ASTVผู้จัดการรายวัน - ทุจริตแอร์พอร์ตลิงก์หนักข้อ ผู้บริหารโดนซัพพลายเออร์แจ้งบิลเรียกเก็บค่าหลอดไฟ คิดเป็นเงินถึง 900 ล้านบาท ตรวจพบเอกสารลายเซ็นใบคำสั่งซื้อ ตรวจรับสินค้า ปลอมทั้งหมด ทำเป็นขบวนการ กินหัวคิว 10% แล้วชิงลาออกหนีไปหมด เผยเกิดในสมัยช่วงรอยต่อ หลังบอร์ดมีมติ ให้ CEO คนเก่าออก เม.ย.-พ.ค.57 ตำรวจ สน.วังทองหลาง เข้าสอบสวน พบมีการปลอมลายเซ็นต์จริง เตรียมหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
รายงานข่าวจากบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์) แจ้งว่า เกิดปัญหาเรื่องไม่ชอบมาพากลในบริษัทและอาจจะเป็นคดีฉ้อโกง ที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นอดีตผู้บริหารโดยกระทำกันเป็นขบวนการ โดยใช้ชื่อบริษัทฯในการสั่งซื้อของ และมีการขอแบ่งค่านายหน้า 10 เปอร์เซ็นต์จากมูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท โดยจากข้อมูลภายในพบว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีบริษัทซัพพลายเออร์ รายหนึ่ง ...ได้มีใบเสร็จเรียกเก็บเงินค่าสั่งซื้อหลอดไฟ LED ในขณะเดียวกันตัวแทนธนาคาร กสิกรไทย ... ได้ติดต่อมายังรักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ (CEO) แอร์พอร์ตลิงก์ เพื่อขอให้ยืนยันคำสั่งซื้อหลอดไฟ LED ดังกล่าว เนื่องจากซัพพลายได้ใช้คำสั่งซื้อหลอดไฟดีงกล่าวป็นหลักฐานในการขอกู้เงิน 100 ล้านบาทจากธนาคาร แต่เมื่อตรวจสอบพบลายเซ็นต์ของ CEOไม่ตรงกัน จึงเกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าได้มีใบสั่งซื้อหลอดไฟ LED ออกโดยบริษัท แอร์พอร์ตลิงก์ ไปแล้วรวม 17 ใบ มูลค่าใบละ 20-30 ล้านบาท ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อที่บอร์ดได้มีมติให้นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา พ้นจากตำแหน่ง CEO และแต่งตั้งพล.อ.อ.คำรบ ลียะวณิช เป็นรักษาการCEO แทน โดยซัพพลายเออร์ได้นำคำสั่งซื้อดังกล่าวไปยื่นขอกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทยวงเงิน 100 ล้านบาทไปแล้ว ในขณะที่ มีการตรวจรับหลอดไฟ LED ไปแล้วคิดเป็นมูลค่า 600 ล้านบาท แต่ไม่มีหลอดไฟส่งมาที่แอร์พอร์ตลิงก์จริง โดยทำเรื่องว่า ส่งมอบแล้วแต่มีการฝากของไว้กับซัพพลายเออร์ก่อน โดยอ้างว่า ไม่มีที่เก็บ ซึ่งเป็นข้อพิรุธอย่างมากรวมถึงอ้างเหตุที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เข้าบริหารทำให้การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องหยุดเพื่อรอให้คสช.ตรวจสอบก่อนอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ซัพพลายเออร์ได้เรียกเก็บเงินเข้ามาอีก เพื่อจะใช้ในการกู้เงินจากธนาคารอีก 100 ล้านบาท แต่คราวนี้คำสั่งซื้อเป็นลายเซ็นต์ของรักษาการ CEO คนปัจจุบัน ซึ่งส่วนตัวมีธุรกรรมกับธนาคารอยู่ และธนาคารตรวจพบว่าลายเซ็นต์ในคำสั่งซื้อไม่ตรงกับลายเซ็นต์ปกติ จึงชะลอการให้กู้ และสอบถามเข้ามาที่บริษัท ปรากฎว่าในคำสั่งซื้อเป็นลายเซ็นต์ปลอมเท่ากับว่า การสั่งซื้อหลอดไฟ LED ที่มีการตรวจรับไปก่อนหน้านี้ วงเงิน 600 ล้านบาท ทำกันเป็นกระบวนการตั้งแต่การออกคำสั่งซื้อและกรรมการตรวจรับ ซึ่งพบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลาออกจากแอร์พอร์ตลิงก์ไปหมดแล้ว โดยทางซัพพลายเออร์ได้ไปแจ้งความที่สน.วังทองหลางแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน
ด้าน พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) แอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวยอมรับว่า มีบริษัทซัพพลายเออร์ผู้จัดหาหลอดไฟ LED ติดต่อขอพบและแจ้งว่ามีการสั่งซื้อหลอดไฟ LED ซึ่งได้ตรวจสอบพบว่า ในคำสั่งซื้อทั้งหมดเป็นลายเซ็นต์ปลอม และซัพพลายเออร์ก็ถูกหลอก ซึ่งเบื้องต้นไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับแอร์พอร์ตลิงก์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์นี้ ประสบปัญหาในด้านการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ประสบภาวการณ์ขาดทุนมาโดยตลอดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ รวมถึงการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น สถานีที่จะใช้เช็คอินผู้โดยสารไปยังสนามบินสุวรรณภูมิมีการออกแบบไว้เพื่อรองรับโครงการดังกล่าว แต่ปรากฎว่าไม่ประสบความสำเร็จและต้องล้มโครงการดังกล่าวไป ทำให้มีพื้นที่ว่างและไม่สามารถนำมาจัดสรรประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์นที่ให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการ และอุปกรณ์ที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแต่ก็ไม่เปลี่ยน ทำให้มีความกังวลถึงความปลอดภัยในการให้บริการ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากสภาพปัญหาทางการเงิน ล่าสุดมีปัญหาการทุจริตการจัดซื้อหลอดไฟฟ้าแอลอีดีขึ้นอีก ซึ่งทำให้ต้องประสบปัญหาขาดทุนหนักยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องจับตาดูผู้บริหารของแอร์พอร์ตลิงก์ จะเร่งดำเนินการอย่างไร และคาดว่ายังมีปัญหาการทุจริตภายในองค์กรอีกหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ
***จี้ ร.ฟ.ท.เร่งประมูล Over Hual
พล.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บอร์ดได้มีการประชุมโดยได้หารือและติดตามความคืบหน้าการขอแยกบริหารงานออกจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเสนอไปยังร.ฟ.ท. และกระทรวงคมสาคมแล้ว ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานและการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งปัจจุบันมีขั้นตอนกระบวนมาก ทำให้ล่าช้าและกระทบการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯจะทำหนังสือถึงร.ฟ.ท. เพื่อขอให้เร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การซ่อมบำรุงใหญ่ (Overhaul) โดยขอให้เลือกบริษัทที่สามารถจัดหาอะไหล่ได้ในระยะเวลาที่เร็วกว่า 8 เดือน เพื่อเร่งการซ่อมให้เร็วขึ้น โดยเบื้องต้นทราบว่า ร.ฟ.ท.จะดำเนินการร่าง TOR ประกวดราคาแล่ว เสร็จในเดือนมีนาคม และจะประกวดราคาเสร็จในเดือนเมษายน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการซ่อมบำรุงบางส่วน (Partial Overhaul) เรียบร้อยไปแล้ว 8 ขบวน โดยมีรถให้บริการเฉลี่ย 5-6 ขบวนต่อวัน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 6 หมื่นคน ซึ่งตราบใดที่ขบวนรถยังไม่ได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ ก็ยังจะเป็นข้อกังวลในการให้บริการ เนื่องจากวงจรของรถไฟฟ้าหากจุดใดเกิดปัญหาระบบจะแจ้งเตือน และต้องหยุดวิ่ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้น ขบวนรถควรได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ เร็วที่สุด เพื่อความมั่นใจในบริการ.
รายงานข่าวจากบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์) แจ้งว่า เกิดปัญหาเรื่องไม่ชอบมาพากลในบริษัทและอาจจะเป็นคดีฉ้อโกง ที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นอดีตผู้บริหารโดยกระทำกันเป็นขบวนการ โดยใช้ชื่อบริษัทฯในการสั่งซื้อของ และมีการขอแบ่งค่านายหน้า 10 เปอร์เซ็นต์จากมูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท โดยจากข้อมูลภายในพบว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีบริษัทซัพพลายเออร์ รายหนึ่ง ...ได้มีใบเสร็จเรียกเก็บเงินค่าสั่งซื้อหลอดไฟ LED ในขณะเดียวกันตัวแทนธนาคาร กสิกรไทย ... ได้ติดต่อมายังรักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ (CEO) แอร์พอร์ตลิงก์ เพื่อขอให้ยืนยันคำสั่งซื้อหลอดไฟ LED ดังกล่าว เนื่องจากซัพพลายได้ใช้คำสั่งซื้อหลอดไฟดีงกล่าวป็นหลักฐานในการขอกู้เงิน 100 ล้านบาทจากธนาคาร แต่เมื่อตรวจสอบพบลายเซ็นต์ของ CEOไม่ตรงกัน จึงเกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าได้มีใบสั่งซื้อหลอดไฟ LED ออกโดยบริษัท แอร์พอร์ตลิงก์ ไปแล้วรวม 17 ใบ มูลค่าใบละ 20-30 ล้านบาท ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อที่บอร์ดได้มีมติให้นายพีระกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา พ้นจากตำแหน่ง CEO และแต่งตั้งพล.อ.อ.คำรบ ลียะวณิช เป็นรักษาการCEO แทน โดยซัพพลายเออร์ได้นำคำสั่งซื้อดังกล่าวไปยื่นขอกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทยวงเงิน 100 ล้านบาทไปแล้ว ในขณะที่ มีการตรวจรับหลอดไฟ LED ไปแล้วคิดเป็นมูลค่า 600 ล้านบาท แต่ไม่มีหลอดไฟส่งมาที่แอร์พอร์ตลิงก์จริง โดยทำเรื่องว่า ส่งมอบแล้วแต่มีการฝากของไว้กับซัพพลายเออร์ก่อน โดยอ้างว่า ไม่มีที่เก็บ ซึ่งเป็นข้อพิรุธอย่างมากรวมถึงอ้างเหตุที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เข้าบริหารทำให้การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องหยุดเพื่อรอให้คสช.ตรวจสอบก่อนอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ซัพพลายเออร์ได้เรียกเก็บเงินเข้ามาอีก เพื่อจะใช้ในการกู้เงินจากธนาคารอีก 100 ล้านบาท แต่คราวนี้คำสั่งซื้อเป็นลายเซ็นต์ของรักษาการ CEO คนปัจจุบัน ซึ่งส่วนตัวมีธุรกรรมกับธนาคารอยู่ และธนาคารตรวจพบว่าลายเซ็นต์ในคำสั่งซื้อไม่ตรงกับลายเซ็นต์ปกติ จึงชะลอการให้กู้ และสอบถามเข้ามาที่บริษัท ปรากฎว่าในคำสั่งซื้อเป็นลายเซ็นต์ปลอมเท่ากับว่า การสั่งซื้อหลอดไฟ LED ที่มีการตรวจรับไปก่อนหน้านี้ วงเงิน 600 ล้านบาท ทำกันเป็นกระบวนการตั้งแต่การออกคำสั่งซื้อและกรรมการตรวจรับ ซึ่งพบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลาออกจากแอร์พอร์ตลิงก์ไปหมดแล้ว โดยทางซัพพลายเออร์ได้ไปแจ้งความที่สน.วังทองหลางแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน
ด้าน พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) แอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวยอมรับว่า มีบริษัทซัพพลายเออร์ผู้จัดหาหลอดไฟ LED ติดต่อขอพบและแจ้งว่ามีการสั่งซื้อหลอดไฟ LED ซึ่งได้ตรวจสอบพบว่า ในคำสั่งซื้อทั้งหมดเป็นลายเซ็นต์ปลอม และซัพพลายเออร์ก็ถูกหลอก ซึ่งเบื้องต้นไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับแอร์พอร์ตลิงก์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์นี้ ประสบปัญหาในด้านการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ประสบภาวการณ์ขาดทุนมาโดยตลอดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ รวมถึงการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น สถานีที่จะใช้เช็คอินผู้โดยสารไปยังสนามบินสุวรรณภูมิมีการออกแบบไว้เพื่อรองรับโครงการดังกล่าว แต่ปรากฎว่าไม่ประสบความสำเร็จและต้องล้มโครงการดังกล่าวไป ทำให้มีพื้นที่ว่างและไม่สามารถนำมาจัดสรรประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์นที่ให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการ และอุปกรณ์ที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแต่ก็ไม่เปลี่ยน ทำให้มีความกังวลถึงความปลอดภัยในการให้บริการ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากสภาพปัญหาทางการเงิน ล่าสุดมีปัญหาการทุจริตการจัดซื้อหลอดไฟฟ้าแอลอีดีขึ้นอีก ซึ่งทำให้ต้องประสบปัญหาขาดทุนหนักยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องจับตาดูผู้บริหารของแอร์พอร์ตลิงก์ จะเร่งดำเนินการอย่างไร และคาดว่ายังมีปัญหาการทุจริตภายในองค์กรอีกหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ
***จี้ ร.ฟ.ท.เร่งประมูล Over Hual
พล.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บอร์ดได้มีการประชุมโดยได้หารือและติดตามความคืบหน้าการขอแยกบริหารงานออกจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเสนอไปยังร.ฟ.ท. และกระทรวงคมสาคมแล้ว ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานและการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งปัจจุบันมีขั้นตอนกระบวนมาก ทำให้ล่าช้าและกระทบการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯจะทำหนังสือถึงร.ฟ.ท. เพื่อขอให้เร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การซ่อมบำรุงใหญ่ (Overhaul) โดยขอให้เลือกบริษัทที่สามารถจัดหาอะไหล่ได้ในระยะเวลาที่เร็วกว่า 8 เดือน เพื่อเร่งการซ่อมให้เร็วขึ้น โดยเบื้องต้นทราบว่า ร.ฟ.ท.จะดำเนินการร่าง TOR ประกวดราคาแล่ว เสร็จในเดือนมีนาคม และจะประกวดราคาเสร็จในเดือนเมษายน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการซ่อมบำรุงบางส่วน (Partial Overhaul) เรียบร้อยไปแล้ว 8 ขบวน โดยมีรถให้บริการเฉลี่ย 5-6 ขบวนต่อวัน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 6 หมื่นคน ซึ่งตราบใดที่ขบวนรถยังไม่ได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ ก็ยังจะเป็นข้อกังวลในการให้บริการ เนื่องจากวงจรของรถไฟฟ้าหากจุดใดเกิดปัญหาระบบจะแจ้งเตือน และต้องหยุดวิ่ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้น ขบวนรถควรได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ เร็วที่สุด เพื่อความมั่นใจในบริการ.