xs
xsm
sm
md
lg

ใต้โต๊ะวูบเหลือ5-15%ต่ำสุด5ปี คาดเงินเหลือ1-2แสนล้านพัฒนาชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หอการค้าไทยเผยสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยวูบ ลดเหลือจ่ายใต้โต๊ะแค่ 5-15% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศ และภาคประชาชนกัดไม่ปล่อย ทำให้ยอดโกงต่ำกว่าปี 53-56 ที่ต้องจ่ายสูงถึง 25-35% และมีเงินเหลือใช้พัฒนาประเทศ 1-2 แสนล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยของเดือนธ.ค.2557 ว่า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐมีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่ข้าราชการหรือนักการเมืองที่ทุจริต เพื่อให้ได้สัญญาเฉลี่ยที่ 5-15% ของงบประมาณ ถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่มีการสำรวจ

โดยคิดเป็นมูลค่าเสียหาย 50,254-150,763 ล้านบาท ลดลงจากช่วงปี 2553-56 ที่มีการเรียกรับเงิน 25-35% เนื่องจากภาคประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด และรัฐบาลภายใต้บริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเข้มงวดในการปราบปราม จนนักธุรกิจ ข้าราชการ หรือนักการเมืองไม่กล้าที่จะจ่ายเงินหรือรับเงินมากนัก

“การสำรวจในปี 2553-56 มีการเรียบรับเงินพิเศษจากผู้ประกอบการ 25-35% และการสำรวจในเดือนมิ.ย.2557 มีการเรียกเงิน 15-25% พอมาเดือน ธ.ค.2557 การเรียกรับเงินลดลงเหลือ 5-15% ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สถานการณ์การคอร์รัปชั่นในไทยลดลงอย่างมาก เพราะหากเทียบการสำรวจล่าสุดกับช่วงปี 2553-56 พบว่าการเรียกรับเงินใต้โต๊ะลดลง 10-20% หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายลดลง 100,000 -200,000 ล้านบาทต่อปี”นายธนวรรธน์กล่าว

ทั้งนี้ การที่งบประมาณรั่วไหลน้อยลง 100,000 -200,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้รัฐบาลสามารถใช้เงินดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% ซึ่งหากรวมรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3-4%

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 2,400 ตัวอย่างในกลุ่มประชาชน ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และข้าราชการ ภาครัฐ เมื่อเดือนธ.ค.2557 พบว่า อยู่ที่ระดับ 49 เพิ่มขึ้นจาก 46 ในการสำรวจเมื่อเดือนมิ.ย.2557 ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นในปัจจุบันอยู่ที่ 47 เพิ่มขึ้นจาก 45
และดัชนีแนวโน้มสถานการณ์อยู่ที่ 50 เพิ่มขึ้นจาก 47 โดยหากดัชนีมีค่าเข้าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหาลดลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น

เมื่อแบ่งการสำรวจเป็น 4 หมวด พบว่า ดัชนีทุกหมวดปรับตัวดีขึ้นทั้งหมด โดยดัชนีปัญหาและความรุนแรงของปัญหาคอร์รัปชั่น อยู่ที่ 42 เพิ่มขึ้นจาก 39 ดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่น อยู่ที่ 51 เพิ่มขึ้นจาก 46 ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 54 เพิ่มขึ้นจาก 48 และดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกอยู่ที่ 49 ลดลงจาก 51

สำหรับสาเหตุที่สำคัญที่สุดของการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย คือ ความไม่เข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายมากที่สุด รองลงมาเป็นขาดกลไกการกำกับดูแลกิจการและการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ, การขาดจริยธรรมของบริษัท, ความล่าช้า หรือยุ่งยากของขั้นตอนในการดำเนินการของทางราชการ, กฎหมายเปิดโอกาสให้สามารถใช้ดุลที่เอื้อต่อการทุจริต, กระบวนทางการเมืองขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก, เจ้าหน้าที่ขาดคุณธรรม, เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับค่าตอบแทนต่ำ, ผลประโยชน์ทางการเมือง และวัฒนธรรมเงินใต้โต๊ะ เป็นต้น

ส่วนรูปแบบการทุจริตที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด คือ การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อแสดงหาประโยชน์ส่วนตัว, การให้สินบน ของกำลังหรือรางวัลต่างๆ, การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ภายหลัง, การทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, การกรรโชก, การเอื้อประโยชน์แก่ญาติและ พรรคพวก, การวิ่งเต้นขอตำแหน่งและการโยกย้าย
และการไม่เปิดเผยข้อมูลหรือเปิดเผยไม่ครบถ้วน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น