xs
xsm
sm
md
lg

อดีตอธิการยันไม่เจอโกงพันล. จ่อพบตร.-อ้างเอกสารปลอม!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจขอความร่วมมือทางอาญาผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ประสานทางการฮ่องกง เพื่อติดตามตัว "กิตติศักดิ์ มัทธุจัด" ตัวกลางในการประสานให้กับกลุ่มผู้ต้องหายักยอกเงิน สจล.กว่า 1,600 ล้าน ตร.เผยเตรียมออกหมายเรียกอดีตอธิบดีฯ ขณะที่เจ้าตัวบอกนักข่าวพร้อมเข้าพบ ตร. เผยที่ผ่านมาไม่พบความผิดปกติ ยกเว้นเอกสารปลอม ส่วนการโยกเงินกินดอกเบี้ยแพงกว่าเป็นเรื่องธรรมดา

วานนี้ (28 ธ.ค.) จากกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าจับกุม นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ภายหลังทั้งสองได้ร่วมกันลักทรัพย์เป็นเงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง กว่า 1,600 ล้านบาท และมีการทำบัญชีธนาคารปลอม เพื่อลวงว่าเงินยังคงอยู่ในบัญชี รวมทั้งมีการถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลที่ 3 นั้น

รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุด การติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวกลางในการประสานให้กับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ ขณะนี้ได้เดินทางออกนอกประเทศไปฮ่องกงตั้งแต่เช้าวันที่24 ธันวาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ จะมีการขอความร่วมมือทางอาญา ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้ทางฮ่องกงติดตามหาตัวนายกิตติศักดิ์ส่งมายังประเทศไทยต่อไป นอกจากนั้นในวันที่ 29 ธันวาคม พนักงานสอบสวนจะทำหนังสือไปถึงสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง เพื่อขอเชิญตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นอนุมัติเบิกถอนเงินมาให้ข้อมูลในเรื่องการเซ็นต์อนุมัติเบิกถอนช่วงปี2555 ตั้งแต่มีเรื่องและก่อนเกิดเรื่อง รวมทั้งเชิญตัวนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เข้าให้ปากคำด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเชิญตัวนายถวิล รวมถึงผู้มีอำนาจในการเซ็นอนุมัติเงิน เข้าให้ปาก โดยทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อสอบปากคำแน่นอน ซึ่งเป็นการเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้

ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่างๆ พบพิรุธในตัวผู้ที่มีอำนาจเซ็นอนุมัติ น่าสงสัยกรณีที่มีการถ่ายโอนเงิน และปลอมแปลงเอกสารมาตั้งแต่ปี 2555 แล้ว แต่เหตุใดถึงไม่มีใครเอะใจหรือสงสัย หรือพบพิรุธอะไรบ้าง ทั้งที่กรณีที่จำนวนเงินค่อนข้างมาก ควรมีการตรวจสอบโดยละเอียด ตอนนี้จึงประสานขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพราะพบว่ามีการนำเงินไปใช้ในธุรกิจอื่น เช่น ซื้อบ้าน ซื้อทรัพย์สิน รวมทั้งจดเป็นนิติบุคคลคือ บริษัท มัทธุจัด จำกัด อีกด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าในกรณีที่จดเป็นนิติบุคคลนั้น มีรายชื่อบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ผู้ต้องหาทุกคนยังให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหา โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติม

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหา ย่านฝั่งธนบุรี และเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียม เดอะคีย์ ย่านแจ้งวัฒนะ และบ้านพักในหมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์ ย่านราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนายพูนศักดิ์ และบริษัท มัทธุจัด จำกัด ที่มีนายกิตติศักดิ์ เป็นเจ้าของ เพื่อหาพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว

***"ถวิล" พร้อมให้ข้อมูลตร.-ยอมรับรู้จักอำพร

นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการ สจล. ซึ่งดำรงตำแหน่งช่วงปี 2555 กล่าวว่า ทราบข่าวจากสื่อมวลชนแล้วว่า พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกวันที่ 29 ธันวาคมนี้ แต่หากยังไม่ได้รับหมายในวันดังกล่าวก็จะโทรศัพท์มาขอนัดหมายวันเพื่อให้ข้อมูลเอง ซึ่งตนก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ส่วนข่าวที่ออกมาว่าขบวนการยักยอกเงินเกิดขึ้นในสมัยที่ตนเป็นอธิการบดีนั้น ขอยืนยันว่าการลงนามของตนแต่ละครั้ง ก็จะตรวจสอบอย่างละเอียด การโอนเงินจากธนาคารหนึ่งไปอีกธนาคารหนึ่งที่ให้ดอกเบี้ยที่ดีกว่า ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นนโยบายของผู้บริหารและสภามหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยนอกระบบ ที่มีนโยบายที่จะหาดอกผลจากเงินคงคลัง ซึ่งก็จะเปิดปิดบัญชีในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งก่อนที่จะลงนามอนุมัติ ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ยกเว้นเอกสารที่ตนได้รับมานั้นเป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ทุกปีก็จะมีการตรวจสอบงบดุลบัญชีของมหาวิทยาลัยทั้งหน่วยงานภายในและภายนอก และรายงานสภา สจล.ทุกปี

"ผมรู้จัก น.ส.อำพร มานาน บุคลิกเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย แต่มักมีปัญหาสุขภาพ บ่อยๆ เมื่อเกิดข่าวการยักยอกเงินขึ้น ก็รู้สึกงงเล็กน้อย และเพราะมีพนักงานธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็อาจทำเอกสารต่างๆได้แนบเนียน ทั้งเงินที่หายไปจำนวนมากถึง 1 พันกว่าล้าน ก็น่าจะทำกันมานาน อาจจะทำกันตั้งแต่ สจล.ออกนอกระบบปี 51 ก็ได้ จึงอยากให้ตำรวจช่วยสอบสวนย้อนหลังกลับไป แม้จะมีการปิดบัญชีไปแล้วก็ตาม เพื่อที่จะจับกุมออกมาทั้งขบวนการ และถือเป็นอุทาหรณ์ให้กับมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบอื่นๆ ควรตรวจสอบบัญชีการเงินของตนเอง แม้ว่าการยักยอกทรัพย์จะทำได้ยาก เพราะต้องมีพนักงานธนาคารร่วมด้วย แต่ก็ไม่ควรประมาท" นายถวิลกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น