xs
xsm
sm
md
lg

ขาหุ้นฯ โต้สื่อ 2 ฉบับเขียนบิดเบือนข้อมูล จี้ รบ.ยึดมติ สปช.ยุติสัมปทานรอบที่ 21 (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน แถลงโต้สื่อ 2 ฉบับลงบทความเต้าข่าวแกนนำปฏิรูปพลังงานวิ่งล็อบบี้ให้ ปตท.ถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท ชี้ข้อมูลที่เขียนปราศจากความเป็นจริง เชื่อมีขบวนการทำลายความชอบธรรมของภาคประชาชน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามมติเสียงข้างมากของ สปช.ที่ไม่เห็นด้วยต่อการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 และเสนอให้ใช้การจัดสรรผลประโยชน์ด้วยระบบแบ่งปันผลผลิตแทน

   


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ม.ค.) ที่สำนักงานสมาคมคุ้มครองผู้บริโภค หมู่บ้านไทยสมุทร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้ร่วมกันแถลงข่าวใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย 1.กรณีที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และหนังสือพิมพ์แนวหน้า กล่าวหาขาหุ้นปฏิรูปพลังงานว่าให้ข้อมูลบิดเบือน และมีการเจรจาให้ทาง ปทต.ถอนฟ้องในข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท โดยนายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน แถลงว่า จากกรณีที่ปรากฏบทความชิ้นหนึ่งจากเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็นบทความที่อยู่ในส่วนการเมือง คอลัมน์เด็ดจากผู้เขียนที่ไม่กล้าใช้ชื่อจริง แต่ใช้นามแฝงว่า “แกร่งหินเพลิง" โดยในเนื้อหาข่าวระบุว่า

“แกนนำ 5 คนได้นัดเจรจากับบริษัท ปทต.เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2557 โดยเป็นการขอให้พระพุทธะอิสระเป็นคนกลางในการขอเจรจากับ ปทต.”

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า จากข้อความดั่งกล่าวได้ปรากฏสิ่งที่ไม่เป็นความจริงคือ 5 แกนนำที่กล่าวถึงนั้น ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องในกรณีนี้ และไม่ได้เป็นผู้ถูกฟ้องจาก ปทต. อีกทั้งไม่ได้ไปร่วม หรือรับรู้การเจรจาในครั้งนั้น การกล่าวอ้างชื่อโดยไม่ตรวจสอบถือเป็นการกล่าวอ้างที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากในเนื้อข่าวนั้นได้ระบุข้อความที่สำคัญตามมาอีกหลายประเด็นดังนี้

“ทั้ง 5 แกนนำต่างยอมรับข้อมูลที่นำไปปราศรัยเผยแพร่ บางส่วนไม่มีอยู่จริงไม่ถูกต้อง พร้อมกับยอมขอโทษ ปตท.ที่นำข้อมูลไปปราศรัยอย่างไม่ถูกต้อง”
 

 
นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ข้อความข้างต้นนี้ก่อความเสียหาย และความเข้าใจผิดอย่างมากต่อผู้รับสื่อเพราะอาจทำให้ผู้รับสื่อเข้าใจผิดได้ว่า ข้อมูลที่ฝ่ายประชาชนออกมาให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความจริง เนื้อหาข่าวเช่นนี้ส่อเจตนาที่จะทำลายกระบวนการปฏิรูปพลังงานของประชาชน เบี่ยงเบนจากข้อเท็จจริง โดยสาระสำคัญที่กล่าวอ้างเพื่อทำลายกระบวนการปฏิรูปพลังงานของประชาชนยังมีต่อไปในเนื้อข่าวโดยอ้างการโพสต์เฟชบุ๊กของพระพุทธะอิสระ ว่า

“ที่ประชุมตกลงกันว่าจะต้องให้ฝ่ายแกนนำทั้ง 5 พบปะพูดคุยปรับความเข้าใจในข้อมูลที่บรรดานักสู้ภาคประชาชนแต่ละคนนำไปปราศรัยปลุกระดมให้ประชาชนหลงเชื่อในข้อมูลซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริง ซึ่งแกนนำทั้ง 5 ต่างก็ยินยอมที่จะรับฟัง”

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวมุ่งหมายที่จะแสดงให้เห็นว่า การแสดงข้อมูลของภาคประชาชนไม่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง โดยคำว่า ปลุกระดมให้ประชาชนหลงเชื่อในเนื้อหาข่าวส่อเจตนาว่าผู้เขียนข่าวไม่มีมีความเป็นกลาง และเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรง เนื้อหาต่อมาได้อ้างคำพูดของ นายปิยสวัสดิ์ ว่า

“นายปิยสวัสดิ์ เองยืนยันเหตุที่ ปตท.ต้องฟ้องทั้ง 5 แกนนำนั้นไม่ได้ต้องการเงิน แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงขององค์กร เพราะข้อมูลที่ฝ่ายแกนนำไปปลุกระดมให้รังเกียจองค์กร ปตท. เป็นการกระทำฝ่ายเดียว ปตท.ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงเลยต้องพึ่งบารมีศาล”

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า คำอ้างดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปว่า นายปิยสวัสดิ์ พูดเมื่อไหร่ในเหตุการณ์ไหน แต่การยกข้อความนี้มาเป็นการชี้นำว่าประชาชนเป็นผู้กระทำโดยที่ ปทต.ไม่มีโอกาสชี้แจง ซึ่งในความเป็นจริง ปทต.ได้ใช้สื่อหลายชนิดบอกข้อมูลแก่ประชาชนตลอดมา ซึ่งก็ไม่มีการตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นตรงกับความจริงหรือไม่

“จากกรณีการเขียนข่าวของ คมชัดลึก ไม่เพียงมีเจตนาในการกล่าวหาเชิงบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายความชอบธรรม และความน่าเชื่อถือของกระบวนการปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สื่อไม่ควรกระทำจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูล และไม่ควรเขียนข่าวด้วยการยกคำพูด หรือข้อมูลใดที่ทำให้ผู้รับสื่อรับรู้ข้อมูลเพียงด้านเดียว และเนื้อหาข่าวทั้งหมดโน้มเอียงไปทางการให้ความชอบธรรมแก่ ปทต.แต่ทำลายขบวนการของประชาชน”
 

 
นายประสิทธิชัย กล่าวและว่า เนื้อหาข่าวดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 6 มกราคม 2558 ในคอลัมน์ จับกระแสพลังงาน : ถึงเวลาทำให้กระจ่าง โดยมีเนื้อข่าวคล้ายกับคมชัดลึก แม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยชื่อบุคคลก็ตามแต่เป็นการเขียนข่าวเพื่อเชียร์ฝ่าย ปทต.และทำลายกระบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน โดยมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวหาขาหุ้นปฏิรูปพลังงานว่า

“...ถึงตรงนี้ก็ต้องถามว่า...ไหนล่ะครับจุดยืนแกนนำจับตาปฏิรูปพลังงาน ขาหุ้นพลังงาน หรือเครือข่ายพลังงานอะไรทั้งหลาย...ไหนยืนยันหัวชนฝาว่า ปตท.ปล้นชาติปล้นแผ่นดิน....เอารัดเอาเปรียบประชาชน...????....”

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจาก จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล กระบี่ และ จ.ตรัง ได้มีความเห็นร่วมกันดังนี้

1.ขอให้หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และแนวหน้า กล่าวขอโทษต่อความผิดพลาดดังกล่าวและแก้ไขเนื้อหาข่าวให้ถูกต้อง

2.ขอให้สภาการหนังสือพิมพ์ พิจารณาลงโทษต่อการทำหน้าที่ไร้จรรยาบรรณของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

โดยขอให้หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และแนวหน้า ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว หากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และหนังสือพิมพ์แนวหน้า ยังไม่มีการดำเนินการ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะดำเนินการในขั้นต่อไป

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า สำหรับกระบวนการปฏิรูปพลังงานภาคประชาชนยังยืนยันเจตนารมณ์เดิม ด้วยการเปลี่ยนระบบสัมปทานปิโตรเลียมไปสู่ระบบการแบ่งปันผลผลิตเพื่อเอาอำนาจอธิปไตยด้านปิโตรเลียมคืนมานำไปสู่การจัดสรรปิโตรเลียมที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยในประเด็นนี้ได้มีความเห็นจากการประชุม สปช.เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2558 ด้วยมติเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยต่อระบบสัมปทาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศเราควรปรับเปลี่ยนการจัดการปิโตรเลียม

“ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ” นายประสิทธิชัย กล่าว
 

 
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้เป็นตัวแทนแถลงในประเด็นเรื่องขอให้รัฐบาลเคารพเสียงประชาชน และมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้วยการยกเลิกการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ กล่าวว่า เป็นข่าวที่น่ายินดีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีมติเสียงข้างมาก 130 : 79 เสียง ไม่เห็นด้วยต่อการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 และเสนอให้ใช้การจัดสรรผลประโยชน์ด้วยระบบแบ่งปันผลผลิตแทน เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานมีความยินดีอย่างยิ่งต่อมติที่เหนือความคาดหมายดังกล่าว

นพ.สุภัทร กล่าวว่า เสียงเรียกร้องจากภาคประชาชน นักวิชาการ และขาหุ้นปฏิรูปพลังงานที่ได้เคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมานั้น มีส่วนต่อการสร้างความเข้าใจต่อสังคมโดยรวม และความตื่นตัวของประชาชนนี่เองที่เป็นส่วนสำคัญในการที่มีมติท่วมท้นในการเลือกวิธีการจัดการทรัพยากรปิโตรเลียมด้วยการแบ่งปันผลผลิตแทนการให้สัมปทาน

“ประเด็นที่น่าเป็นห่วงในการขับเคลื่อนให้การแบ่งปันผลผลิตเกิดขึ้นจริงในสังคมไทยให้จงได้ จึงตกไปอยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาล และขาหุ้นปฏิรูปพลังงานหวังว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะเคารพเสียงของประชาชน และเคารพมติของ สปช.ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน”

นพ.สุภัทร กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความหวัง แต่ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้ก็ได้วิเคราะห์ และมีความเห็นที่ตรงกันว่า ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานไม่มีความเชื่อมั่นเลยว่า รัฐบาลจะกล้าตัดสินใจยกเลิกการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 และเลือกใช้วิธีการแบ่งปันผลผลิตแทนตามมติที่ สปช.ได้มีมติอย่างท่วมท้น แม้ว่านายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ขอให้ สปช.ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้เองก็ตาม ทั้งนี้ เพราะไม่คิดว่ารัฐบาลจะสามารถสลัดอิทธิพลของกลุ่มทุนพลังงานทั้งในประเทศและทุนข้ามชาติที่เกาะแน่นและฝังลึกในระบบราชการ และระบบโครงสร้างอำนาจของรัฐไทยไปได้

“เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศให้ภาคเอกชนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่สนใจในการขอสัมปทานรอบที่ 21 ยื่นขอสิทธิภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนเดียวกับประชาชน และ สปช. ด้วยการยกเลิกการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ของกระทรวงพลังงานในทันที เพราะเป็นการเปิดการยื่นขอสิทธิสัมปทานที่ขัดต่อมติมหาชน”

นพ.สุภัทร กล่าวและว่า ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานที่กระจายอยู่ทุกจังหวัด ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปพลังงานอย่างถึงราก ต้องการปลดปล่อยประเทศไทยจากการเป็นเมืองขึ้นของทุนพลังงาน ต้องการการเปลี่ยนให้พลังงานมีราคาที่เหมาะสมเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อการทำกำไรของบริษัทนายทุน ต้องร่วมกันแสดงออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รัฐบาลยกเลิกการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ให้จงได้

“อย่าเพิ่งดีใจรอแต่ความหวัง เพราะทุนพลังงานอันทรงอิทธิพลจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์อันมหาศาลอย่างแน่นอน”

ด้าน นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ระบุว่า ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อรณรงค์ให้ความรู้แก่ภาคประชาชน โดยในเร็วๆ นี้ จะมีการนัดหารือกับ สปช.ใน จ.สงขลา ด้วย
 
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น