ผู้ต้องสงสัยคดีลักเงินสจล.ทยอยเข้าให้ปากคำ กรณีพบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีผิดปกติ โฆษกตร.ประสานอังกฤษขอตัว“กิตติศักดิ์” ตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนคดีฟอกเงินสจล. เชิญ ผช.ทูตนิวซีแลนด์ หารือส่งตัว “ตั้ง อาชีวะ” ขอถามชัดๆ ได้สิทธิเป็นพลเมืองของประเทศหรือไม่ ด้าน สจล. จี้สถาบันการเงิน ให้ความร่วมมือส่งหลักฐานเบิกจ่ายเงินให้พนักงานสอบสวน ขณะที่แบงก์ชาติปัดไม่มีหน้าที่ตั้งผู้จัดการสาขาแบงก์
วานนี้ (22 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า วันนี้จะต้องมีบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจำนวน 5 ราย ซึ่งพบว่ามีเงินโอนถ่ายเข้าบัญชีประมาณ 2-3 ล้านบาท เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นทราบว่า 2 ราย จะเดินทางให้ปากคำภายในวันนี้ ส่วนอีก 1 ราย ได้เลื่อนเข้าให้ปากคำ และ อีก 2 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ขณะที่ความคืบหน้าในการติดตามตัวนาย ธวัชชัย ยิ้มเจริญ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มกราคม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามไปยัง 4 จุดเป้าหมายที่คาดว่า นายธวัชชัย หลบซ่อนตัว แต่ก็ไม่พบ ทั้งนี้ยืนว่า นายธวัชชัย ยังอยู่ในประเทศไทยยังไม่ได้หนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ณษ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการประชุมสรุปคดีความคืบหน้าของชุดสืบสวนและทีมสอบสวน เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมานั้นเป็นการประชุมสรุปหาประเด็นความผิดของแต่ละบุคคล รวมถึงความเชื่อมโยงของแต่ละคนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ในส่วนของของธนาคารพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ยังคงรอเอกสารเพิ่มเติมที่ร้องขออยู่
***ขอตัวกิตติศักดิ์ผู้ร้ายข้ามแดน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัธทุจัด ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กว่า 1,600 ล้านบาท อยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ในประเทศอังกฤษว่าวันนี้ได้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ดำเนินการตามสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว โดยจากข้อมูลล่าสุดยังไม่พบว่านายกิตติศักดิ์เดินทางออกจากประเทศอังกฤษ พร้อมจะเร่งดำเนินการขอหมายแดงไปยังตำรวจสากล เพื่อให้ช่วยติดตามตัวโดยเร็วที่สุด โดยจะระบุว่านายกิตติศักดิ์เป็นผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ จึงคาดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการขอหมาย
****ติดต่อทูต"นิวซีแลนด์"ขอตัวตั้ง อาชีวะ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงการติดตามตัวนายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าสัปดาห์หน้าได้เชิญผู้ช่วยทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาหารือเกี่ยวกับการติดตามจับกุมตัว ขณะนี้มีข้อมูลว่านายเอกภพหลบหนีอยู่ในนิวซีแลนด์ เพื่อมาดำเนินคดีในประเทศไทย
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยกับนิวซีแลนด์จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่สามารถใช้ช่องทางทางการทูตได้ เนื่องจากไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยในการหารือทางตำรวจไทยจะสอบถามว่านายเอกภพได้สิทธิเป็นพลเมืองของประเทศตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ รวมถึงความเป็นไปได้ในการนำตัวมาดำเนินคดี และขั้นตอนทางกฎหมาย
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก่อนหน้านี้กองการต่างประเทศได้นำหมายจับของนายเอกภพคดีหมิ่นเบื้องสูงส่งให้องค์กรตำรวจสากลออกหมายแดง หรือเรดโนติส เพื่อแจ้งไปยังประเทศสมาชิกทั้ง 190 ประเทศ ให้ช่วยติดตามจับกุมนายเอกภพอีกทางหนึ่งด้วย โดยขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพยายามอย่างเต็มที่ และจะใช้ทุกช่องทางที่มีในการติดตามตัวนายเอกภพมาดำเนินคดี
*** สจล.จี้แบงค์ส่งหลักฐานสลิปถอนเงินให้ ตร.
ด้านนายจำรูญ เล้าสินวัฒนา รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า สถาบันจึงตั้งข้อสังเกต และจัดทำถ้อยแถลงขอเรียกร้องขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน ดังนี้ 1.สถาบันขอให้ธนาคารมอบเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดแก่พนักงานสอบสวน ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันการกระทำความผิดของนายทรงกลด ศรีประสงค์ และหาบุคคล กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำผิดหรือแม้แต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของทางธนาคารด้วยหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือ
2.จากการที่ผู้บริหารของสถาบันเข้าพบผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสของธนาคารไทยพาณิชย์ทราบว่ากรณีการลาออกจากการเป็นพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ของนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดี สืบเนื่องจากธนาคารได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและผลการตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการผิดขั้นตอนของการเบิกถอนเงินของสถาบันโดยมิได้มีลายมือชื่อของผู้บริหารสถาบันกำกับหรืออาจไม่มีใบถอนเงิน ซึ่งเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรงด้านการเงินซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ส่อไปในทางทุจริตของลูกจ้างธนาคาร แต่ธนาคารกลับมิได้แจ้งความผิดปกติดังกล่าวให้สถาบันทราบ ซึ่งธนาคารควรจะต้องไล่ นายทรงกลด ออกหรือดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ธนาคารก็กลับใช้วิธีให้นายทรงกลด นำเอกสารการทำธุรกรรมมาให้ผู้บริหารลงนามให้ครบและให้ยื่นใบลาออกไป การแก้ปัญหาเช่นนี้ทำให้สถาบันขาดความน่าเชื่อถือต่อธนาคารอย่างยิ่ง ซึ่งสถาบันต้องการทราบว่าผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่ายของสถาบัน ได้ลงนามย้อนหลังไปให้ธนาคารหรือไม่ เพราะปกติจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีการถอนเงินโดยไม่ชอบไปแล้ว และในการปฏิบัติของสถาบันจะต้องแนบใบถอนมาพร้อมกับหนังสือขอคำสั่งอนุมัติ ซึ่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ธนาคารต้องเอาออกมาแสดง
3.การที่ธนาคารปฏิบัติเช่นนี้จึงนำมาซึ่งความเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาลในเวลาต่อมานั้น หากธนาคารมีระบบและการปฏิบัติงานของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาตรฐานจริง ธนาคารน่าจะทราบสัญญาณความผิดปกติดังกล่าวในบัญชีของสถาบันซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร และทำการตรวจสอบหรือแจ้งเตือนมายังสถาบัน หรือแจ้งรายงานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารมิได้ดำเนินการใดใด จนสถาบันเป็นฝ่ายตรวจพบ
4.ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ เงินฝากของสถาบันที่ถูกทำการทุจริตไปครั้งนี้เป็นเงินฝากประจำ แต่มีการถอนไปก่อนกำหนดทั้งสิ้น และการเบิกถอนในแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อธนาคารตรวจสอบพบการปฏิบัติงานที่ผิดปกติของ นายทรงกลด แล้ว ไม่แจ้งธุรกรรมที่น่าสงสัยนี้แก่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทราบ กลับปกปิดโดยให้ นายทรงกลด ลาออกไป ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ นายทรงกลด มีโอกาสไปเป็นผู้จัดการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและทุจริตเงินของสถาบันได้อีก
และ 5.สถาบันในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงขาดความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริหารจัดการเงินฝาก และหลักธรรมาภิบาลของธนาคารไทยพาณิชย์ สถาบันจึงทบทวนการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของสถาบัน ตลอดจน เพื่อความปลอดภัยทางการเงินของบุคลากรและนักศึกษาของสถาบัน
“สถาบันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คดีดังกล่าวจะสามารถหาผู้กระทำความผิดทั้งหมดมารับโทษตามกฎหมาย โดยหลักฐานจากธนาคารจะเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้คดีนี้คลี่คลาย ทั้งนี้ สถาบันมุ่งหวังให้กรณีดังกล่าวจะเป็นกรณีศึกษาให้กับประชาชน หน่วยงาน องค์กร ฯลฯ ให้มีความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารหรือหน่วยงานทางการเงินที่ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกับสถาบันที่ผ่านมา”รองอธิการ สจล.กล่าว
***ธปท.ปัดไม่มีหน้าที่ตั้งผู้จัดการสาขาแบงก์
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีการยักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งมีผู้จัดการสาขาธนาคารพาณิชย์บางแห่งเกี่ยวข้องด้วยว่า ฝ่ายจัดการของธนาคารมีความสามารถในการจัดการงานของธนาคาร ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้มีอำนาจในการจัดการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ตลอดจนควบคุมดูแลให้ธนาคารมีระบบการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพตามประกาศเรื่องธรรมภิบาลของสถาบันการเงิน อีกทั้ง ธปท.ได้กำชับให้คณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งกำกับดูแลให้เกิดความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธปท.มีอำนาจตามกฎหมายในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงิน ในการพิจารณาให้ความเห็นขอบการแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน ได้แก่ ตำแหน่งผู้จัดการธนาคาร รองผู้จัดการธนาคาร และผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร ส่วนการแต่งตั้งผู้บริหารระดับ “ผู้จัดการสาขา” ซึ่งเป็นตำแหน่งรองลงมา ทางธนาคารพาณิชย์สามารถกำหนดคุณสมบัติและแนวทางในการคัดเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้มีความเหมาะสมตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี.
วานนี้ (22 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า วันนี้จะต้องมีบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจำนวน 5 ราย ซึ่งพบว่ามีเงินโอนถ่ายเข้าบัญชีประมาณ 2-3 ล้านบาท เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นทราบว่า 2 ราย จะเดินทางให้ปากคำภายในวันนี้ ส่วนอีก 1 ราย ได้เลื่อนเข้าให้ปากคำ และ อีก 2 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้
พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ขณะที่ความคืบหน้าในการติดตามตัวนาย ธวัชชัย ยิ้มเจริญ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มกราคม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามไปยัง 4 จุดเป้าหมายที่คาดว่า นายธวัชชัย หลบซ่อนตัว แต่ก็ไม่พบ ทั้งนี้ยืนว่า นายธวัชชัย ยังอยู่ในประเทศไทยยังไม่ได้หนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ณษ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการประชุมสรุปคดีความคืบหน้าของชุดสืบสวนและทีมสอบสวน เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมานั้นเป็นการประชุมสรุปหาประเด็นความผิดของแต่ละบุคคล รวมถึงความเชื่อมโยงของแต่ละคนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ในส่วนของของธนาคารพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ยังคงรอเอกสารเพิ่มเติมที่ร้องขออยู่
***ขอตัวกิตติศักดิ์ผู้ร้ายข้ามแดน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัธทุจัด ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กว่า 1,600 ล้านบาท อยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ในประเทศอังกฤษว่าวันนี้ได้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ดำเนินการตามสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว โดยจากข้อมูลล่าสุดยังไม่พบว่านายกิตติศักดิ์เดินทางออกจากประเทศอังกฤษ พร้อมจะเร่งดำเนินการขอหมายแดงไปยังตำรวจสากล เพื่อให้ช่วยติดตามตัวโดยเร็วที่สุด โดยจะระบุว่านายกิตติศักดิ์เป็นผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ จึงคาดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการขอหมาย
****ติดต่อทูต"นิวซีแลนด์"ขอตัวตั้ง อาชีวะ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงการติดตามตัวนายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าสัปดาห์หน้าได้เชิญผู้ช่วยทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาหารือเกี่ยวกับการติดตามจับกุมตัว ขณะนี้มีข้อมูลว่านายเอกภพหลบหนีอยู่ในนิวซีแลนด์ เพื่อมาดำเนินคดีในประเทศไทย
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยกับนิวซีแลนด์จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่สามารถใช้ช่องทางทางการทูตได้ เนื่องจากไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยในการหารือทางตำรวจไทยจะสอบถามว่านายเอกภพได้สิทธิเป็นพลเมืองของประเทศตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ รวมถึงความเป็นไปได้ในการนำตัวมาดำเนินคดี และขั้นตอนทางกฎหมาย
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก่อนหน้านี้กองการต่างประเทศได้นำหมายจับของนายเอกภพคดีหมิ่นเบื้องสูงส่งให้องค์กรตำรวจสากลออกหมายแดง หรือเรดโนติส เพื่อแจ้งไปยังประเทศสมาชิกทั้ง 190 ประเทศ ให้ช่วยติดตามจับกุมนายเอกภพอีกทางหนึ่งด้วย โดยขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพยายามอย่างเต็มที่ และจะใช้ทุกช่องทางที่มีในการติดตามตัวนายเอกภพมาดำเนินคดี
*** สจล.จี้แบงค์ส่งหลักฐานสลิปถอนเงินให้ ตร.
ด้านนายจำรูญ เล้าสินวัฒนา รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า สถาบันจึงตั้งข้อสังเกต และจัดทำถ้อยแถลงขอเรียกร้องขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน ดังนี้ 1.สถาบันขอให้ธนาคารมอบเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดแก่พนักงานสอบสวน ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันการกระทำความผิดของนายทรงกลด ศรีประสงค์ และหาบุคคล กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำผิดหรือแม้แต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของทางธนาคารด้วยหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือ
2.จากการที่ผู้บริหารของสถาบันเข้าพบผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสของธนาคารไทยพาณิชย์ทราบว่ากรณีการลาออกจากการเป็นพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ของนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดี สืบเนื่องจากธนาคารได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและผลการตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการผิดขั้นตอนของการเบิกถอนเงินของสถาบันโดยมิได้มีลายมือชื่อของผู้บริหารสถาบันกำกับหรืออาจไม่มีใบถอนเงิน ซึ่งเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรงด้านการเงินซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ส่อไปในทางทุจริตของลูกจ้างธนาคาร แต่ธนาคารกลับมิได้แจ้งความผิดปกติดังกล่าวให้สถาบันทราบ ซึ่งธนาคารควรจะต้องไล่ นายทรงกลด ออกหรือดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ธนาคารก็กลับใช้วิธีให้นายทรงกลด นำเอกสารการทำธุรกรรมมาให้ผู้บริหารลงนามให้ครบและให้ยื่นใบลาออกไป การแก้ปัญหาเช่นนี้ทำให้สถาบันขาดความน่าเชื่อถือต่อธนาคารอย่างยิ่ง ซึ่งสถาบันต้องการทราบว่าผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่ายของสถาบัน ได้ลงนามย้อนหลังไปให้ธนาคารหรือไม่ เพราะปกติจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีการถอนเงินโดยไม่ชอบไปแล้ว และในการปฏิบัติของสถาบันจะต้องแนบใบถอนมาพร้อมกับหนังสือขอคำสั่งอนุมัติ ซึ่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ธนาคารต้องเอาออกมาแสดง
3.การที่ธนาคารปฏิบัติเช่นนี้จึงนำมาซึ่งความเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาลในเวลาต่อมานั้น หากธนาคารมีระบบและการปฏิบัติงานของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาตรฐานจริง ธนาคารน่าจะทราบสัญญาณความผิดปกติดังกล่าวในบัญชีของสถาบันซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร และทำการตรวจสอบหรือแจ้งเตือนมายังสถาบัน หรือแจ้งรายงานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารมิได้ดำเนินการใดใด จนสถาบันเป็นฝ่ายตรวจพบ
4.ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ เงินฝากของสถาบันที่ถูกทำการทุจริตไปครั้งนี้เป็นเงินฝากประจำ แต่มีการถอนไปก่อนกำหนดทั้งสิ้น และการเบิกถอนในแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อธนาคารตรวจสอบพบการปฏิบัติงานที่ผิดปกติของ นายทรงกลด แล้ว ไม่แจ้งธุรกรรมที่น่าสงสัยนี้แก่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทราบ กลับปกปิดโดยให้ นายทรงกลด ลาออกไป ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ นายทรงกลด มีโอกาสไปเป็นผู้จัดการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและทุจริตเงินของสถาบันได้อีก
และ 5.สถาบันในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงขาดความเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริหารจัดการเงินฝาก และหลักธรรมาภิบาลของธนาคารไทยพาณิชย์ สถาบันจึงทบทวนการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของสถาบัน ตลอดจน เพื่อความปลอดภัยทางการเงินของบุคลากรและนักศึกษาของสถาบัน
“สถาบันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คดีดังกล่าวจะสามารถหาผู้กระทำความผิดทั้งหมดมารับโทษตามกฎหมาย โดยหลักฐานจากธนาคารจะเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้คดีนี้คลี่คลาย ทั้งนี้ สถาบันมุ่งหวังให้กรณีดังกล่าวจะเป็นกรณีศึกษาให้กับประชาชน หน่วยงาน องค์กร ฯลฯ ให้มีความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารหรือหน่วยงานทางการเงินที่ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกับสถาบันที่ผ่านมา”รองอธิการ สจล.กล่าว
***ธปท.ปัดไม่มีหน้าที่ตั้งผู้จัดการสาขาแบงก์
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีการยักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งมีผู้จัดการสาขาธนาคารพาณิชย์บางแห่งเกี่ยวข้องด้วยว่า ฝ่ายจัดการของธนาคารมีความสามารถในการจัดการงานของธนาคาร ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้มีอำนาจในการจัดการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ตลอดจนควบคุมดูแลให้ธนาคารมีระบบการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพตามประกาศเรื่องธรรมภิบาลของสถาบันการเงิน อีกทั้ง ธปท.ได้กำชับให้คณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งกำกับดูแลให้เกิดความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธปท.มีอำนาจตามกฎหมายในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงิน ในการพิจารณาให้ความเห็นขอบการแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน ได้แก่ ตำแหน่งผู้จัดการธนาคาร รองผู้จัดการธนาคาร และผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร ส่วนการแต่งตั้งผู้บริหารระดับ “ผู้จัดการสาขา” ซึ่งเป็นตำแหน่งรองลงมา ทางธนาคารพาณิชย์สามารถกำหนดคุณสมบัติและแนวทางในการคัดเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวให้มีความเหมาะสมตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี.
