ASTV ผู้จัดการรายวัน- บก.ป.คุมตัว “แม่กิตติศักดิ์” ฝากขังศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ด้านรอง ผบก.ป.เผยใกล้ถึงตัวบอสใหญ่ตัวบงการแล้ว ตัวแทนครูและ น.ศ.เทคโนลาดกระบัง ยื่นหนังสือแบงก์ไทยพาณิชย์เรียกร้องให้ธนาคารและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีโกงเงิน สจล.แสดงจุดยืนและให้ความร่วมมือกับตำรวจสะสางคดี ด้านธนาคารไทยพาณิชย์ชี้แจงส่งข้อมูลทางบัญชี -เอกสารให้ตำรวจตามขั้นตอนเคร่งครัด
วานนี้ (20 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เสวตเลข รอง ผบก.ป. สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ควบคุมตัวนางระดม มัทธุจัด อายุ 56 ปี มารดาของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เพื่อขออำนาจศาลฝากขังโดยไม่ต้องมีหมายจับผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท จึงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า จากการสอบสวนนางระดมยังให้การไม่เป็นประโยชน์ โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหานำเงินที่โอนจาก สจล.ไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ เช่น ทองคำ ที่ดิน ก่อนจะขายทรัพย์สินเหล่านี้ โดยไม่ได้สนใจมูลค่าว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน จากนั้นจะนำเงินกลับมาเข้าบัญชีนายกิตติศักดิ์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินรวมมูลค่านับร้อยล้านบาท เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาก่อนนำตัวไปส่งศาลเพื่อขอหมายขังซึ่งไม่ต้องขอหมายจับ เพราะเป็นการแจ้งข้อหาต่อหน้าพนักงานสอบสวน
ส่วน น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย น้องสาวนายกิตติศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัวไว้สอบสวน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า วันนี้ก็ได้เชิญนายจักรี ปัดภัย แฟนของ น.ส.จุฑารัตน์ และบุคคลอื่นที่มีรายชื่อตามหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนอีกวันละ 5 ราย รวมทั้งได้เชิญเจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา เข้ามาให้ข้อมูลการสอบสวนนายทรงกลดก่อนที่จะไล่ออกอีกด้วย
“คดีนี้มีความคืบหน้าไปมากใกล้จะสาวไปถึงบอสตัวบงการใหญ่เหนือนายกิตติศักดิ์แล้ว”
***** ครู-น.ศ.เทคโนลาดกระบัง จี้แบงก์เร่งเคลียร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ม.ค.) ตัวแทนคณะอาจารย์ พร้อมนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำโดยนายเกียรติศักดิ์ รุ่งพระแสง เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน ถึงกรณีการทุจริตเงิน 1,600 ล้านบาท ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมีนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารที่ให้บริการเป็นบัญชีเงินเดือนหลักของบุคลากรทั้งหมดของสถาบัน และมีเงินในบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตมากที่สุด คณะบุคคลยังเรียกร้องให้สถาบันการเงินที่มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีทุจริต เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกรุงไทย ออกมาแสดงจุดยืนและแนวทางปฏิบัติต่อสาธารณชนเช่นกัน
"ที่ผ่านมายังสงวนท่าทีวันนี้จึงเรียกร้องให้ธนาคารออกมาแสดงจุดยืน การนิ่งเฉยของธนาคารไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวทางปฏิบัติของธนาคาร แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการดูแลเงินฝาก และธุรกรรมทางการเงินที่ศิษย์เก่าและคณะบุคคลในสถาบัน มอบให้ธนาคารดูแลด้วย" นายเกียรติศักดิ์กล่าวและว่า รุ้สึกกังวลใจเพราะเงินที่หายไปมีจำนวนมาก แต่ยอมรับว่าความผิดพลาดและการทุจริตเกิดขึ้นได้เสมอ แต่การมีการกวดขันตรวจสอบก่อนจะมีการเบิกเงินจำนวนมากออกไป ก็จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้
วันเดียวกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือชี้แจงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่ปรากฏเป็นข่าวขึ้นนั้น ธนาคารได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าพนักงานสอบสวน และสจล.อย่างเต็มที่ โดยได้มอบหมายให้สายบริหารการป้องกัน อาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารเข้าร่วมกับเจ้าพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบการทำธุรกรรม และติดตามเส้นทางการเดินเงินของกลุ่มผู้ทุจริต อีกทั้งได้นำส่งข้อมูลทางบัญชี ตลอดจนเอกสารประกอบการทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่าง ขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริงซึ่งจะได้มีการรายงานให้ทราบต่อไป
“ที่ผ่านมาธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องที่เกิดขึ้น หากมีความคืบหน้าเพิ่ม ก็พร้อมจะรายงานให้ สจล.ทราบ ขอยืนยันว่า ธนาคารบริสุทธิ์ใจและจะยืนอยู่เคียงข้างอาจารย์และนักศึกษาอย่างแน่นอน” นายพงษ์สิทธิ์กล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อีก 1 ธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ล่าสุดได้ส่งพนักงานเข้าชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สอบสวนกองปราบปรามแล้ว
วานนี้ (20 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เสวตเลข รอง ผบก.ป. สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ควบคุมตัวนางระดม มัทธุจัด อายุ 56 ปี มารดาของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เพื่อขออำนาจศาลฝากขังโดยไม่ต้องมีหมายจับผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท จึงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า จากการสอบสวนนางระดมยังให้การไม่เป็นประโยชน์ โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหานำเงินที่โอนจาก สจล.ไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ เช่น ทองคำ ที่ดิน ก่อนจะขายทรัพย์สินเหล่านี้ โดยไม่ได้สนใจมูลค่าว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน จากนั้นจะนำเงินกลับมาเข้าบัญชีนายกิตติศักดิ์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินรวมมูลค่านับร้อยล้านบาท เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาก่อนนำตัวไปส่งศาลเพื่อขอหมายขังซึ่งไม่ต้องขอหมายจับ เพราะเป็นการแจ้งข้อหาต่อหน้าพนักงานสอบสวน
ส่วน น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย น้องสาวนายกิตติศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัวไว้สอบสวน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ณษกล่าวว่า วันนี้ก็ได้เชิญนายจักรี ปัดภัย แฟนของ น.ส.จุฑารัตน์ และบุคคลอื่นที่มีรายชื่อตามหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนอีกวันละ 5 ราย รวมทั้งได้เชิญเจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา เข้ามาให้ข้อมูลการสอบสวนนายทรงกลดก่อนที่จะไล่ออกอีกด้วย
“คดีนี้มีความคืบหน้าไปมากใกล้จะสาวไปถึงบอสตัวบงการใหญ่เหนือนายกิตติศักดิ์แล้ว”
***** ครู-น.ศ.เทคโนลาดกระบัง จี้แบงก์เร่งเคลียร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ม.ค.) ตัวแทนคณะอาจารย์ พร้อมนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำโดยนายเกียรติศักดิ์ รุ่งพระแสง เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน ถึงกรณีการทุจริตเงิน 1,600 ล้านบาท ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมีนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารที่ให้บริการเป็นบัญชีเงินเดือนหลักของบุคลากรทั้งหมดของสถาบัน และมีเงินในบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตมากที่สุด คณะบุคคลยังเรียกร้องให้สถาบันการเงินที่มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีทุจริต เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกรุงไทย ออกมาแสดงจุดยืนและแนวทางปฏิบัติต่อสาธารณชนเช่นกัน
"ที่ผ่านมายังสงวนท่าทีวันนี้จึงเรียกร้องให้ธนาคารออกมาแสดงจุดยืน การนิ่งเฉยของธนาคารไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวทางปฏิบัติของธนาคาร แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการดูแลเงินฝาก และธุรกรรมทางการเงินที่ศิษย์เก่าและคณะบุคคลในสถาบัน มอบให้ธนาคารดูแลด้วย" นายเกียรติศักดิ์กล่าวและว่า รุ้สึกกังวลใจเพราะเงินที่หายไปมีจำนวนมาก แต่ยอมรับว่าความผิดพลาดและการทุจริตเกิดขึ้นได้เสมอ แต่การมีการกวดขันตรวจสอบก่อนจะมีการเบิกเงินจำนวนมากออกไป ก็จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้
วันเดียวกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือชี้แจงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่ปรากฏเป็นข่าวขึ้นนั้น ธนาคารได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าพนักงานสอบสวน และสจล.อย่างเต็มที่ โดยได้มอบหมายให้สายบริหารการป้องกัน อาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารเข้าร่วมกับเจ้าพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบการทำธุรกรรม และติดตามเส้นทางการเดินเงินของกลุ่มผู้ทุจริต อีกทั้งได้นำส่งข้อมูลทางบัญชี ตลอดจนเอกสารประกอบการทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่าง ขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริงซึ่งจะได้มีการรายงานให้ทราบต่อไป
“ที่ผ่านมาธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องที่เกิดขึ้น หากมีความคืบหน้าเพิ่ม ก็พร้อมจะรายงานให้ สจล.ทราบ ขอยืนยันว่า ธนาคารบริสุทธิ์ใจและจะยืนอยู่เคียงข้างอาจารย์และนักศึกษาอย่างแน่นอน” นายพงษ์สิทธิ์กล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อีก 1 ธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ล่าสุดได้ส่งพนักงานเข้าชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สอบสวนกองปราบปรามแล้ว