xs
xsm
sm
md
lg

จ่อยึดทรัพย์ล็อต2 แก๊งยักยอกเงินสจล. 9ก.พ.ปิดบัญชีSCB

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ตำรวจ หารืออัยการสำนักงานต่างประเทศ เร่งติดตามตัว "กิตติศักดิ์ มัทธุจัด" ผู้ต้องการยักยอกทรัพย์ สจล. ด้านป.ป.ง. เตรียมตรวจสอบและอายัดทรัพย์เครือข่ายเพิ่มเป็นล็อตที่ 2 ด้าน สจล. ดีเดย์ปิด 4 บัญชีแบงก์ไทยพาณิชย์ 9 ก.พ.นี้ ระบุเป็นบัญชีเงินฝากระจำรวมประมาณ 50 ล้านบาท และบัญชีรับจ่ายที่มีเงินหมุนเวียนประมาณ 60-100 ล้าน พร้อมจะส่งหนังสือเวียนถามบุคลากร ใช้คงบัญชีเงินเดือนกับธนาคารไทยพาณิชย์ต่อหรือไม่วันนี้

รายงานแจ้งว่า ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าพบเพื่อหารือร่วมกับนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือประเด็นเกี่ยวกับการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ โดยนายวันชัย ปฏิเสธให้รายละเอียดของการหารือ เพียงระบุมีการพูดคุยกันหลายประเด็น แต่เป็นเรื่องทางลับไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้านพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าปปง.จะเปิดเผยความคืบหน้าผลการตรวจสอบธุรกรรมเครือข่ายยักยอกทรัพย์คดีสจล.เพิ่มเติมเป็นล็อตที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้มีการยึดและอายัดทรัพย์ทรัพย์เครือข่ายไปแล้วทั้งบุคคล 21 คน และนิติบุคคลอีก 4 บริษัท คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

*** ส่ง ให้อัยการปลายเดือน ก.พ.นี้***

พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับอัยการ ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ว่าอัยการได้ให้คำแนะนำการทำสำนวนคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้รัดกุม ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มอบหลักฐานให้ตำรวจครบถ้วนแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบ เชื่อว่าช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จะสามารถส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องได้ สำหรับความคืบหน้าการสอบปากคำพยานตามหมายเรียก 26 คน ล่าสุด ยังเหลือ 2 คน ที่ยังไม่มาเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งถ้ายังไม่มาพบในสัปดาห์นี้ จะพิจารณาออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 3

โดยทั้งนี้ ในคดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 8 คน ยังหลบหนีอีก 3 คน คือ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ตัวการใหญ่ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ และ นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์

*** ดีเดย์ปิดบัญชีไทยพาณิชย์ 9 ก.พ.นี้

วานนี้ (3 ก.พ.) ผศ.ดร.เผ่าภัค ศิริสุข รักษาการแทนรองอธิการบดี สจล. ในฐานะกำกับดูแลส่วนการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการยักยอกเงินของ สจล. ที่หายไปกว่า 1 พันล้านบาท ว่า ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ทาง สจล. จะไปดำเนินการปิดบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ 4 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีเงินฝากประจำ 3 บัญชี ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านบาท และบัญชีเงินหมุนเวียน 1 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีรับจ่าย ที่มีเงินหมุนเวียนเข้าออกประมาณ 60-100 ล้านบาท ส่วนบัญชีอื่นๆ ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่สามารถปิดได้จะเริ่มทยอยปิดต่อไป เพราะไม่สามารถปิดพร้อมกันได้ทันที ซึ่งขณะนี้ สจล. ได้ทำการเปิดบัญชีใหม่กับธนาคารของรัฐแห่งหนึ่งแล้ว เพื่อรองรับการโยกย้ายเงินจากการปิดบัญชีดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ ( 4 ก.พ.) จะทำหนังสือเวียน เพื่อสอบถามไปยังบุคลากรของ สจล. ประมาณ 800 คน ที่ใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นบัญชีรับเงินเดือนว่าจะใช้บัญชีดังกล่าวตามเดิมหรือไม่ ซึ่ง สจล. ยังคงยึดหลักความสมัครใจของเจ้าของบัญชีเป็นหลักว่าจะยังใช้ต่อหรือไม่

ด้าน รศ.ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา รักษาการแทนรองอธิการบดี สจล. กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทคโนโลยีฯเจ้าคุณทหารแล้ว เพื่อขอให้ส่งเอกสารสำคัญที่ยังขาดอยู่ให้แก่สถาบันฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 4 รายการ ได้แก่ สำเนาสลิปการถอนเงิน สำเนาการขอซื้อแคชเชียร์เช็ค สำเนาการโอนเงินผ่านระบบบาทเนต และสำเนาบัญชีปลายทาง โดยเอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่จะทำให้เห็นชัดว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหรือเบิกถอนเงินบ้าง ซึ่งต้องใช้เป็นหลักฐานประกอบกับลายเซ็นต์ผู้บริหารที่มีการเซ็นต์ย้อนหลัง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ว่าเป็นลายเซ็นต์จริง หรือปลอม ทั้งนี้ทางผู้จัดการสาขาฯ ให้ความร่วมมือค่อนข้างดี แต่ก็ต้องรอการอนุมัติจากทางสำนักงานใหญ่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนการสอบถามความประสงค์การใช้บัญชีเงินเดือน นั้น สถาบันให้อิสระในการเลือก ซึ่งหากบุคลากรสมัครใจใช้บัญชีไทยพาณิชย์ต่อก็ทำได้ หรือเปลี่ยนมาใช้บัญชีเงินเดือนของ 3 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก็ได้เช่นกันทั้งหมดขึ้นกับความสมัครใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น