xs
xsm
sm
md
lg

คนทำงานอาจเสียแรงเปล่า ถ้าขัดใจ คสช. ทุกอย่างจบ !

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

** สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.ไม่เอาด้วยกับข้อเสนอให้เดินหน้าเปิดสัมปทานรอบที่ 21 นั่นเอง
แต่สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ก็มาหักสปช. ที่ทำคลอดมากับมืออย่างไม่ใยดี ด้วยการไม่แยแสกับมติของ
สปช. ที่ไม่เอาด้วยกับการเดินหน้าเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ตามข้อสรุปของกมธ.ปฏิรูปพลังงาน โดยสั่งให้กระทรวงพลังงาน เดินหน้าต่อ และบอกว่าเรื่องนี้เป็น
หน้าที่ของกระทวงพลังงานตัดสินใจ เพราะต้องดำเนินการจัดหาแหล่งพลังงาน เพื่อจะได้มีใช้ในวันข้างหน้า แต่ก็ทำเป็นบอกว่าก็จะนำมติของสปช. มาหารือ
ท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ตอบรับมติสปช.ดังกล่าว อีกทั้งให้ท้ายกระทรวงพลังงานเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป มันก็คือการไม่ให้ความสำคัญกับสปช.ที่ตั้งมากับมือและเป็นหนึ่งในแม่น้ำห้าสาย ของคสช.นั่นเอง
เมื่อธาตุแท้พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.โผล่ออกมาแบบนี้ ดังนั้นที่คนคาดหวังจะได้เห็นการปฏิรูปในเรื่องสำคัญๆ ในยุค คสช. เช่น ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หรือ เรื่องกระจายอำนาจ เช่น การให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง ก็คงเลิกคิดไปได้แล้ว เพราะต่อให้สปช. มีข้อเสนอไป แต่ไม่เป็นที่ถูกใจ คสช. และรัฐบาล เพราะหากรับไปสานต่อแล้วทำให้แนวร่วมคสช. เสียผลประโยชน์ หรือสร้างแนวต้านให้ คสช. ก็คงยากที่พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.-รัฐบาล จะรับลูกไปปฏิบัติ
ว่าไปแล้ว การที่คนเห็นธาตุแท้พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.เร็วแบบนี้ มันก็ทำให้ผู้คนที่เข้ามาช่วยทำงานในองค์กรต่างๆ ที่คสช. ตั้งขึ้น เช่น สมาชิกสภาปฏิรูปฯ–กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ- สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือพวกกรรมการชุดต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย ที่พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งขึ้นมาเพื่อมาทำเรื่องที่จะสอดรับกับโรดแมปของคสช. อย่างคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มี ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน หรือคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และไปดึงคนภายนอกที่ทำงานเรื่องต่อต้านการทุจริตในภาคส่วนต่างๆ มาร่วม
ด้วยหลายคน เช่น ประมนต์ สุธีวงศ์ นางจุรี วิจิตรวาทการ ต่อตระกูล ยมนาค สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
บรรดากลุ่มคนเหล่านี้ จะได้ตั้งหลัก ทำใจล่วงหน้าไว้ว่า อาจทำงานเสียแรงเปล่า เพราะข้อเสนอต่างๆ อาจถูกเก็บเข้าลิ้นชัก หรือถูกปัดทิ้งแบบไม่ใยดี ถ้าไม่เป็นไปอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ต้องการ
**แต่หากบุคคลที่ไปทำงานใน สปช.-สนช.-กมธ.ยกร่างรธน. และกรรมการชุดต่างๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าขอให้มีชื่อ มีตำแหน่งไว้เป็นเครดิตตัวเองทางสังคมและการเมืองในวันนี้ และในอนาคต ขอแค่มีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง กับได้เบี้ยประชุมเท่านั้น ไม่ได้มีจุดยืนอะไร ไม่เคยมีความตั้งใจจริงในการเข้าไปทำงานเพื่อปฏิรูปและแก้ปัญหาชาติ ถ้าทำข้อเสนออะไรไปแล้ว รัฐบาล และคสช. ทำเฉย ไม่เอาด้วย ก็ไม่รู้สึกอะไร มันก็ถือเป็นความซวยของประเทศชาติที่ได้คนแบบนี้ไปทำงานในยุค คสช.
เรื่องที่บอกว่า อาจทำงานกันไปแบบเปลืองสมอง เสียพลังงาน และเสียความตั้งใจ อย่าคิดว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก หลังกรณีรัฐบาลไม่ให้การตอบรับกับมติ สปช.เรื่องสัมปทานรอบที่ 21 มันอาจเกิดขึ้นได้อีก
ควรจับตาเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ของกมธ.ยกร่างรธน. แน่นอนว่า เป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนก็อยากรู้ว่า สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. จะมีท่าทีอย่างไร หากสุดท้ายกมธ.ยกร่างรธน. ยกร่างออกมาแล้วไม่เป็นที่พอใจของ พล.อ.ประยุทธ์ และคสช. เพราะพอ กมธ.ยกร่างรธน.ยกร่างเสร็จมาแล้ว ในช่วงกลางเดือนเมษายน ก็ต้องเสนอร่างดังกล่าวไปให้ คสช.-ครม. พร้อมๆ กับส่งไปยังสภาปฏิรูปฯ โดย คสช.กับครม. มีสิทธิ์ตามรธน.ฉบับชั่วคราวปี 57 ในการเสนอคำขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มายังกมธ.ยกร่างรธน.ได้
แม้โดยหลักแล้ว ต้องยอมรับว่า ยากมากที่กมธ.ยกร่างรธน. จะยอมพลิกมติตัวเอง ด้วยการไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างรธน. ที่กมธ.เขียนออกมาแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามที่มี สมาชิกสปช.-ครม. และคสช. ได้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมมา แต่กระนั้น ก็ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ก็ยังมีโอกาสอยู่ หากมาตราที่มีการเสนอแก้ไข พบว่า กมธ.ยกร่างรธน. เสียงแตกอย่างมากในช่วงยกร่างออกมา อีกทั้งยกร่างออกมาแล้ว มาตรานั้นๆ กระแสสังคมไม่เอาด้วย แรงต้านมาก แล้วดันเป็นมาตราที่ คสช.-ครม. ที่ก็คือพวกเดียวกัน ดันเสนอมาให้กมธ.ยกร่างรธน.แก้ไขด้วย แบบนี้ โอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นอย่างที่ ครม.-คสช. ต้องการ ก็ยังเป็นไปได้อยู่ หากมีการเดินเกมกันหนักๆ จากคสช.ไปถึง กมธ.ยกร่างรธน.
ต้องไม่ลืมว่า ในกมธ.ยกร่างรธน.เอง ก็มีคนที่ ครม.กับคสช. ส่งไปนั่งเป็นกมธ.ยกร่างรธน.ด้วยรวม 10 คน จาก 36 คน ไม่นับรวมกับโควต้าจากสนช. ที่ก็คือ คนที่พล.อ.ประยุทธ์ คัดเลือกมาเป็น สนช. อีก 5 คน แม้บางคนที่ ครม.และคสช. ส่งชื่อไปเป็นกมธ.ยกร่างรธน. ดูแล้วจะเป็นอิสระสูง ไม่ขอขึ้นตรงกับคสช. แต่ของแบบนี้ ถึงเวลาขึ้นมาจริงๆ หากพล.อ.ประยุทธ์ ทุบโต๊ะ โอกาสที่กมธ.ยกร่างรธน. จะพลิกท่าทีกลับไปกลับมาก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน แม้อาจเกิดขึ้นได้ยากพอสมควร แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่
**เช่นเดียวกับเรื่อง ปรองดอง ที่สปช. และกมธ.ยกร่างรธน. ดูจะให้ความสำคัญอย่างมาก ถึงกับวางแนวไว้แล้วว่ารธน.ฉบับใหม่ จะมีหมวดว่าด้วยเรื่อง ปฏิรูปและปรองดองอยู่ด้วย
ก็เชื่อได้ว่า หากสปช. เช่นกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ชุด ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ หรือ กมธ.ยกร่างรธน. ไปมีข้อเสนออะไรที่ไม่ตรงใจกับพล.อ.ประยุทธ์ เช่น กรรมการศึกษาเรื่องปรองดอง ไปรับฟังความเห็นจากคู่ขัดแย้งทางการเมืองจนครบทุกกลุ่มแล้ว เลยมีข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรม ผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง มายังคสช.-ครม. มองดูแล้ว ก็มีโอกาสได้เห็นการปัดเผือกร้อนนี้จาก คสช.ได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากกรรมการชุดดังกล่าว ไปเสนอเอาในช่วงปลายๆ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็เชื่อได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่รับไว้แน่นอน แล้วก็อาจโยนให้ไปเป็นเรื่องของรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ดำเนินการแทน เหตุเพราะรู้ดีว่า เรื่องนิรโทษกรรม แม้ต่อให้ไม่นิรโทษกรรมแกนนำการชุมนุมการเมือง แต่ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการเมือง ขืนไปรับมาได้วุ่นวายตอน คสช.กำลังใกล้ลาโรง
** ดังนั้น พวกที่ทำงานให้คสช. ทั้งหลาย ไม่ว่าจะทำผ่านแม่น้ำ 5 สาย หรือกรรมการชุดต่างๆ ก็ขอให้ทำใจแต่เนิ่นๆ มีหวังเหนื่อยฟรีแน่นอน ถ้าทำออกมาแล้ว ท่านผู้นำ เคือง ไม่รับลูก
กำลังโหลดความคิดเห็น