ASTVผู้จัดการรายวัน-แกนนำเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานออกแถลงการณ์ครั้งสุดท้าย หยุดเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ทำไทยเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม เผยยอมฟังทหารด้วยการหยุดเดินเพื่อรอมติ สปช. แต่เมื่อรัฐบาลไม่ทำตาม คำพูดทหารก็เชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป ลั่นเดินหน้าต่อ เจอเคลื่อนไหวขวางแน่ ไม่หวั่นแม้มีกฏอัยการศึกคุม พลังงานไม่สน เดินหน้าเปิดสัมปทานต่อ พร้อมดันขึ้น NGV ให้สะท้อนต้นทุน 14-15 บาทต่อกิโล สมาคมขนส่งทางบกโอดถูก ปตท. หลอกยับ ด้าน ปตท.อย่างไว น้ำมันโลกขึ้นปุ๊บ จ่อขึ้นราคาขายปลีกปั๊บ เตรียมเดินหน้าส่ง “GPSC-SPRC” เข้าตลาดหุ้น หลังขายทิ้งบางจาก "อนุพงษ์" ยัน สปช. ไม่มีหน้าที่สั่งรัฐบาล
วานนี้ (4 ก.พ.) ที่จ.นครศรีธรรมราช นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน 14 จังหวัดภาคใต้ และนายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ร่วมอ่านแถลงการณ์ "เราจะส่งสารไปถึงรัฐบาลเป็นรอบสุดท้าย ให้หยุดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21"
โดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่รัฐบาลประกาศเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 อันเป็นการกระทำที่เป็นการยกกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียม ให้แก่บริษัทเอกชนอีกอย่างน้อย 30 ปี ซึ่งข้อมูลทางวิชาการยืนยันสนับสนุนว่า การสัมปทาน คือ การสูญเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม ทั้งที่ควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนโดยรวม ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต ซึ่งเป็นการเอากรรมสิทธิ์ในการจัดการปิโตรเลียมคืนมาให้แก่ประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนเกือบทุกประเทศ
นอกจากนี้ มติของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยังให้รัฐบาลทบทวนระบบสัมปทาน แต่รัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าเปิดสัมปทานต่อไป การกระทำดังกล่าวอาจตั้งข้อสงสัยว่า รัฐบาลนี้ยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของประชาชน หรือบริษัทเอกชน เพราะฝืนมติของสปช. และข้อมูลทางวิชาการที่ได้ศึกษาจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานขอแถลงการณ์หยุดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เป็นรอบสุดท้าย เพื่อส่งคำเตือนถึงรัฐบาล ให้ตัดสินใจจัดการปิโตรเลียมโดยตั้งอยู่บนประโยชน์ของประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานหลายจังหวัด ได้ส่งหนังสือถึงรัฐบาล ออกแถลงการณ์หลายวาระ แต่ไม่ได้มีความหมายกับรัฐบาลแต่อย่างใด นั่นหมายความว่ากระบวนการทางหนังสือ และการส่งเสียงถึงรัฐบาล ไม่อาจมีน้ำหนักให้รัฐบาลฟัง ครั้งนี้จึงเป็นรอบสุดท้ายที่เราจะแถลงการณ์ถึงรัฐบาล
หลังจากนี้ หากรัฐบาลยังไม่ยอมทบทวนการเปิดสัมปทานรอบ 21 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะดำเนินการด้วยวิธีการอื่น เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายทหารบอกกับขาหุ้นปฏิรูปพลังงานมาตลอดว่าอย่าออกมาเดินปฏิรูปพลังงาน ให้รอฟัง สปช. ก่อน แต่เมื่อ สปช. มีมติแล้ว รัฐบาลกลับไม่ทำตาม คำพูดของฝ่ายทหารจึงไม่อาจเชื่อถือได้อีกต่อไป
"เรามีข้อกังขาว่ารัฐบาลตัดสินใจเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เพื่อประโยชน์ของใคร จึงขอน้อมเตือนมายังรัฐบาล ให้ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแถลงการณ์ฉบับนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอีกครั้ง แม้จะมีประกาศกฎอัยการศึกอยู่ก็ตาม นายประสิทธิชัย กล่าวเพียงสั้นๆว่า จะเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้จัดกิจกรรม "เดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ" จากหาดใหญ่ไปกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 1,400 กิโลเมตร โดยออกเดินเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2557 แต่ต้องหยุดกิจกรรมเมื่อถึงจ.ชุมพร เนื่องจากฝ่ายทหารอ้างว่าให้รอฟังมติสปช. ซึ่งเครือข่ายก็ยอมปฏิบัติตาม
***พลังงานไม่สนเดินหน้าเปิดสัมปทาน
นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ซึ่งนำโดยแพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ว่า ยินดีที่จะเดินทางเข้าไปชี้แจงรายละเอียดต่อศาล เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ จึงไม่รู้สึกกังวล เนื่องจากมั่นใจว่านโยบายทั้งหมดได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและโปร่งใส
"นโยบายการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ณ ปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยการดำเนินงานตามขั้นตอนการเปิดให้ยื่นสำรวจก็ยังเหมือนเดิม"นายพรายพลกล่าว
***ยืนยันขึ้นราคาNGVให้สะท้อนต้นทุน
นายพรายพลกล่าวถึงกรณีกลุ่มรถบรรทุกได้ยื่นหนังสือให้ทบทวนแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงว่า กระทรวงฯ ยังยืนยันนโยบายดังกล่าว เพราะเป็นนโยบายที่จะส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว โดยผลการศึกษาล่าสุด ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ส่งผลดีให้ต้นทุน NGV ลดลงเหลือ 14-15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากเดิม 16 บาทต่อกก. ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าความร้อนที่ได้รับ นับว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่นโดยเฉพาะน้ำมัน ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารจากผลกระทบราคา NGV เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณา แต่กรณีรถบรรทุกส่วนใหญ่ 70% ใช้ดีเซล จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมาก เพราะดีเซลราคาที่ผ่านมาลดลงด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างในเรื่องภาษีสรรพสามิต ยอมรับว่าขณะนี้ยังคงไม่แตะนโยบายดังกล่าว เนื่องจากไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป
***โอดถูก ปตท.หลอกให้ติดตั้ง NGV
นายกฤษณ์ สุริยผล เลขานุการนายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ขอเข้าหารือกับนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน หรือตัวแทน เพื่อให้ทบทวนราคา NGV ที่จะสะท้อนไปยังต้นทุน 14-15 บาทต่อกก. โดยขอให้หยุดไว้ที่ระดับ 13 บาทต่อกก. ไว้ก่อน เนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีความยากลำบากอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการให้มีภาระเพิ่ม โดยสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือไปแล้วและขอให้คำตอบภายในสัปดาห์นี้ หากไม่มีการเปิดให้หารือหรือพบปะ สมาคมฯ คงจะต้องหารือเพื่อกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
“ที่ผ่านมา เราเหมือนถูก บมจ.ปตท. หลอกให้ติดตั้ง NGV ซึ่งตอนนั้นราคา 8.50 บาทต่อกก. และรัฐก็ไม่ได้บอกว่าที่สุดราคาจะขึ้นมาถึงขนาดนี้ ขณะเดียวกัน ตอนนั้นก็บอกว่าจะมีการขยายปั๊ม เมื่อมีการปรับขึ้น แต่เมื่อทยอยขึ้นแล้ว มาวันนี้กว่า 2 บาทต่อกก. แต่การขยายปั๊มก็ยังไม่เป็นไปตามที่ตกลง"นายกฤษณ์กล่าว
***ปตท.อย่างไวจ่อขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศมีโอกาสขยับขึ้นอีก หลังจากได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 50 สตางค์/ลิตรเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากการลดกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 3 ก.พ.อยู่ที่ 52.96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขึ้น 4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นตาม 4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
"ใน1 อาทิตย์ ราคาน้ำมันขึ้นไปแล้ว 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิม 40 เหรียญสหรัฐ เท่ากับขึ้นมาแล้ว 25% ซึ่งปกติราคาน้ำมันขึ้นมา 4 เหรียญ ราคาขายปลีกน้ำมันจะต้องเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร"
*** ดันGPSC-SPRC เข้าตลาดหุ้นไทย
นายไพรินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าการนำบริษัทสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)(SPRC) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขสัญญาโรงกลั่น เพื่อให้บริษัทดังกล่าวสามารถเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ คาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นได้ภายใน 6 เดือน โดย ปตท. พร้อมที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ 36% ออกทั้งหมด ถ้าสภาพตลาดหุ้นดี
นอกจากนี้ ปตท.ยังมีแผนจะนำบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)(GPSC) ที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว น่าจะเข้าตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 1/2558
***บอร์ดปตท.ไฟเขียวขายหุ้นบางจาก
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา บอร์ดปตท.มีมติรับข้อเสนอจากกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ที่เสนอขอซื้อหุ้นในบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จำนวน 210 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ15.25 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของบางจาก โดยมอบหมายให้ฝ่ายจัดการดำเนินการในรายละเอียดและขั้นตอนต่อไป ซึ่งรวมถึงการดำเนินการขายหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดในบางจากด้วย
ทั้งนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง สามารถถือหุ้นบางจากได้ไม่เกิน 25% มิฉะนั้นจะติดเงื่อนไขต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด ที่ผ่านมา กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ก็ไม่ได้ถือหุ้นบางจากอยู่แล้ว และสัดส่วนหุ้นขายให้นั้น ก็เป็นสัดส่วนหุ้นตามที่กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง เป็นผู้เสนอมา
ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปีนี้ ปตท. ไม่ได้มีการพิจารณาปรับลดงบการลงทุนของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าหลายธุรกิจในกลุ่ม ปตท. ยังไปได้ดีทั้งธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ท่อก๊าซ ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันปรับตัวลงทำให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แต่อาจได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันบ้างก็ตาม ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ก็ขาดทุนลดลงจากการปรับขึ้นราคาขายปลีก โดยทุกการปรับขึ้น 1 บาทต่อกก. ทำให้ลดการขาดทุนลง 10 ล้านบาทต่อวัน
***ยัน สปช. ไม่มีหน้าที่สั่งรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย ตอนหนึ่งว่า กรณีกระแสคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ของรัฐบาลนั้น มีแต่คนบอกว่าไม่ให้เปิดประมูล แล้วจะเอาที่ไหนมาใช้ ได้แต่ห้ามทำ แต่ไม่มีการเสนอทางออกมาให้ด้วย โดยเฉพาะประเทศไทย ไม่มีบริษัทที่จะสำรวจเกี่ยวกับพลังงาน ทั้งเอกชน และรัฐบาลก็ไม่มี แล้วจะให้ทำยังไง ก็ขอให้ไปคิดกัน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องประเด็นพลังงาน ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงท่าที และนโยบายของรัฐบาล อย่าสร้างแรงกดดันให้กระทบต่อรัฐบาล ทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องพลังงาน และข้อมูลในเรื่องพลังงาน ควรพิจารณาจากข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่สามารถพิสูจน์ได้ อย่าใช้ความเชื่อด้านพลังงานมาเป็นแนวทางในการทำงาน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องสัมปทานปิโตรเลียม ที่สปช. มีความเห็นสวนทางนโยบายรัฐบาลนั้น จะใช้คำว่า มติไม่ได้ น่าใช้คำว่าข้อยุติ แล้วจึงนำมาเสนอรัฐบาล ซึ่ง สปช. มีหน้าที่เสนอว่า เรื่องนั้นจะทำอย่างไร ไม่ใช่ทำเหมือนว่าจะมาสั่งฝ่ายบริหาร
วานนี้ (4 ก.พ.) ที่จ.นครศรีธรรมราช นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน 14 จังหวัดภาคใต้ และนายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ร่วมอ่านแถลงการณ์ "เราจะส่งสารไปถึงรัฐบาลเป็นรอบสุดท้าย ให้หยุดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21"
โดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่รัฐบาลประกาศเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 อันเป็นการกระทำที่เป็นการยกกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียม ให้แก่บริษัทเอกชนอีกอย่างน้อย 30 ปี ซึ่งข้อมูลทางวิชาการยืนยันสนับสนุนว่า การสัมปทาน คือ การสูญเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม ทั้งที่ควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนโดยรวม ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต ซึ่งเป็นการเอากรรมสิทธิ์ในการจัดการปิโตรเลียมคืนมาให้แก่ประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนเกือบทุกประเทศ
นอกจากนี้ มติของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยังให้รัฐบาลทบทวนระบบสัมปทาน แต่รัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าเปิดสัมปทานต่อไป การกระทำดังกล่าวอาจตั้งข้อสงสัยว่า รัฐบาลนี้ยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของประชาชน หรือบริษัทเอกชน เพราะฝืนมติของสปช. และข้อมูลทางวิชาการที่ได้ศึกษาจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานขอแถลงการณ์หยุดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เป็นรอบสุดท้าย เพื่อส่งคำเตือนถึงรัฐบาล ให้ตัดสินใจจัดการปิโตรเลียมโดยตั้งอยู่บนประโยชน์ของประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานหลายจังหวัด ได้ส่งหนังสือถึงรัฐบาล ออกแถลงการณ์หลายวาระ แต่ไม่ได้มีความหมายกับรัฐบาลแต่อย่างใด นั่นหมายความว่ากระบวนการทางหนังสือ และการส่งเสียงถึงรัฐบาล ไม่อาจมีน้ำหนักให้รัฐบาลฟัง ครั้งนี้จึงเป็นรอบสุดท้ายที่เราจะแถลงการณ์ถึงรัฐบาล
หลังจากนี้ หากรัฐบาลยังไม่ยอมทบทวนการเปิดสัมปทานรอบ 21 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะดำเนินการด้วยวิธีการอื่น เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายทหารบอกกับขาหุ้นปฏิรูปพลังงานมาตลอดว่าอย่าออกมาเดินปฏิรูปพลังงาน ให้รอฟัง สปช. ก่อน แต่เมื่อ สปช. มีมติแล้ว รัฐบาลกลับไม่ทำตาม คำพูดของฝ่ายทหารจึงไม่อาจเชื่อถือได้อีกต่อไป
"เรามีข้อกังขาว่ารัฐบาลตัดสินใจเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เพื่อประโยชน์ของใคร จึงขอน้อมเตือนมายังรัฐบาล ให้ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแถลงการณ์ฉบับนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอีกครั้ง แม้จะมีประกาศกฎอัยการศึกอยู่ก็ตาม นายประสิทธิชัย กล่าวเพียงสั้นๆว่า จะเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้จัดกิจกรรม "เดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ" จากหาดใหญ่ไปกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 1,400 กิโลเมตร โดยออกเดินเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2557 แต่ต้องหยุดกิจกรรมเมื่อถึงจ.ชุมพร เนื่องจากฝ่ายทหารอ้างว่าให้รอฟังมติสปช. ซึ่งเครือข่ายก็ยอมปฏิบัติตาม
***พลังงานไม่สนเดินหน้าเปิดสัมปทาน
นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ซึ่งนำโดยแพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ว่า ยินดีที่จะเดินทางเข้าไปชี้แจงรายละเอียดต่อศาล เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ จึงไม่รู้สึกกังวล เนื่องจากมั่นใจว่านโยบายทั้งหมดได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและโปร่งใส
"นโยบายการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ณ ปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยการดำเนินงานตามขั้นตอนการเปิดให้ยื่นสำรวจก็ยังเหมือนเดิม"นายพรายพลกล่าว
***ยืนยันขึ้นราคาNGVให้สะท้อนต้นทุน
นายพรายพลกล่าวถึงกรณีกลุ่มรถบรรทุกได้ยื่นหนังสือให้ทบทวนแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงว่า กระทรวงฯ ยังยืนยันนโยบายดังกล่าว เพราะเป็นนโยบายที่จะส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว โดยผลการศึกษาล่าสุด ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ส่งผลดีให้ต้นทุน NGV ลดลงเหลือ 14-15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากเดิม 16 บาทต่อกก. ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าความร้อนที่ได้รับ นับว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่นโดยเฉพาะน้ำมัน ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารจากผลกระทบราคา NGV เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณา แต่กรณีรถบรรทุกส่วนใหญ่ 70% ใช้ดีเซล จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมาก เพราะดีเซลราคาที่ผ่านมาลดลงด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างในเรื่องภาษีสรรพสามิต ยอมรับว่าขณะนี้ยังคงไม่แตะนโยบายดังกล่าว เนื่องจากไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป
***โอดถูก ปตท.หลอกให้ติดตั้ง NGV
นายกฤษณ์ สุริยผล เลขานุการนายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ขอเข้าหารือกับนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน หรือตัวแทน เพื่อให้ทบทวนราคา NGV ที่จะสะท้อนไปยังต้นทุน 14-15 บาทต่อกก. โดยขอให้หยุดไว้ที่ระดับ 13 บาทต่อกก. ไว้ก่อน เนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีความยากลำบากอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการให้มีภาระเพิ่ม โดยสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือไปแล้วและขอให้คำตอบภายในสัปดาห์นี้ หากไม่มีการเปิดให้หารือหรือพบปะ สมาคมฯ คงจะต้องหารือเพื่อกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
“ที่ผ่านมา เราเหมือนถูก บมจ.ปตท. หลอกให้ติดตั้ง NGV ซึ่งตอนนั้นราคา 8.50 บาทต่อกก. และรัฐก็ไม่ได้บอกว่าที่สุดราคาจะขึ้นมาถึงขนาดนี้ ขณะเดียวกัน ตอนนั้นก็บอกว่าจะมีการขยายปั๊ม เมื่อมีการปรับขึ้น แต่เมื่อทยอยขึ้นแล้ว มาวันนี้กว่า 2 บาทต่อกก. แต่การขยายปั๊มก็ยังไม่เป็นไปตามที่ตกลง"นายกฤษณ์กล่าว
***ปตท.อย่างไวจ่อขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศมีโอกาสขยับขึ้นอีก หลังจากได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 50 สตางค์/ลิตรเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากการลดกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 3 ก.พ.อยู่ที่ 52.96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขึ้น 4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นตาม 4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
"ใน1 อาทิตย์ ราคาน้ำมันขึ้นไปแล้ว 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิม 40 เหรียญสหรัฐ เท่ากับขึ้นมาแล้ว 25% ซึ่งปกติราคาน้ำมันขึ้นมา 4 เหรียญ ราคาขายปลีกน้ำมันจะต้องเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร"
*** ดันGPSC-SPRC เข้าตลาดหุ้นไทย
นายไพรินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าการนำบริษัทสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)(SPRC) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขสัญญาโรงกลั่น เพื่อให้บริษัทดังกล่าวสามารถเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ คาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นได้ภายใน 6 เดือน โดย ปตท. พร้อมที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ 36% ออกทั้งหมด ถ้าสภาพตลาดหุ้นดี
นอกจากนี้ ปตท.ยังมีแผนจะนำบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)(GPSC) ที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว น่าจะเข้าตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 1/2558
***บอร์ดปตท.ไฟเขียวขายหุ้นบางจาก
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา บอร์ดปตท.มีมติรับข้อเสนอจากกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ที่เสนอขอซื้อหุ้นในบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จำนวน 210 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ15.25 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของบางจาก โดยมอบหมายให้ฝ่ายจัดการดำเนินการในรายละเอียดและขั้นตอนต่อไป ซึ่งรวมถึงการดำเนินการขายหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดในบางจากด้วย
ทั้งนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง สามารถถือหุ้นบางจากได้ไม่เกิน 25% มิฉะนั้นจะติดเงื่อนไขต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด ที่ผ่านมา กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ก็ไม่ได้ถือหุ้นบางจากอยู่แล้ว และสัดส่วนหุ้นขายให้นั้น ก็เป็นสัดส่วนหุ้นตามที่กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง เป็นผู้เสนอมา
ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปีนี้ ปตท. ไม่ได้มีการพิจารณาปรับลดงบการลงทุนของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าหลายธุรกิจในกลุ่ม ปตท. ยังไปได้ดีทั้งธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ท่อก๊าซ ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันปรับตัวลงทำให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แต่อาจได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันบ้างก็ตาม ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ก็ขาดทุนลดลงจากการปรับขึ้นราคาขายปลีก โดยทุกการปรับขึ้น 1 บาทต่อกก. ทำให้ลดการขาดทุนลง 10 ล้านบาทต่อวัน
***ยัน สปช. ไม่มีหน้าที่สั่งรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย ตอนหนึ่งว่า กรณีกระแสคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ของรัฐบาลนั้น มีแต่คนบอกว่าไม่ให้เปิดประมูล แล้วจะเอาที่ไหนมาใช้ ได้แต่ห้ามทำ แต่ไม่มีการเสนอทางออกมาให้ด้วย โดยเฉพาะประเทศไทย ไม่มีบริษัทที่จะสำรวจเกี่ยวกับพลังงาน ทั้งเอกชน และรัฐบาลก็ไม่มี แล้วจะให้ทำยังไง ก็ขอให้ไปคิดกัน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องประเด็นพลังงาน ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงท่าที และนโยบายของรัฐบาล อย่าสร้างแรงกดดันให้กระทบต่อรัฐบาล ทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องพลังงาน และข้อมูลในเรื่องพลังงาน ควรพิจารณาจากข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่สามารถพิสูจน์ได้ อย่าใช้ความเชื่อด้านพลังงานมาเป็นแนวทางในการทำงาน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องสัมปทานปิโตรเลียม ที่สปช. มีความเห็นสวนทางนโยบายรัฐบาลนั้น จะใช้คำว่า มติไม่ได้ น่าใช้คำว่าข้อยุติ แล้วจึงนำมาเสนอรัฐบาล ซึ่ง สปช. มีหน้าที่เสนอว่า เรื่องนั้นจะทำอย่างไร ไม่ใช่ทำเหมือนว่าจะมาสั่งฝ่ายบริหาร