xs
xsm
sm
md
lg

อัยการฟ้อง “พงศ์พัฒน์” พ่วงลูกน้อง รับส่วยน้ำมันเถื่อน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.(แฟ้มภาพ)
อัยการฟ้องแล้ว “พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” กับลูกน้อง 5 คน แอบอ้างเบื้องสูง-เรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน ศาลนัดสอบคำให้การวันนี้

เมื่อเวลา 16.15 น.วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4  ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 59 ปี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีตรองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) อายุ 55 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 157 และ 149  

คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างเดือน ก.พ. 2555 - ก.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. และจำเลยที่ 2 เป็นรอง ผบช.ก. ส่วนจำเลยที่ 3 เป็น ผบก.รน จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินเป็นเงินจากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายในบริเวณน่านน้ำไทยเป็นรายเดือนจำนวนหลายราย และให้นำเงินมาส่งมอบแก่จำเลยที่ 2 ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะนำเงินมาส่องมอบแก่จำเลยที่ 1 เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล

นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 ยังได้ดูหมิ่น หมิ่นประมาทองค์รัชทายาท โดยขณะที่ทำการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายนั้น  ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 3 ได้แต่งเครื่องแบบข้าราชการตำรวจโดยติดเหรียญพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกฎราชกุมาร มาประดับไว้ที่บริเวณฝากระเป๋าเสื้อด้านซ้ายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่บุคคลทั่วไป โดยจำเลยที่ 3 ใช้มือชี้ไปยังพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมอ้างว่าเงินส่วยที่เก็บไปนั้นจะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้องค์รัชทายาทด้วย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิด ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ ต.บางด้วน อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ  และแขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2557 เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมจำเลยทั้งสามได้ พร้อมทำการสอบสวนแล้ว โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2557 เจ้าพนักงานได้ตรวจยึดสำเนาบัญชีจ่ายเงินจากผู้ประกอบการที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมายเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ อ.291/2558 

วันเดียวกันนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยังได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีต ผบช.ก., พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีตรอง ผบช.ก. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อายุ 46 ปี อดีต ผกก.4 ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันเงา อายุ 50 ปี อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป.และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อายุ 48 ปี อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใดเพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ  และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

กรณีเมื่อ ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2553 - 11 พ.ย. 2557 จำเลยทั้งห้า กับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป.(เสียชีวิตแล้ว) ได้บังอาจสมคบร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 และ 2 ในการสรรหา คัดเลือก และลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ก. สตช. และร่วมกับจำเลยที่ 3-5 กับพวกดังกล่าวร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ ข่มขืนใจ พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรง สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคน มอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่จำเลยทั้งห้ากับพวก รายละ 3-5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการที่จะช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวให้ได้รับการสรรหา คัดเลือก โดยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 ลงนามเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งสำคัญในสังกัด บช.ก. จากนั้น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 และ พล.ต.ต.โกวิทย์ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้บังคับบัญชา สั่งให้ พ.ต.ต.ชาตรี และพวก แต่ละรายจัดส่งเงินเป็นรายเดือนๆ ละ 10,000-2,000,000 บาท ให้กับจำเลยทั้งห้ากับพวกเป็นค่าตอบแทน เพื่อให้ พ.ต.ต.ชาตรีกับพวกอยู่ในตำแหน่งต่อไป อันเป็นการวมกันใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ เหตุเกิดที่แขวงและเขตปทุมวัน, แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. 2557 เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งห้าได้ ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 148, 149, 157 ทำการสอบสวน โดยจำเลยที่ 1 และ 4 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2, 3 และ 5 ให้การปฏิเสธ และขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง  เกรงว่าจำเลยทั้งห้าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.292/2558

ทั้งนี้ ศาลออกหมายให้เบิกตัวจำเลยทั้งห้าจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบคำให้การจำเลยทั้งห้าว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น