ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หัวหน้าทีมสืบสวนคดีลักเงิน สจล. เผยรู้ตัว “บอส” จอมบงการแก๊งลักเงินแล้ว ระบุเป็นผู้มีอำนาจบารมีคอยควบคุมสั่งการ “กิตติศักดิ์ - อดีตผู้จัดการแบงก์” แต่ยังขาดหลักฐานเชื่อมโยงถึง พฤติการณ์ระดับไม่ทิ้งร่อยรอย รับเงินไม่ผ่านบัญชีแบงก์
พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวนกล่าวถึงความคืบหน้าคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง( สจล.) 1,474 ล้านบาท ว่า ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่อีก 3 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ซึ่ง นายกิตติศักดิ์ นั้น ยังหลบอยู่หนีอยู่ในต่างประเทศ ขณะที่ นายสมพงษ์ และ นายธวัชชัย นั้น ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี, จ.สมุทรสาคร รวมถึงแนวชายแดนที่เชื่อว่าทั้ง 2 อาจจะหลบหนี ซึ่งอยากฝากบอกผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมดว่าให้เข้ามอบตัวดีกว่า
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวต่อว่า ส่วนในประเด็นของคนใน สจล. นั้น เจ้าหน้าที่ยังคงทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อได้ว่า น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล. ไม่มีทางนำเงินกว่า 1,400 ล้านบาท ออกจากบัญชีได้เพียงคนเดียว โดยก่อนหน้านี้พบว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา มีอาจารย์คนหนึ่งใน สจล. ได้รับการโอนเงินจากนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ 2 เป็นจำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบปากคำอาจารย์ดังกล่าว ยืนยันว่า เป็นเพียงการฝากให้นายทรงกลดซื้อหุ้นเท่านั้น ขณะนี้จึงยังต้องรอเอกสารการโอนเงินดังกล่าวของอาจารย์มายืนยันความบริสุทธิ์ใจอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ยังคงสืบสวนเพื่อหาบุคคลภายใน สจล. ว่า ใครมีความเชื่อมโยงกับคดีอีกบ้าง
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่า มีบุคคล 1 - 2 ราย ที่มีความเชื่อมโยงในคดีดังกล่าว โดยบุคคลดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการ และควบคุมการกระทำดังกล่าว ทั้งยังมีอำนาจ บารมีมากพอที่จะสามารถ ปกป้อง ดูแล ผู้กระทำการทั้งหมดได้ โดยเชื่อว่าอาจเป็นบุคคลในสถาบันฯ หรือ อาจจะเป็นบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่าการบริหารงานภายในสถาบันฯ ก็ได้ โดยยังคงอยู่ระหว่างสืบสวน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของนายภาดา บัวขาว หรือ โอ๊ต ผู้ต้องหารายล่าสุดที่ให้ข้อมูลว่า เคยได้ยินนายกิตติศักดิ์ พูดถึง “บอส”
“ทั้งนี้ นายภาดา ยืนยันว่า ในวันสำคัญต่างๆ นายกิตติศักดิ์ จะต้องนำของขวัญที่มีค่าไปให้กับ “บอส” เสมอ แต่นายภาดา ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่า “บอส” คือใคร เนื่องจากได้ยินเพียงคำเรียกเท่านั้น ขณะที่จากการสืบสวนทราบว่านายทรงกลด รู้ว่า “บอส” คือใคร แต่นายทรงกลดยังคงปฏิเสธไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ส่วนเรื่องการที่ นายภาดา อ้างว่าถูกตั้งค่าหัว 30 ล้านนั้น เจ้าหน้าที่สืบทราบแล้วว่าผู้ที่โทรศัพท์ไปข่มขู่คือ นายทรงกลด นั่นเอง” พ.ต.อ.กรไชย กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พอจะระบุตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็น “บอส” คนดังกล่าวได้แล้ว แต่ยังไม่มีพยานและหลักฐานเพียงพอที่จะสาวไปถึงตัวได้ เนื่องจากการรับโอนเงินต่างๆ นั้น ไม่ได้ผ่านบัญชีธนาคารเหมือนบุคคลอื่นๆ แต่ใช้วิธีที่เรียกว่า “รับเงินใต้โต๊ะ” และ “หิ้ว” เงิน ไปให้ จึงทิ้งหลักฐานไว้น้อยมาก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนเพื่อตามหาบุคคลดังกล่าวมาให้ข้อมูลต่อไป
ยึดเบนซ์ภาดาฝากขาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1.บก.ป. พร้อมกำลังได้เข้าตรวจค้นบ้านของ นายฐิติ วรเพียรกุล อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียักยอกทรัพย์ ของ สน.มีนบุรี เมื่อปี 2552 ที่บ้านเลขที่ 89/21 ซอย 2 หมู่บ้านคาซ่า วิว ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว ทั้งนี้ หลังจากที่ นายภาดา บัวขาว ได้ให้การสารภาพว่า ได้นำรถเบนซ์ เอส 400 และรถโตโยต้าอัลพาส ไปฝากขายไว้กับ นายฐิติ วรเพียรกุล ผู้ต้องหารายนี้เพื่อขายต่อ