อัยการฟ้องข้อหาหนัก "เดอะกิ๊ก " กับลูกน้อง 5 คน แอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน ศาลนัดสอบคำให้การวันนี้ (30ม.ค.)
เมื่อเวลา 16.15 น. วานนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลอาญา .ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) และพล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ , เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , 157 และ 149
คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างเดือนก.พ.55 - ก.ค.57 ต่อเนื่องกัน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. และจำเลยที่ 2 เป็นรองผบช.ก. ส่วนจำเลยที่ 3 เป็น ผบก.รน. ซึ่งจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินเป็นเงิน จากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมาย ในบริเวณน่านน้ำไทยเป็นรายเดือน จำนวนหลายราย และให้นำเงินมาส่งมอบแก่จำเลยที่ 2 ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะนำเงินมาส่องมอบแก่จำเลยที่ 1 เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายกับสตช.และรัฐบาล
นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 ยังได้ดูหมิ่น หมิ่นประมาทองค์รัชทายาท โดยขณะที่ทำการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายนั้น ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 3 ได้แต่งเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ โดยติดเหรียญพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลายเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารมาประดับไว้ที่บริเวณฝากระเป๋าเสื้อด้านซ้าย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่บุคคลทั่วไป โดยจำเลยที่ 3 ใช้มือชี้ไปยังพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมอ้างว่า เงินส่วยที่เก็บไปนั้น จะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิด ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ ต.บางด้วน อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ และแขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.57 เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมจำเลยทั้ง 3 ได้ พร้อมทำการสอบสวนแล้ว โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.57 เจ้าพนักงานได้ตรวจยึดสำเนาบัญชีจ่ายเงินจากผู้ประกอบการที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ อ. 291/2558
วันเดียวกันนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยังได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 ปคบ. ด.ต. สุรศักดิ์ จันเงา อดีต ผบ.หมู่ กก.2ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1ต.ค.53-11 พ.ย.57 จำเลยทั้งห้า กับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. (เสียชีวิตแล้ว)ได้สมคบกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 และ 2 ในการสรรหา คัดเลือก และลงนาม ในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ก. สตช. และร่วมกับจำเลยที่ 3 - 5 กับพวกดังกล่าวร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ ข่มขืนใจ พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรง สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคน มอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่จำเลยทั้งห้า กับพวกรายละ 3 - 5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการที่จะช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวให้ได้รับการสรรหา คัดเลือกโดยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ลงนามเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งสำคัญในสังกัด บช.ก. จากนั้น จากนั้น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชา สั่งให้พ.ต.ต.ชาตรี และพวก แต่ละรายจัดส่งเงินเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท - 2,000,000 บาท ให้กับจำเลยทั้งห้า กับพวกเป็นค่าตอบแทน เพื่อให้ พ.ต.ต.ชาตรี กับพวก อยู่ในตำแหน่งต่อไป อันเป็นการวมกันใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ
ต่อมาวันที่22 พ.ย.57 เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งห้าได้ ดำเนินคดี ตามระมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 ,148 ,149,157 ทำการสอบสวน โดยจำเลยที่ 1 และ 4 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2,3 และ 5 ให้การปฏิเสธ และขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยทั้งห้าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ อ.292 /2558
ทั้งนี้ศาลออกหมายให้เบิกตัวจำเลยทั้งห้า จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบคำให้การจำเลยทั้งห้าว่ าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 09.00 น.
เมื่อเวลา 16.15 น. วานนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลอาญา .ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) และพล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ , เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , 157 และ 149
คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างเดือนก.พ.55 - ก.ค.57 ต่อเนื่องกัน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. และจำเลยที่ 2 เป็นรองผบช.ก. ส่วนจำเลยที่ 3 เป็น ผบก.รน. ซึ่งจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินเป็นเงิน จากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมาย ในบริเวณน่านน้ำไทยเป็นรายเดือน จำนวนหลายราย และให้นำเงินมาส่งมอบแก่จำเลยที่ 2 ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะนำเงินมาส่องมอบแก่จำเลยที่ 1 เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายกับสตช.และรัฐบาล
นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 ยังได้ดูหมิ่น หมิ่นประมาทองค์รัชทายาท โดยขณะที่ทำการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายนั้น ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 3 ได้แต่งเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ โดยติดเหรียญพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลายเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารมาประดับไว้ที่บริเวณฝากระเป๋าเสื้อด้านซ้าย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่บุคคลทั่วไป โดยจำเลยที่ 3 ใช้มือชี้ไปยังพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมอ้างว่า เงินส่วยที่เก็บไปนั้น จะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิด ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ ต.บางด้วน อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ และแขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.57 เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมจำเลยทั้ง 3 ได้ พร้อมทำการสอบสวนแล้ว โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.57 เจ้าพนักงานได้ตรวจยึดสำเนาบัญชีจ่ายเงินจากผู้ประกอบการที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ อ. 291/2558
วันเดียวกันนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยังได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 ปคบ. ด.ต. สุรศักดิ์ จันเงา อดีต ผบ.หมู่ กก.2ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1ต.ค.53-11 พ.ย.57 จำเลยทั้งห้า กับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. (เสียชีวิตแล้ว)ได้สมคบกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 และ 2 ในการสรรหา คัดเลือก และลงนาม ในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ก. สตช. และร่วมกับจำเลยที่ 3 - 5 กับพวกดังกล่าวร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ ข่มขืนใจ พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรง สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคน มอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่จำเลยทั้งห้า กับพวกรายละ 3 - 5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการที่จะช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวให้ได้รับการสรรหา คัดเลือกโดยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ลงนามเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งสำคัญในสังกัด บช.ก. จากนั้น จากนั้น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชา สั่งให้พ.ต.ต.ชาตรี และพวก แต่ละรายจัดส่งเงินเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท - 2,000,000 บาท ให้กับจำเลยทั้งห้า กับพวกเป็นค่าตอบแทน เพื่อให้ พ.ต.ต.ชาตรี กับพวก อยู่ในตำแหน่งต่อไป อันเป็นการวมกันใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ
ต่อมาวันที่22 พ.ย.57 เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งห้าได้ ดำเนินคดี ตามระมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 ,148 ,149,157 ทำการสอบสวน โดยจำเลยที่ 1 และ 4 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2,3 และ 5 ให้การปฏิเสธ และขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยทั้งห้าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ อ.292 /2558
ทั้งนี้ศาลออกหมายให้เบิกตัวจำเลยทั้งห้า จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบคำให้การจำเลยทั้งห้าว่ าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 09.00 น.