึงทรัพย์สินที่ได้มาว่าได้มาอย่างไรและมาตั้งแต่ปีไหน ก่อนหรือหลังมีการลักเงิน สจล.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบว่า มีผู้เข้าข่ายกระทำความผิดในคดีดังกล่าวเป็น อีก 1 ราย คือ นายสุรภพ ตั้งประดิษฐ์ ซึ่งพบว่าเมื่อปี 2556 ได้มีเงินโอนมาจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ของ สจล. เข้าบัญชีของ นายสุรภพ จำนวน 6.2 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขอหมายจับต่อไป ส่วน นายสุรภพ จะเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายอื่นหรือไม่นั้น คงต้องรอการสืบสวนสอบต่อไป.