ASTVผู้จัดการ - กองปราบฯ ประสานกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทาง “กิตติศักดิ์” ผู้ต้องหาลักเงิน สจล. เตรียมเรียกพนักงานธนาคารอดีตลูกน้อง “ทรงกลด” มาสอบหลังธนาคารส่งข้อมูลมาให้ไม่ครบ
วันนี้้ (15 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการเรียกประชุมทั้งฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวนเพื่อประมวลข้อมูล สรุปผลความคืบหน้าการดำเนินคดี หลังจากทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการมาแล้ว รวมทั้งวางแผนกำหนดแนวทางการทำงาน
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่านายสมพงษ์ สหพรอุดมการ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ผู้ต้องหาในคดีนี้ซึ่งยังคงหลบหนีการจับกุมได้ติดต่อมาว่าจะขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้เดินทางมาตามที่ระบุไว้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจคงไม่รออีกแล้วเพราะถือว่าให้เวลามานานแล้วจะเร่งจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะนี้ทางชุดสืบสวนก็ทราบแหล่งกบดานของผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว เมื่อจับแล้วก็ไม่ต้องมาคุยกันถึงเรื่องการขอประกันตัว
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้มอบเอกสารสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงระหว่างที่นายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เป็นพนักงานอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 โดยนายทรงกลดซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารสาขานั้นและลูกน้องอีก 2 คน ถูกตั้งกรรมการสอบหลังธนาคารพบข้อพิรุธทางการเงินในปี 2556 แต่เนื้อหาที่มีการสรุปมาถึงตนมีเพียง 1 หน้ากระดาษเท่านั้น ทั้งที่ยังมีประเด็นข้อพิรุธอีกหลายประการ โดยเฉพาะกรณีของพนักงานธนาคารดังกล่าวอีก 2 รายที่เกี่ยวข้องกับนายทรงกลด โดยพนักงานรายหนึ่งได้ถูกให้ลาออกจากงานไป ส่วนอีกรายให้ถูกลดตำแหน่งไป ทางตำรวจคงจะต้องติดตามตัวทั้งสองมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมเพราะเรายังไม่รู้ว่าทั้งสองยังมีอะไรปกปิดอยู่อีกหรือไม่
พ.ต.อ.ณษกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีทรัพย์สินต่างๆ ที่ตำรวจได้ตรวจอายัดไว้ ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มาขอรับไปตรวจสอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นเอส 400 สีขาว ทะเบียน ฐ 8649 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ท สีดำ ทะเบียน ก 5983 กรุงเทพมหานคร ภายในบ้านพักเลขที่ 89/21 ซอย 2 หมู่บ้านคาซ่าวิว ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. บ้านของนายฐิติ วรเพียรกุล และรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ทะเบียน 9797 กรุงเทพมหานคร ที่ตรวจยึดได้ระหว่างจับกุมตัว น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ ผู้ต้องหาในคดีอีกราย การดำเนินการหลังจากนี้ก็จะขึ้นอยู่กับทาง ปปง.
พ.ต.อ.ณษกล่าวด้วยว่า ในส่วนของนายทรงกลด และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ จะกำหนดกำหนดฝากขังครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 มกราคมนี้ พนักงานสอบสวนก็จะขออำนาจศาลฝากขังต่อเนื่องจากการสอบสวนคดียังไม่เสร็จสิ้น ขณะที่อาจารย์ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโดยได้รับการโอนเงิน 5.5 ล้านบาทนั้นพบว่าไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ในกรณีดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนก็จะได้พิจารณาต่อไป
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พนักงาน 2 รายจากบริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีซึ่งเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมานั้น 1 ราย เป็นผู้ดูแลกิจการด้านการเงินโดยการจัดไฟแนนซ์รถก็เข้าข่ายความผิดในลักษณะของการฟอกเงิน ส่วนอีกรายเป็นผู้ที่ดูแลสตรีทผับ คอยทำงานด้านบริหาร นอกจากนี้ยังมีในส่วนของผู้ที่ดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโดมิเนียม 14 ห้องนั้น พบว่ามีบ้านที่นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ ผู้ต้องหาได้ซื้อไว้ในราคา 22 ล้านบาทด้วย พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.ซึ่งดูแลงานด้านสืบสวนในคดีเดียวกัน เปิดเผยว่า สำหรับนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอยกเลิกหนังสือเดินทางและวีซ่าของนายกิตติศักดิ์แล้ว เพื่อที่นายกิตติศักดิ์จะไม่สามารถเดินทางไปในประเทศต่างๆ ได้ และง่ายต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดี