xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯ ถกอัยการหารือลากคอ “กิตติศักดิ์” มาดำเนินคดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


กองปราบปรามประชุมคดี สจล.ร่วมอัยการ-ธนาคาร หารือลากคอ “กิตติศักดิ์” มาดำเนินคดี คาดอีก 1-2 เดือนสรุปสำนวนส่งฟ้องคดี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีฉ้อโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวน เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน รวมทั้งเชิญผู้แทนธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง และอัยการฝ่ายต่างประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้า ประมวลข้อมูล และกำหนดแนวทางการดำเนินคดี

พ.ต.อ.ณษกล่าวภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงว่า เรียกประชุมเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเนื่องจากเอกสารที่ได้มา มีจำนวนมากพอสมควร โดยเชิญทางเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย มาร่วมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสาร ส่วนอะไรที่ยังขาดหรือต้องการเพิ่มเติมก็จะประสานขอความร่วมมือกันต่อไป ที่ผ่านมาทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คิดว่าภายในสัปดาห์หน้า เอกสารน่าจะครบถ้วนสมบูรณ์

นอกจากนี้ พนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศได้ชี้แนะขั้นตอนการทำเรื่องนำตัวนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เมื่อมาทำงานร่วมกันแล้ว ขั้นตอนต่างๆ น่าจะรวดเร็วขึ้น โดยนายกิตติศักดิ์นั้นยังคงหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ส่วนเรื่องเงินที่มีกระแสข่าวว่ามียอดเพิ่มเข้ามา 300 ล้านบาท ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่พบ รวมทั้งที่มีการระบุว่ามีดาราจากภาพยนตร์เรื่องสตรีเหล็กเข้ามาเกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้รายงาน หรือมีข้อมูลในส่วนนี้แต่อย่างใด

พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า ในส่วนของนายศรุต ราชบุรี อาจารย์ของ สจล.ซึ่งมีชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี โดยได้รับการโอนเงินจากนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ 5.5 ล้านบาทนั้น ถึงขณะนี้ยังไม่นำหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้มีพยานอีก 2-3 ปากที่นัดหมายเข้ามาพบพนักงานสอบสวน โดยทางเจ้าหน้าที่ สจล.เป็นผู้พามา ดูแล้วน่าจะเป็นพยานที่มีประโยชน์ต่อรูปคดี แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าพาดพึงถึงบุคคลอื่นใด นอกเหนือจากที่เราได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งบุคคลที่ได้ออกหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า สำหรับการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์มาดำเนินคดี คงต้องใช้ช่องทางการประสานงานระหว่างประเทศซึ่งต้องใช้เวลา เช่น กรณีของนายราเกซ สักเสนา ที่หลบหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศแคนาดา แต่การที่อัยการเข้าร่วมประชุม ก็เพื่อจะดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด ส่วนจะประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลนั้น ขอบอกว่าอำนาจหน้าที่ของเราไม่ถึงจุดนั้น คงต้องเป็นเรื่องของอัยการระหว่างประเทศดำเนินการ เราคงทำได้เพียงติดตามว่านายกิตติศักดิ์อยู่ที่ไหน

“ขอยืนยันว่าทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวตลอด ส่วนขั้นตอนดำเนินการต้องรีบทำให้เร็วที่สุด อัยการจึงต้องรีบมา เพราะวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้จะมีการประชุมคณะใหญ่ ร่วมกับทางอัยการสูงสุดกับ ผบ.ตร.ในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ส่วนการยึดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ก็ประสานกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ตลอดเวลา”

พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า สำหรับการสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องคดี โดยต้องใช้เวลาอีก 1-2 เดือน แต่ทันกำหนดผัดฟ้องฝากขังผู้ต้องหาในคดีแน่นอน

ต่อมา พ.ต.อ.พงศ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. สอบปากคำ นายสิทธิชัย ศรีวโรทัย อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/68 ซ.ฉลองกรุง แขวงเขตลาดกระบัง กทม. ลูกจ้างประจำ สถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ตำแหน่ง พนักงานบริการเดินเอกสาร 1

นายสิทธิชัย กล่าวว่า เมื่อ 26 ส.ค. 57 ตนได้รับการติดต่อจากนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารฯ ซึ่งรู้จักสนิทสนมกันมานานแล้วตั้งแตสมัยที่นายทรงกลดเป็น ผจก.แบ๊งค์ใน สจล. โดยนายทรงกลดได้บอกให้ตนช่วยไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ สาขาหัวตระเข้ แล้วจะให้ค่าช่วยเหลือ ซึ่งเห็นเวลานั้นยังไม่มีคดีเงิน สจล.หาย ไม่ได้คิดอะไร จึงไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ในชื่อของตนด้วยเงิน 500 บาท โดยนายทรงดลดรออยู่ธนาคารกรุงเทพ ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็มีเงินจำนวน 20 ล้านบาทเข้ามาในบัญชีของตน นายทรงกรด ได้บอกให้ตนเอาเงินที่โอนมาซื้อแคชเชียร์เช็คจำนวน 16 ล้านบาท เสร็จแล้วให้ข้ามเอาทั้งแคชเชียร์เช็ค และสมุดบัญชีที่มีเงินเหลืออยู่ 4,000,500 บาทไปส่งให้ที่ธนาคารกรุงเทพ ฝั่งตรงข้าม โดยนายทรงกรดเอาไปทั้งหมด ซึ่งบัญชีเงินฝากดังกล่าวก็ไม่มีบัตรเอทีเอ็ม.สำหรับกดเบิกเงินด้วย บอกว่าแล่วจะติดต่อมา ค่าช่วยเหลืออะไรก็ได้รับซึ่งทาง สจล.ได้ตรวจพบว่ามีเงินจำนวนดังกล่าว 20 ล้านโอนเข้าบัญชีในชื่อของตน พร้อมกับใก้ตนมาให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในฐานะพยาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนคดีเงิน สจล.ได้มีหมายเรียก นายคงฤทธิ์ สิงห์นุโคตร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 253/71 ซ.เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยานในสัปดาห์หน้าเนื่องจากระหว่างปี 2555-2556 นายคงฤทธิ์ ดำรงตำแหน่ง ผจก.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุวรรณภูมิ ปรากฎเอกสารทางการเงิน ของ สจล. จำนวน 300 ล้านบาทมีการโอนไปที่นั่น จึงต้องเรียกมาสอบถามที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งข้อมูลที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบนายคงฤทธิ์ เคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมจังหวัดลำปาง ทำตัวเป็นสาวประเภทสองลงแข่งขัน จนนักสร้างภาพยนตร์นำชีวประวัติมาเป็นตัวแสดงนำ เจ๊จุง ในภาพยนตร์เรื่อง สตรีเหล็ก ภาค 1 จนโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน




กำลังโหลดความคิดเห็น