ศาลอาญาสั่งคุก 15 ปี “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์” อดีต ผบช.ก.2 สำนวน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรียกรับสินบนส่วยน้ำมันเถื่อน-แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ
ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (26 ก.พ.) ศาลได้มีคำพิพากษาคดีเรียกรับส่วยโยกย้ายตำแหน่ง บช.ก. หมายเลขดำ อ.292/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. อายุ 59 ปี, พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.อายุ 59 ปี, พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อายุ 46 ปี อดีต ผกก.4 ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ จันเงา อายุ 50 ปี อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อายุ 48 ปี อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใดเพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 - 11 พ.ย. 2557 จำเลยทั้งห้าร่วมกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป.ที่เสียชีวิตแล้ว ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงิน พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรง สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคนรายละ 3-5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการช่วยเหลือให้ได้รับการคัดเลือกตำแหน่งในตำแหน่งสำคัญสังกัด บช.ก. และสั่งว่าต้องจัดส่งเงินเป็นรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท - 2 ล้านบาท ให้จำเลยทั้งห้าอีกเพื่อเป็นค่าตอบแทนเพื่อให้ พ.ต.ต.ชาตรีกับพวกอยู่ในตำแหน่งต่อไป
โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2558 จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพ ซึ่งอัยการโจทก์ ได้นำพยานเข้าสืบประกอบคำสารภาพไปเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา และตลอดระยะเวลาการพิจารณาคดีจำเลยทั้งห้าถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงทพมหานคร
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายตำรวจที่ถูกเรียกรับเงินในการโยกย้ายตำแหน่งมาเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า ในการเข้ารับตำแหน่งสำคัญสังกัด บช.ก.ได้มอบเงินให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 ผ่าน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ และเมื่อรับตำแหน่งแล้วต้องจ่ายเงินให้อีกเป็นรายเดือน นอกจากนี้ยังมีพยานซึ่งเป็นผู้ขับรถ ที่พบเห็นเหตุการณ์ว่า เมื่อปี 2557 มีตำรวจนำซองเอกสารมามอบให้ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ขณะที่จำเลยที่ 4 เคยมาพบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ด้วย อีกทั้งยังมี 2 นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่มีหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย บช.ก.เบิกความด้วยว่า แม้จะมีหน้าที่ในการพิจารณาบัญชีโยกย้ายแต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเลย พยานหลักฐานที่นำสืบมาประกอบคำรับสารภาพจำเลย รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใดให้บุคคลนำทรัพย์สินมามอบให้ ตามมาตรา 148 และร่วมกันเรียก รับทรัพย์สินฯ มาตรา 149 ส่วนจำเลยที่ 3-5 มีความผิดฐานร่วมสนับสนุนกระทำผิด มาตรา 148 และ 149
พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-5 เป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.จำเลยที่ 1 และ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีต รอง ผบช.ก.จำเลยที่ 2 ตาม ม.148 และ 149 คนละ 20 ปี ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ อดีต ผกก.4 ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. จำเลยที่ 3-5 จำคุกคนละ 12 ปี
ขณะที่จำเลยให้การรับสารภาพ และเคยปฏิบัติหน้าที่สร้างคุณงามความดี เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงให้จำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.จำเลยที่ 1 และ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก. จำเลยที่ 2 คนละ 10 ปี ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ อดีต ผกก.4 ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. จำเลยที่ 3-5 จำคุกคนละ 6 ปี
ส่วนคดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน หมายเลขดำ อ.291/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก., พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีต รองผบช.ก. และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) อายุ 55 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ ประโยชน์อื่นใดฯ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 157 และ 149 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อเดือน ก.พ. 2555 - ก.ค.2557 ได้ร่วมกัน เรียก รับเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการหลายราย ที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง บริเวณน่านน้ำไทย รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการ ขณะที่จำเลยที่ 3 ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเงินส่วยที่เก็บไปนั้น จะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วย โดยชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ม.ค. พร้อมกับเรียกรับส่วยแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเช่นกัน อัยการโจทก์ จึงได้นำพยานเข้าสืบประกอบคำสารภาพไปเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. และ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานเรียก รับ ประโยชน์อื่นใดฯ ตามมาตรา 149 ให้จำคุกคนละ 10 ปี ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบ อดีต ผบก.รน. จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 149 และความผิดดูหมิ่นสถาบันฯ ตามมาตรา 112 ด้วย จำคุกรวม 15 ปี โดยจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. และ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีต รอง ผบช.ก จำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบ อดีต ผบก.รน.จำเลยที่ 3 จำคุก 7 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ในการพิพากษาคดี ศาลให้นับโทษต่อพวกจำเลย จากคดีที่ก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้วด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.นั้น ก่อนหน้านี้ศาลอาญามีคำพิพากษามาแล้ว 3 สำนวน จำคุกรวม 16 ปี 9 เดือน ประกอบด้วย 1. เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 58 ศาลพิพากษาให้จำคุก 6 ปี คดีหมายเลขดำ อ.290/2558 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบร่วมกันให้มีการเล่นพนันบ่อนโคลอนเซ่ ย่านพระรามเก้า และร่วมกันหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112, พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ม.41, ม.123/1 และ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478
สำนวนที่ 2 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 9 เดือน ในคดีหมายเลขดำ อ.415/2558 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ ที่มีไม้ชิงชันแปรรูปจำนวน 68 แผ่นซึ่งเป็นไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และสำนวนที่ 3 เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ศาลพิพากษา จำคุก 10 ปี คดีหมายเลขดำ ฟย.16/2558 กระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 60
ทั้งนี้ เมื่อรวมโทษจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ใน 3 สำนวนกับคดี 2 สำนวนที่ศาลพิพากษาในวันนี้ (26 ก.พ.) อีก 15 ปีแล้ว จำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ทั้งสิ้น 31 ปี 9 เดือน
ขณะที่ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก.นั้น ก่อนหน้านี้ศาลอาญามีคำพิพากษามาแล้ว 2 สำนวน จำคุกรวม 11 ปี ประกอบด้วย 1. คดีหมายเลขดำ อ.290/2558 ที่ร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบร่วมกันให้มีการเล่นพนันบ่อนโคลอนเซ่ และร่วมกันหมิ่นเบื้องสูงฯ จำคุก 6 ปี และสำนวนที่ 2 คดีหมายเลขดำ ฟย.16/2558 ร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ฟอกเงิน จำคุก 5 ปี เมื่อรวมโทษจำคุก พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก.ใน 2 สำนวน กับคดี 2 สำนวนที่ศาลพิพากษาในวันนี้ (26 ก.พ.) อีก 15 ปีแล้ว รวมจำคุก พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก.ทั้งสิ้น 26 ปี
ขณะที่ พล.ต.ต.บุญสืบ อดีต ผบก.รน. ก่อนหน้านี้ศาลอาญามีคำพิพากษามาแล้ว 1 สำนวนจำคุก 1 ปี 6 เดือน ที่ร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ฟอกเงินคดีหมายเลขดำ ฟย.16/2558 โดยเมื่อรวมโทษ พล.ต.ต.บุญสืบ อีก 1 สำนวนซึ่งศาลพิพากษาในวันนี้ (26 ก.พ.) เป็นเวลา 7 ปี 6 เดือนแล้ว จำคุก พล.ต.ต.บุญสืบ อดีต ผบก.รน.ทั้งสิ้น 9 ปี
ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ อดีต ผกก.4 ปคบ., ด.ต.สุรศักดิ์ อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. จำเลยร่วมคดีเรียกรับส่วยโยกย้ายตำแหน่งตำรวจ บช.ก.นั้น ถูกศาลพิพากษาคดีนี้เป็นสำนวนแรก