xs
xsm
sm
md
lg

กระชากหน้ากาก“บิ๊กตุ๊ด”สจล. หัวหน้าแก๊งดูดเงิน พิ้งกี้ว่าไงบัตร-ลายเซ็นหรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในที่สุดแก๊งเกย์แสบคดีโคตรโกง 1.6 พันล้าน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (สจล.) ที่พนักงานสอบสวนค่อยๆ แกะรอยตามจับทีละคน เฉพาะคำรับสารภาพของนายภาดา บัวขาว หรือโอ๊ต พราด้า คู่ขา นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีก็สามารถ “ฟันธง”ได้ว่า แท้จริงแล้วเหตุผลของการยักยอกเงินครั้งมโหฬารนี้ก็มาจากความโลภ กามโลกีย์ และความฟุ้งเฟ้อของแก๊งเกย์ที่บังเอิญโคจรมาพบกัน

หลังจาก นายภาดา หรือโอ๊ต พราด้า ถูกตำรวจรวบตัวเขาได้ยอมรับอย่างหมดเปลือกว่า นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ก็คือเกย์นักรักที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีต ผจก.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีศรีนครินทร์ ผู้ต้องหาคดีโกง 1.6 พันล้านเป็นคนแรก ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศจนมาถึงบางอ้อเมื่อ นายภาดา ซัดทอดไปถึงจนสามารถคลำทางเป็นรูปเป็นร่างได้ชัดมากขึ้น..ชัดทอดจนนำไปสู่หัวหน้าแก๊งเกย์ตัวจริงที่ยังลอยนวลอยู่ในรั้ว สจล.

ย้อนรอยคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องทั้งสิ้น 8 คน คือ นายทรงกลด ศรีประสงค์ ผจก.ธนาคารฯ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล.นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโทฯ นายจิรวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ นางสมบัติ โสประดิษฐ์ น.ส.จันจิรา โสประดิษฐ์ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ และนายภาดา บัวขาว รายล่าสุด ส่วนนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญอยู่ระหว่างหลบหนี

จากการสอบสวนรวมทั้งคำรับสารภาพของ นายภาดา พอสรุปได้ว่า การยักยอกเงินดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อปี 2555 ตรงกับคำให้การของ ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่า ในการเซ็นชื่อเพื่อนำไปฝาก หรือถอนเงินจากบัญชีสมัยที่เป็นอธิการบดีฯ จะมอบหมายให้นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดีฯ ที่ดูแลด้านการคลัง และ ผอ.กองคลัง รวม 3 คน ที่จะต้องลงชื่อ 2 ใน 3 หมายความว่า ฝ่ายบริหาร 1 คน ฝ่ายคลัง 1 คน จึงจะดำเนินการได้ ระยะหลังทราบว่า มีการเปลี่ยนระบบเป็น 4 คน เหตุที่ต้องเซ็น 2 ใน 3 ก็เพราะบางครั้งผู้บริหารเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องมีคนทำหน้าที่แทน

คำให้การนี้ทำให้ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยเริ่มแคบลงอีกเพราะการยักยอกเริ่มประมาณปี 2555 คนลงนามต้อง 2 ใน 3 ประกอบด้วย ฝ่ายบริหาร และ ผอ.กองคลัง จึงให้ตัดฝ่ายการคลังไปได้เพราะน.ส.อำพร ถูกรวบตัวตั้งแต่ช่วงแรก สิ่งที่น่าจับตามองจึงอยู่ที่ระดับบริหาร...ใครล่ะ ระหว่าง ศ.ดรถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีฯ กับนายสรรพสิทธิ์ นิ่มนรรัตน์ รองอธิการบดีฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการคลัง หรือผู้บริหารรายอื่นๆ ที่ยังไม่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งจนถึงตอนนี้เชื่อว่าตำรวจจะต้องมีหลักฐานเด็ดไว้ในมือแล้ว รวมทั้งคำให้การซัดทอดของ นายภาดา ที่เริ่ม “แฉแหลก” ตั้งแต่สัมพันธ์สวาทระหว่างนายกิตติศักดิ์ กับนายทรงกลด อดีต ผจก.แบงก์

และแน่นอนว่าความสัมพันธ์ขบวนการนี้มิได้เพียงรู้จักกันเฉยๆ ก็สามารถไว้เนื้อเชื่อใจกล้าโกงเงินจำนวนมหาศาล แต่อะไรล่ะที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความกล้าบ้าบิ่นถ้าไม่ใช่ความโลภ กามารมณ์ และบทพิศวาสที่ติดอกติดใจกัน

ปฏิบัติการ 3 คนผัวเมียของชายนิยมถั่วดำระหว่าง นายทรงกลด นายกิตติศักดิ์ และนายภาดา แลกด้วยเงิดสดๆ ดลบันดาลได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ราคาแพง รถซูเปอร์คาร์โคตรหรู ของใช้แบรนด์เนม ไลฟ์สไตล์ที่หรูหราฟู่ฟ่า ได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่เหนือระดับทั้ง 3 จึงปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายให้ใครได้รู้ แม้บางครั้งนายภาดา จะออกอาการหึงแต่นายกิตติศักดิ์ ก็ใช้อำนาจเงินปรนเปรอจนหนำใจดังเช่นคำสารภาพที่ว่า ทริปเที่ยวฮ่องกงโดยเช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์นั้นเป็นการไถ่โทษของนายกิตติศักดิ์ ที่ทำให้โอ๊ต พราด้า โกรธ บัดนี้ตัวละครสำคัญกำลังจะเดินเข้าคุก แม้นายกิตติศักดิ์ จะกระเซอะกระเซิงหนีอยู่นอกประเทศแต่เชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะต้องชดใช้กรรมที่ทำไว้...

เมื่อละจากผู้ต้องหารายนี้โฟกัสต้องจ่อไปยังคนในรั้ว สจล. และแน่นอนว่าคงไม่ใช่ตัวเล็กๆ แต่ต้องเป็นระดับบิ๊กที่มีอำนาจเซ็นเบิกจ่ายเงินจากกองคลังได้ ยิ่งไปกว่าบุคคลผู้นี้จะต้องมีรสนิยม “ยิงประตูหลัง” เป็นบิ๊กถั่วดำที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

เรื่องราวทั้งหมดซึ่งไม่เกินการคาดเดา..อาจเป็นไปได้ว่าบรรดาครูบาอาจารย์แห่งสถาบันฯ อาจแอบเอาปูนหมายหัวไว้แล้ว รอวันตำรวจมากระชากหน้ากากเท่านั้น

*** ล่าตัว "กิตติศักดิ์" คีย์เวริดตัวสำคัญ

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง( สจล.)กว่า1.6พันล้านบาทว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้หาเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งสามารถติดตามจับกุมมาได้แล้ว 1 ราย คือนายภาดา บัวขาว ส่วนอีก 1 ราย คือนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการติดตามจับกุม คาดว่ายังคงกบดานอยู่ในประเทศ

สำหรับ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศนั้น ตำรวจได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลของประเทศไทย (อินเตอร์โพล) เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาแล้ว

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายธวัชชัย เราพบความเชื่อมโยงว่ามีหน้าที่คล้ายๆ นายภาดา คือ คอยผ่องถ่ายขายทรัพย์สินให้กับนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลติดตามเอาเงินและทรัพย์สินมาคืนให้กับทางสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง ให้มากที่สุด เนื่องจากทางสถาบันเสียเงินเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) ซึ่งทางปปง.ก็ใช้อำนาจทางกฎหมายของ ปปง.ตามไล่อายัดบัญชี หากพบว่าบัญชีใดมีความเกี่ยวโยงกับคดีก็จะอายัดไว้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน หากพบว่าได้มาจากการกระทำความผิดก็จะยึดไว้ทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินต่างๆหากพบว่าได้มาจากการกระทำผิดก็จะยึดเช่นกัน

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า หากได้ตัวนายกิตติศักดิ์มาก็จะได้อะไรอีกเยอะ และหากได้ตัวเร็วก็จะมาขยายผลเอาเงินคืนทางสถาบันฯ เพราะนายกิตติศักดิ์เป็นผู้ที่มีส่วนรู้เห็นมากที่สุด ซึ่งตัวละครเหล่านี้จะอยู่ในช่วงหลังๆที่มีการโอนถ่ายเงินจากบัญชีของ สจล. ยังมีช่วงแรกๆ ตั้งแต่ปี 2555 ที่เงินหายออกจากบัญชีของ สจล อีกจำนวนมากที่ยังตรวจสอบไม่พบ ซึ่งทางตำรวจก็กำลังตรวจสอบอยู่ว่าหายไปอยู่ที่ใคร

***"พิ้งกี้" ว่าไงบัตรประชาชน-ลายเซ็นโชว์หรา

เหมือนจะเรียบร้อยแต่คงต้องมีเรื่องให้เคลียร์กันอีกรอบเสียแล้วสำหรับนักแสดงสาว "พิ้งกี้ สาวิกา" หลังเจ้าตัวมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นส่วนและกรรมการ 1 ใน 7 บริษัทในเครือของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ตามข่าวที่ออกมา
ก่อนหน้านี้ทางด้านนักแสดงสาวเองก็ได้เข้าไปให้รายละเอียดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยยืนยันว่าไม่รู้จักกับอีกฝ่ายและไม่รู้ว่าตนเองเข้าไปมีชื่อในบริษัทที่ชื่อ เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสร้างและจำหน่ายบทประพันธ์ ละคร รวมถึงภาพยนตร์ จัดสร้างรายการ เกมโชว์ วาไรตี้ ออกงานอีเวนต์ได้อย่างไร
สำทับด้วยคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุว่าบริษัทที่ว่านี้ได้ถูกจดทะเบียไว้เฉยๆ ไม่พบการแจ้งผลประกบการ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าทางนักแสดงสาวนั้นน่าจะถูกนำชื่อไปเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่านั้น ดังนั้นทางนักแสดงสาวจึงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายกิตติศักดิ์ผู้ต้องหาในเรื่องของการฟอกเงินรวมถึงคงไม่ต้องให้นักแสดงสาวเข้ามาให้ปากคำอีกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สำนักข่าวอิศราเองได้ตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องที่นักแสดงสาวยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเคพีพีฯ นั้นจะเป็นจริงหรือไม่? เนื่องจากได้มีการตรวจสอบพบว่าในการจดทะเบียนบริษัทซึ่งนายกิตติศักดิ์ได้มอบหมายให้นายพีระพงษ์ ปานจันทร์ ไปยื่นตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. นั้นปรากฏว่าในเอกสารส่วนหนึ่งพบว่าได้มีลายมือชื่อของนักแสดงสาวลงนามกำกับในเอกสารด้วย
นอกจากนี้ในขั้นตอนของการจดทะเบียนนั้น ใน "ใบสำคัญรับชำระเงินลงหุ้น" ระบุไว้ชัดเจนว่าบริษัทเคพีพีฯ ได้รับเงินสดจากน.ส.สาวิกาจำนวน 3 แสนบาทเป็นค่าตอบแทนในการถือหุ้นจำนวน 3 พันหุ้นอีกด้วย ที่สำคัญก็คือในขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทตลอดจนการชำระเงินค่าหุ้นนั้น ได้มีสำเนาบัตรประชาชนของนักแสดงสาวซึ่งมีลายเซ็นของเจ้าตัวกำกับและรับรองสำเนาถูกต้องแนบไว้อีกด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น