ASTVผู้จัดการ - ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินในบัญชีของสถาบันเทคโนฯเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 1.6 พันล้าน มอบตัวเพิ่ม หลังถูกตำรวจขอออกหมายจับและกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การปฏิเสธขอให้การในชั้นศาล
วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีจับกุม นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์เงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบังกว่า 1,600 ล้านบาทว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ อายุ 31 ปี ผู้ที่เปิดบัญชีธนาคารในการรับโอนเงินจาก นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 26 ปี จำนวน 55 ล้านบาทเดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.หลังพนักงานสอบสวนออกหมายจับและออกติดตามจับกุม กดดันจนต้องเข้ามอบตัวที่กองปราบปราม
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า สนับสนุนเจ้าพนักงานในองค์การหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงาน พนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ร่วมกันลักทรัพย์ ตามหมายจับศาลมีนบุรี ที่ 2362/2557 ลงวันที่ 26 ธ.ค.2557 สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
นอกจากนี้ในวันเดียวกันพนักงานสอบสวน กองปราบปรามได้นำตัว นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 26 ปี ไปฝากขังศาลอาญามีนบุรี ตามหมายจับที่ 2361/2557 ลงวันที่ 26/2557 ในข้อหาเดียวกัน ซึ่ง พ.ต.ท.ทองศูนย์ อุ่นวงศ์ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้คัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนีเพราะมูลค่าทรัพย์นั้นมีจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีดังกล่าวนั้นศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ทั้งหมด 6 ราย โดยสามารถจับกุมได้แล้ว 4 ราย ได้แก่ นายทรงกลด น.ส.อำพร นายพูลศักดิ์และนายจริวัฒน์ เหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัดและนายสมบัติ โสประดิษฐ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวหลังมีรายงานข่าวระบุว่า นายกิตติศักดิ์หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผบก.ป.กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำนายจริวัฒน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบัญชีที่มีการถ่ายโอนเงิน เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ทราบเรื่องการยักยอกทรัพย์ดังกล่าวจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่ากรณีดังกล่าวน่าจะมีการกระทำกันเป็นขบวนการ มีผู้รู้เห็นอีกหลายคน ถึงแม้นายจริวัฒน์จะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จักกับนายพูลศักดิ์ แต่จากการสืบสวนทราบว่าจะมีคนกลาง (ยังไม่สามารถเปิดเผยได้) ที่เชื่อมให้ผู้ร่วมขบวนการแต่ละคนมารู้จักกัน และร่วมวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยทุกคนรู้ถึงที่มาของเงินและรู้วิธีโอนถ่ายเงิน ซึ่งจากกรณีดังกล่าวพบว่าเมื่อได้เงินก้อนใหญ่มาแล้ว มีการแตกเงินออกไปยังที่ต่างๆ ทั้งซื้อบ้าน ซื้อทรัพย์สิน ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงิน ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีบัญชีที่รับถ่ายโอนเงินและเกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าเงินที่ยังอยู่ในระบบไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปบัญชีใดนั้น มีจำนวนกว่า พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเชิญตัว นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังรวมถึงผู้มีอำนาจในการเซ็นอนุมัติ เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า จะมีออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อสอบปากคำแน่นอน ซึ่งเป็นการเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคมนี้
เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่างๆพบพิรุธอะไรในตัวผู้ที่มีอำนาจเซ็นอนุมัติบ้างหรือไม่
พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ก็น่าสงสัยกรณีที่มีการถ่ายโอนเงินและปลอมแปลงเอกสารมาตั้งแต่ปี 2555 แล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีใครเอะใจ หรือสงสัยหรือพบพิรุธอะไรบ้างเลย ทั้งที่ในกรณีที่จำนวนเงินค่อนข้างมาก ควรมีการตรวจสอบโดยละเอียด
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ประสานขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพราะพบว่ามีการนำเงินไปใช้ในธุรกิจอื่น เช่น ซื้อบ้าน ซื้อทรัพย์สิน รวมทั้งมีการจดเป็นนิติบุคคล คือบริษัท มัทธุจัด จำกัด อีกด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าในกรณีที่จดเป็นนิติบุคคลนั้นมีรายชื่อบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ผู้ต้องหาทุกคนยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางพนักงานสอบสวนมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหา โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจาก บก.ป. เปิดเผยว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้น คอนโดมิเนียม เดอะ คีย์ (TheKey) ย่านแจ้งวัฒนะ และ บ้านในหมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์ย่านราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนายพูลศักดิ์ และบริษัท มัทธุจัด จำกัด ซึ่งเป็นของนายกิตติศักดิ์ เพื่อหาพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว