ASTVผู้จัดการรายวัน-"ณรงค์ชัย"ส่งสัญญาณเตรียมเคาะขึ้น NGV ในการประชุมกบง.วันที่ 30 ม.ค.นี้ พร้อมจ่อขึ้นภาษีฯดีเซลเพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตรแต่ไม่มีผลต่อขายปลีกเหตุเป็นการโยกเงินกองทุนน้ำมันฯแทนหลังสะสมเงินพุ่งกว่า2 หมื่นล้านบาท คาดน้ำมันทั้งปียังต่ำการันตีค่าไฟจะลดลงต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้แน่
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 30 ม.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ตนเป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะพิจารณาคือแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยจะปรับขึ้นอัตราเท่าใดและแนวทางจะทยอยขึ้นอย่างไรต้องรอสรุปผลอีกครั้ง
"จากทิศทางน้ำมันและก๊าซฯตลาดโลกที่ลดลงทำให้ต้นทุน NGV ที่ศึกษาเดิมจะต้องปรับขึ้นไปอยู่ระดับ16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)นั้นจะลดลงจากนี้เล็กน้อยประมาณ14-15 บาทกก. ดังนั้นหลักการคือคงต้องขยับให้สะท้อนต้นทุนจากปัจจุบัน12.50 บาทต่อกก.แต่ที่สุดจะอย่างไรก็จะต้องดูข้อมูลจากบมจ.ปตท.เพื่อประเมินให้ชัดเจนอีกครั้งแต่คงไม่ถึงขั้นการลอยตัวได้ทันที"นายณรงค์ชัยกล่าว
นอกจากนี้อาจหารือถึงแนวทางการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตรเพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตรเป็น 4.25บาทต่อลิตรโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่สต็อกน้ำมันเก่าเมื่อมีการขึ้นภาษีฯดีเซลแล้วถูกเก็บซ้ำซ้อนทำให้ผู้ค้าต้องแบกภาระขาดทุนก็จะแก้ไขจุดนี้ให้เรียบร้อยก่อนแต่ในแง่ขายปลีกดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเก็บภาษีฯเพิ่มแทนซึ่งขณะนี้เงินกองทุนน้ำมันฯสะสมไว้แล้วถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
"การขึ้นภาษีฯดีเซลเป็นไปตามผลศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ควรขึ้น4-5 บาทต่อลิตรซึ่งเราเห็นว่า 4.25 บาทต่อลิตรก็ถือว่ายังต่ำกว่าเบนซินเพราะเป็นน้ำมันเชิงพาณิชย์มีผลต่อเศรษฐกิจแต่เวลานี้ก็ลดลงไปบ้าง"รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันปี2558 จากการประชุมที่ ดาวอส ได้รับการยืนยันจากเลขากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกว่าจะยังคงการผลิตโดยไม่มีการลดซึ่งจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปีแต่ในปี 2559 จะมีทิศทางเพิ่มขึ้นดังนั้นจุดนี้ก็ทำให้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของไทยหากมีจังหวะก็ต้องสะสมให้มากสุดไว้รับมืออย่างไรก็ตามจากทิศทางน้ำมันที่ถูกจะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ft จะลดลงต่อเนื่องตลอดถึงสิ้นปีนี้
"ค่า Ft ม.ค.-เม.ย.58 ที่ลดลง10สตางค์ต่อหน่วยยังถือว่าไม่ได้สะท้อนตามทิศทางน้ำมันมากนักเพราะน้ำมันจะไปสะท้อนยังราคาก๊าซฯที่ผลิตไฟมากสุดย้อนหลัง6 เดือนเมื่อน้ำมันทิศทางยังคงต่ำเช่นนี้ดังนั้นหลังจากนี้จะเห็นค่าไฟจะลดลงถึงสิ้นปีผมการันตีนะแต่จะเท่าใดก็บอกไม่ได้"นายณรงค์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ต่ำจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวดีขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มองว่าลดลง10เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจะทำให้จีดีพีโต0.1% แต่ปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือรัฐจะเร่งรัดการอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นภายใน3เดือนนี้โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าในกทม. ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีหลายฝ่ายมองว่าน้ำมันโลกลดแต่ขายปลีกของไทยลดลงเฉลี่ยลงเพียงแค่30% เพราะมีการปรับโครงสร้างโดยเฉพาะดีเซลที่อดีตรัฐบาลเก่าได้ลดภาษีฯไว้ทำให้ต้องกลายเป็นภาระในปัจจุบัน ส่วนกรณีน้ำมันลดแต่สินค้าไม่ลดนั้นหากพิจารณาจะพบว่าเรามีกลุ่มภาคบริการที่ไม่เป็นทางการเช่น ร้านค้าอาหาร รถรับจ้าง คนทำงานอิสระต่างๆ เหล่านี้จะไม่ลดราคาลง แต่หากพิจารณาเซกเตอร์ที่ใช้พลังงานมากคือ น้ำ ไฟฟ้า การก่อสร้าง สิ่งทอ เซรามิค ปิโตรเคมี จะมีทิศทางลดลง
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 30 ม.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ตนเป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะพิจารณาคือแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยจะปรับขึ้นอัตราเท่าใดและแนวทางจะทยอยขึ้นอย่างไรต้องรอสรุปผลอีกครั้ง
"จากทิศทางน้ำมันและก๊าซฯตลาดโลกที่ลดลงทำให้ต้นทุน NGV ที่ศึกษาเดิมจะต้องปรับขึ้นไปอยู่ระดับ16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)นั้นจะลดลงจากนี้เล็กน้อยประมาณ14-15 บาทกก. ดังนั้นหลักการคือคงต้องขยับให้สะท้อนต้นทุนจากปัจจุบัน12.50 บาทต่อกก.แต่ที่สุดจะอย่างไรก็จะต้องดูข้อมูลจากบมจ.ปตท.เพื่อประเมินให้ชัดเจนอีกครั้งแต่คงไม่ถึงขั้นการลอยตัวได้ทันที"นายณรงค์ชัยกล่าว
นอกจากนี้อาจหารือถึงแนวทางการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตรเพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตรเป็น 4.25บาทต่อลิตรโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่สต็อกน้ำมันเก่าเมื่อมีการขึ้นภาษีฯดีเซลแล้วถูกเก็บซ้ำซ้อนทำให้ผู้ค้าต้องแบกภาระขาดทุนก็จะแก้ไขจุดนี้ให้เรียบร้อยก่อนแต่ในแง่ขายปลีกดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเก็บภาษีฯเพิ่มแทนซึ่งขณะนี้เงินกองทุนน้ำมันฯสะสมไว้แล้วถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
"การขึ้นภาษีฯดีเซลเป็นไปตามผลศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ควรขึ้น4-5 บาทต่อลิตรซึ่งเราเห็นว่า 4.25 บาทต่อลิตรก็ถือว่ายังต่ำกว่าเบนซินเพราะเป็นน้ำมันเชิงพาณิชย์มีผลต่อเศรษฐกิจแต่เวลานี้ก็ลดลงไปบ้าง"รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันปี2558 จากการประชุมที่ ดาวอส ได้รับการยืนยันจากเลขากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกว่าจะยังคงการผลิตโดยไม่มีการลดซึ่งจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปีแต่ในปี 2559 จะมีทิศทางเพิ่มขึ้นดังนั้นจุดนี้ก็ทำให้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของไทยหากมีจังหวะก็ต้องสะสมให้มากสุดไว้รับมืออย่างไรก็ตามจากทิศทางน้ำมันที่ถูกจะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ft จะลดลงต่อเนื่องตลอดถึงสิ้นปีนี้
"ค่า Ft ม.ค.-เม.ย.58 ที่ลดลง10สตางค์ต่อหน่วยยังถือว่าไม่ได้สะท้อนตามทิศทางน้ำมันมากนักเพราะน้ำมันจะไปสะท้อนยังราคาก๊าซฯที่ผลิตไฟมากสุดย้อนหลัง6 เดือนเมื่อน้ำมันทิศทางยังคงต่ำเช่นนี้ดังนั้นหลังจากนี้จะเห็นค่าไฟจะลดลงถึงสิ้นปีผมการันตีนะแต่จะเท่าใดก็บอกไม่ได้"นายณรงค์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ต่ำจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวดีขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มองว่าลดลง10เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจะทำให้จีดีพีโต0.1% แต่ปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือรัฐจะเร่งรัดการอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นภายใน3เดือนนี้โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าในกทม. ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีหลายฝ่ายมองว่าน้ำมันโลกลดแต่ขายปลีกของไทยลดลงเฉลี่ยลงเพียงแค่30% เพราะมีการปรับโครงสร้างโดยเฉพาะดีเซลที่อดีตรัฐบาลเก่าได้ลดภาษีฯไว้ทำให้ต้องกลายเป็นภาระในปัจจุบัน ส่วนกรณีน้ำมันลดแต่สินค้าไม่ลดนั้นหากพิจารณาจะพบว่าเรามีกลุ่มภาคบริการที่ไม่เป็นทางการเช่น ร้านค้าอาหาร รถรับจ้าง คนทำงานอิสระต่างๆ เหล่านี้จะไม่ลดราคาลง แต่หากพิจารณาเซกเตอร์ที่ใช้พลังงานมากคือ น้ำ ไฟฟ้า การก่อสร้าง สิ่งทอ เซรามิค ปิโตรเคมี จะมีทิศทางลดลง