ตร.กองปราบฯ ขอหมายจับ ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนฯ พระจอมเกล้าลาดกระบัง รวมหัว ผจก.ธนาคารกรุงศรี สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ โกงเงินกว่า 1 พันล้าน หลังพบว่ามีการทำบัญชีธนาคารปลอม และทยอยถอนเงินในบัญชีเกลี้ยงตั้งแต่ปี 55
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แจ้งความพนักงานสอบสวนให้สืบสวนจับกุมผู้ที่ยักยอกเงินของสถาบันรวมกว่า 1,000 ล้านบาทว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก รศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.บก.ป.เพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำการทุจริต โดยเบื้องต้นพบว่าเงินได้สูญหายไปจากบัญชีธนาคาร รวม 80 ล้านบาท ก่อนจะมีการตรวจสอบในรายละเอียด กระทั่งพบว่ามียอดเงินสูญหายไปกว่า 1,000 ล้านบาท
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า ขณะนี้ทาง พ.ต.ท.พงษ์ไสวได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้วในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 โดยพบว่าหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำความผิดอย่างน้อย2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับในคดีนี้ ประกอบด้วย น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง และนายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์
ด้านแหล่งข่าวระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.อำพร ได้เสนอว่าเงินกองกลางของสถาบันฯ ที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังนั้น ได้รับดอกเบี้ยน้อย ยอดเงินฝากไม่งอกเงย จึงทำเรื่องขออนุมัติถอนเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ซึ่งมีนายทรงกลดเป็นผู้จัดการสาขา จำนวน 50 ล้านบาท
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า วันถัดมาก็ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำนวน 30 ล้านบาท ซื้อแคชเชียร์เช็คนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80 ล้านบาท แต่ต่อมายอดเงินทั้งหมดถูกอ้างว่าได้นำไปฝากไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ภายหลังกลับพบว่ามีการทำบัญชีธนาคารปลอม และยอดเงินทั้งหมดถูกถอนออกไปหมดแล้ว
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ต่อมาทางนายเผ่าภัค ศิริสุข รักษาราชการแทนอธิการบดีสถาบันฯ ได้พบข้อพิรุธเกี่ยวกับเงินกองกลางของสถาบันฯ ที่มีการฝากไว้ในบัญชีธนาคารดังกล่าว จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จึงพบว่าไม่มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารแต่อย่างใด ส่วนรายการยอดเงินในบัญชี เป็นเพียงรายการปลอมที่ทำขึ้นเพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคารเท่านั้น
แหล่งข่าวรายนี้ระบุด้วยว่า เมื่อมีการตรวจสอบพบการทุจริตเกิดขึ้น ทางสถาบันดังกล่าว จึงตรวจสอบเงินกองกลางที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารต่างๆ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน จึงพบว่ามีการยักยอกเงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 1,075,037,702 บาท เป็นความเสียหายอย่างมากต่อสถาบันฯ จึงมีการมอบอำนาจทนายความเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด และทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย ดังกล่าว
รายงานล่าสุดตำรวจกองปราบปรามได้ติดตามจับกุมตัวนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2320/2557 ลงวันที่ 22 ธ.ค.ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วน น.ส.อำพร
น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลังเจ้าหน้าที่ยังติดตามตัวอยู่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ร่วมกันปลอมแปลงสมุดเงินฝากของธนาคารโดยใช้การพิมพ์ดีด พิมพ์ที่สมุดเงินฝาก และปลอมลายเซ็นทำให้เหมื่อนว่า จำนวนเงินยังอยู่ครบตามสมุดเงินฝากโดยค่าเสียหายประมาณ หนึ่งพันแป็ดสิบล้านบาท