นายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานกรรมาธิการการเมือง สนช. กล่าวภายหลังนำคณะกรรมาธิการฯ ร่วมหารือกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงข้อเสนอในการปฏิรูประเทศ ว่า เป็นการมาแลกเปลี่ยนความเห็น ว่าจะทำอย่างไรให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายให้การปฏิรูปประเทศเกิดความสำเร็จ และได้รัฐธรรมนูญที่มีผลนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง เพราะกมธ.การเมือง รับผิดชอบในด้านระบบการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปพบปะมาแล้ว 4 องค์กร ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำความเห็นที่ได้ รวบรวมเสนอต่อ สนช. ก่อนที่จะเสนอ กมธ.ยกร่างรธน. ต่อไป
ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่ากกต.ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อกมธ.ว่าในการเลือกตั้ง ถ้าไม่ให้อำนาจกกต.สั่งเลือกตั้งใหม่ หรือ สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบเหลือง-แดง) ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง กกต.ก็เหมือนยักษ์ที่ไม่มีกระบอง เป็นกรรมการที่ไม่สามารถไล่ผู้เล่นที่เกเรออกจากสนามได้ รวมทั้งได้เสนอความคิดเห็นว่า ควรขยายเวลาการสืบสวนสอบสวนก่อนการประกาศผล เป็น 60 วันด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องที่มา กกต. หรือวาระการดำรงตำแหน่งนั้น เราจะไม่เสนอ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เรามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ กกต.ได้เสนอเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ เช่น เมื่อเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่ผ่านมา มีอุปสรรคอะไร ที่ทำให้เราไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ ก็ได้เสนอแก้กฎหมายไป ซึ่งกมธ.การเมืองก็รับฟังเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถึงเวลาที่มีการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ กกต. จะเข้าไปชี้แจงโดยตรงหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่าหากสนช. อยากรับฟังความคิดเห็น กกต.ก็ยินดีที่จะไปเสนอ แต่ขณะนี้ต้องรอดูรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อน ว่าจะมีการออกแบบมาอย่างไร เพราะเราเป็นผู้ปฏิบัติ
ส่วนกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯ ได้ข้อสรุป จะใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันในการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าหากมีการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต. ก็พร้อมปฏิบัติ เพราะพนักงานกกต. มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาแล้วถึง 16 ปี อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการศึกษาทำความเข้าใจกับระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันอีกครั้ง เพราะประเทศเราไม่เคยใช้ระบบการเลือกตั้งแบบนี้มาก่อน ส่วนระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้น ตนเข้าใจว่า ผู้ที่ออกแบบผ่านการเปลี่ยนแปลง แก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว จึงคิดว่าการปฏิรูปคงต้องทำให้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงาน กกต.เตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 3,000 ล้านบาท กับบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ โดยระบุเพียงสั้นๆว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ของคณะทำงานของสำนักงานกกต. และกกต. ยังไม่มีมติ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา รวมทั้งยังแจ้งต่อสื่อมวลชนด้วยว่า เดิมที่ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ มีกำหนดการที่ กกต.ทั้ง 5 คน จะแถลงผลงานกกต.ในรอบ 1 ปี แต่คงไม่มีการแถลงข่าวของกกต.แล้ว เพราะมีกกต.บางคนติดภารกิจ โดยอาจจะมอบหมายให้ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. เป็นผู้ชี้แจงแทน
ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่ากกต.ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อกมธ.ว่าในการเลือกตั้ง ถ้าไม่ให้อำนาจกกต.สั่งเลือกตั้งใหม่ หรือ สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบเหลือง-แดง) ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง กกต.ก็เหมือนยักษ์ที่ไม่มีกระบอง เป็นกรรมการที่ไม่สามารถไล่ผู้เล่นที่เกเรออกจากสนามได้ รวมทั้งได้เสนอความคิดเห็นว่า ควรขยายเวลาการสืบสวนสอบสวนก่อนการประกาศผล เป็น 60 วันด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องที่มา กกต. หรือวาระการดำรงตำแหน่งนั้น เราจะไม่เสนอ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เรามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ กกต.ได้เสนอเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ เช่น เมื่อเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่ผ่านมา มีอุปสรรคอะไร ที่ทำให้เราไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ ก็ได้เสนอแก้กฎหมายไป ซึ่งกมธ.การเมืองก็รับฟังเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถึงเวลาที่มีการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ กกต. จะเข้าไปชี้แจงโดยตรงหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่าหากสนช. อยากรับฟังความคิดเห็น กกต.ก็ยินดีที่จะไปเสนอ แต่ขณะนี้ต้องรอดูรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อน ว่าจะมีการออกแบบมาอย่างไร เพราะเราเป็นผู้ปฏิบัติ
ส่วนกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯ ได้ข้อสรุป จะใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันในการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าหากมีการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต. ก็พร้อมปฏิบัติ เพราะพนักงานกกต. มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาแล้วถึง 16 ปี อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการศึกษาทำความเข้าใจกับระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันอีกครั้ง เพราะประเทศเราไม่เคยใช้ระบบการเลือกตั้งแบบนี้มาก่อน ส่วนระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้น ตนเข้าใจว่า ผู้ที่ออกแบบผ่านการเปลี่ยนแปลง แก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว จึงคิดว่าการปฏิรูปคงต้องทำให้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงาน กกต.เตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 3,000 ล้านบาท กับบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ โดยระบุเพียงสั้นๆว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ของคณะทำงานของสำนักงานกกต. และกกต. ยังไม่มีมติ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา รวมทั้งยังแจ้งต่อสื่อมวลชนด้วยว่า เดิมที่ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ มีกำหนดการที่ กกต.ทั้ง 5 คน จะแถลงผลงานกกต.ในรอบ 1 ปี แต่คงไม่มีการแถลงข่าวของกกต.แล้ว เพราะมีกกต.บางคนติดภารกิจ โดยอาจจะมอบหมายให้ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. เป็นผู้ชี้แจงแทน