ศาลนัดพิพากษา “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์” กับลูกน้องอีก 6 คน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบรับสินบนส่วยน้ำมันเถื่อน - โยกย้ายตำรวจ 26 ก.พ. นี้
ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (23 ก.พ.) ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ประกอบคำรับสารภาพจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.291/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 59 ปี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.), พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีตรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) อายุ 55 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 157 และ 149 ที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2558 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อเดือน ก.พ. 2555 - ก.ค. 2557 ได้ร่วมกันเรียกรับเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการหลายราย ที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง บริเวณน่านน้ำไทย รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการ ขณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเงินส่วยที่เก็บไปนั้น จะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วย โดยชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยทั้งสามจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเพื่อร่วมกระบวนพิจารณา ซึ่ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. จำเลยที่ 1 กับพวกมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ก่อนการสืบพยาน ศาลได้สอบถามจำเลยทั้งหมดว่า ให้การรับสารภาพคดีนี้ใช่หรือไม่ จำเลยทั้งหมดยืนยันให้การรับสารภาพ โดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน แถลงต่อศาลด้วยว่า จำเลยทั้งหมดขอรับสารภาพ และขอให้ศาลมีคำตัดสินภายในวันนี้ ซึ่งศาลได้ชี้แจงต่อจำเลยว่า ตามกฎหมายก็มีขั้นตอนปฏิบัติอยู่ ดังนั้น ต้องนำสืบจะสืบพยานที่อัยการเตรียมมาก่อน
ขณะเดียวกัน ศาลได้แจ้งให้สื่อมวลชน และกลุ่มญาติของจำเลยทราบว่า เนื่องจากคดีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงและเรื่องความมั่นคง ดังนั้น จึงให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องพิจารณา ซึ่งศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีลับ คงมีเพียงอัยการโจทก์ พยาน และจำเลยทั้งหมดรับฟังการพิจารณาเท่านั้น โดยอัยการโจทก์ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บช.ก. และ บก.รน.รวม 7 นาย และเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย มาเป็นพยานเบิกความ ภายหลังศาลหลังสืบพยานเสร็จสิ้นทั้ง 8 ปากแล้ว ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 09.00 น.
สำหรับคดีหมายเลขดำ อ.292/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก., พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีต รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อายุ 46 ปี อดีต ผกก.4 ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ จันเงา อายุ 50 ปี อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อายุ 48 ปี อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใดเพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 - 11 พ.ย. 2557 จำเลยทั้งห้าร่วมกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. ที่เสียชีวิตแล้ว ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ เรียกรับเงิน พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงสว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคนรายละ 3 - 5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการช่วยเหลือให้ได้รับการคัดเลือกตำแหน่ง ในตำแหน่งสำคัญ สังกัด บช.ก. และสั่งว่าต้องจัดส่งเงินเป็นรายเดือนๆ ละ 10,000 - 2,000,000 บาท ให้จำเลยทั้งห้าอีกเพื่อเป็นค่าตอบแทนเพื่อให้ พ.ต.ต.ชาตรี กับพวก อยู่ในตำแหน่งต่อไป
ภายหลัง ศาลสืบพยานโดยพิจารณาคดีลับเสร็จแล้ว ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 09.00 น.