สจล.แจ้งกองปราบฯ พบเงินหายอีก 100 กว่าล้าน โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมารดาและน้องสาว “กิตติศักดิ์” ตัวการคนสำคัญเข้าให้ปากคำประเด็นเรื่องที่ดิน ยันสำนวนใกล้แล้วเสร็จ คาด มี.ค.ส่งฟ้องอัยการ
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนในคดีโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า วันนี้เป็นวันแรกที่พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียก 26 คนมาให้ข้อมูล โดยจะมีพนักงานของธนาคารกรุงศรีอยุธยามาให้ข้อมูลในประเด็นเรื่องการสอบวินัยนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคาร
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า นอกจากนี้ในช่วงบ่ายได้ออกหมายเรียกนางระดม มัทธุจัด และ น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย มารดา และน้องสาวของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญมาสอบสวนในประเด็นเรื่องที่ดิน แต่หากยังไม่มาก็จะให้โอกาสมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง และยังไม่มาอีกก็จะให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
พ.ต.อ.ณษกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีตัวละครที่เพิ่มเข้ามาอีก 1 คน คือ นายสุรพล ตั้งประเสริฐ ที่ตำรวจพบขัอมูลว่ารับโอนเงินจาก สจล.โดยตรงจำนวนกว่า 6 ล้านบาท ข้อมูลชัดเจน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็สามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ทันที อย่างไรก็ตาม สำนวนคดีนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้ว คาดว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดได้ไม่เกินกลางเดือนมีนาคมนี้
วันเดียวกันนางสาววรวรรณ สุวรรณกูฎ ผู้อำนวยการส่วนนิติการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบข้อมูล หลังจาก ทาง สจล. ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ได้มีเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ จากธนาคารไทยพานิชย์ สาขา สจล. หายไปอีกกว่า 100 ล้านบาท เมื่อปี 2555 พร้อมนำเอกสารหลักฐานมามอบให้
โดย ทาง สจล. นำข้อมูลมาให้ ตำรวจตรวจสอบ ที่มาที่ไปของเงิน ว่าหายไปได้อย่างไร เข้าบัญชีของใคร ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของ ธนาคารกรุงศรีอยุยา ประสาน ขอเลื่อน ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เป็นวันพรุ่งนี้แทน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นางระดม มัทธุจัด และ น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย มารดาและน้องสาวของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณษ เสวตเลข รอง ผบก.ป.เพื่อให้ปากคำกรณีที่ดิน ซึ่งขณะนี้ พ.ต.อ.ณษ และ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก โดยนางระดม กล่าวว่า หลังได้รับหมายเรียกก็เดินทางมาจากจังหวัดพิจิตร เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่มีการลักเงินเงินของสถาบันเทคโนโลยีฯลาดกระบัง และตั้งแต่เป็นข่าวตนพยายามติดต่อตัวนายกิตติศักดิ์ ลูกชาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และก็ไม่รู้ว่าตัวลูกชายตอนนี้อยู่ที่ไหน ได้แต่ติดตามข่าวจากสื่อต่างๆ อีกที
นางระดม กล่าวอีกว่า อยากให้ลูกชายกลับมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยเล่าให้ตนฟังเลยว่าทำงานอะไรอยู่ที่กรุงเทพ รู้เพียงแต่ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนเรื่องที่ดินตัวลูกชายบอกให้ตนซื้อ ตนก็ซื้อตามที่เขาบอก เขาสั่งให้ทำอะไรตนก็ทำอย่างที่เขาบอก โดยที่ตนไม่รู้เรื่อง ส่วนเรื่องเงินมากมายที่ลูกชายนำมาซื้อที่ดินก็เคยถามลูกชายว่านำเงินมาจากไหน ซึ่งลูกชายก็บอกว่าทำธุรกิจส่วนตัว วันที่เปิดบริษัทตนก็เคยไปงานทำบุญเปิดบริษัท ก็คิดว่าลูกเปิดบริษัทก็คงมีเงินมาซื้อที่ แล้วตัวลูกชายเองก็ให้ใช้ชื่อตนเพราะว่าไม่มีครอบครัว อยากฝากไปถึงตัวลูกชายว่าให้กลับมาสู้คดีถูกผิดก็ว่ากันไป ตนก็ไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นคนแบบนี้
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.กล่าวว่า เบื้องต้นต้องดูพยานหลักฐาน หากสอบสวนแล้วมีหลักฐานชัดเจน พบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักเงินของสถาบันฯก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ อย่างไรก็ตามหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่ในตอนนี้ก็แน่นหนาพอที่จะเชื่อว่าตัว นางระดม มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาย่อมรู้ดี มีการแปลงสินทรัพย์ไปไหนมาไหน ตั้งแต่ปีไหน ทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหมด ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนจะต้องทำงานด้วยความรอบคอบ