ASTVผู้จัดการรายวัน - กมธ.ซักถาม เผย สนช.ตั้งคำถาม 60 ข้อ ให้"ยิ่งลักษณ์"ตอบ ขู่ห้ามเผยแพร่คำถามล่วงหน้า ขณะที่ สนช.ลือแซด คสช.ส่งสัญญาณ เชือด"ยิ่งลักษณ์" รอวัดใจทหาร- ตำรวจ สายทักษิณ แตกแถวหรือไม่ "อดีต40 ส.ว." ดักทางพวกงดออกเสียง จะทำให้ "ปู" รอด "ด้านชาวนาเมืองชาละวันรวมตัวชุมนุมริมถนนชูป้ายเรียกร้อง "ประยุทธ์" ช่วยด่วนบอกอยู่กันไม่ได้แล้ว ข้าวตกต่ำเหลือตันละ 6 พันบาท จี้ยกระดับให้ได้หมื่น-ลดดอกเบี้ยเงินกู้ พักหนี้ ธ.ก.ส.3 ปี ขู่ไม่ได้คำตอบจะรวมตัวชุมนุมใหญ่ "พณ."ตั้งเป้าขายข้าวสต๊อกรัฐบาล 17.8 ล้านตันหมดภายใน 2 ปี
เมื่อวานนี้ ( 13 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษกกรรมาธิการซักถามคดีถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาออกจากตำแหน่ง แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ตั้ง พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สนช. เป็นประธานกรรมาธิการซักถาม ซึ่งจากการเปิดให้สนช.ได้ยื่นญัตติคำถามในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า คดีของนายนิคมได้มีคำถาม ต่อป.ป.ช. 16 คำถาม ถามนายนิคม 17 คำถาม
ส่วนคดีนายสมศักดิ์ มีคำถามถามต่อ ป.ป.ช. 19 คำถาม และถาม นายสมศักดิ์ 9 คำถาม ซึ่งจะมีการจัดกลุ่มคำถามแยกเป็น 3 กลุ่ม 1. ข้อเท็จจริง 2. ข้อกฎหมาย และ3. ความเห็น โดยการถามจะเรียงลำดับเหตุการณ์ให้สมาชิกเข้าใจในประเด็นคำถามให้กระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อสามารถตัดสินใจในการลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนได้
**เตรียม 60 คำถามให้ยิ่งลักษณ์ตอบ
ด้านนายสมชาย แสวงการ โฆษกกรรมาธิการซักถามคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากตำแหน่ง แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติตั้ง พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เป็นประธานกรรมาธิการซักถาม โดยขณะนี้ สนช.ได้ยื่นญัตติซักถาม 13 ราย ซึ่งเป็นคำถามต่อป.ป.ช.จำนวน 23 คำถาม และถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ 60 คำถาม ทั้งนี้จะพิจารณาแยกคำถามโดยแบ่งเป็นประเด็นให้ชัดเจน เรียงลำดับเหตุการณ์และจัดกลุ่มคำถาม ส่วนที่อยู่นอกเหนือประเด็น หรือซ้ำก็จะตัดออกไป โดยจะเชิญสมาชิกสนช. ที่ยื่นญัตติมารับฟังว่าเห็นด้วยกับคำถามที่กมธ.จัดกลุ่มด้วย ทั้งนี้ คำถามทั้งหมด จะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมวิปสนช.ให้รับทราบ อย่างไรก็ตาม คำถามที่สนช.ได้ยื่นถือเป็นความลับ
**"วรงค์"ชี้เป้าสนช.หาข้อมูลถอดถอน"ปู"
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เข้าแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำข้าวไม่ได้ตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเข้าร่วม ว่า ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งความเสียหายนั้นเกิดจากการทุจริต จึงต้องย้ำเตือนต่อสนช.ว่า จะฟังคำชี้แจงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงด้วย เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจพิจารณาการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ม.ค.นี้
** "ทนายปู"ประชุมเตรียมพร้อม
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ในฐานะผู้แทนคดีและทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมของคณะที่ปรึกษากฎหมาย และทีมทนายในเรื่องที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กำหนดวันนัดตอบข้อซักถาม ในวันที่ 16 ม.ค. เวลา 10.00 น. นั้น ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ถ้อยแถลงจากการเปิดคดีของคณะกรรมการป.ป.ช. ไม่มีอะไรใหม่ นอกเหนือไปจากรายงานของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่มีอยู่ในมือของสมาชิกสนช. ทุกท่านแล้วนั้น ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงคัดค้าน โต้แย้ง ข้อกล่าวหาครบถ้วนทุกมิติแล้ว ประกอบกับที่ประชุมยังมีข้อถกเถียงในประเด็นตามข้อบังคับ ข้อที่ 154 ในวิธี และขั้นตอนการซักถามของกรรมาธิการ ซึ่งขณะนี้มีข่าวหลายกระแสจากความเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีตำแหน่งเป็น วิปสนช. และ สมาชิกสนช. ที่เป็นกรรมาธิการซักถาม ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการซักถามเอากับผู้ที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไป
ดังนั้น เพื่อให้เป็นที่ยุติ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นควรให้นำข้อถกเถียงที่ยังไม่ยุติดังกล่าว นำเรียนสอบถามต่อประธานสภาสนช.ก่อน โดยให้มีหนังสือถึงประธานสนช. ที่จะมีการประชุมในวันนี้ ( 14 ม.ค.) เมื่อที่ประชุมมีมติอย่างไร จะได้แจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบ และพิจารณากันต่อไป
**ใบสั่งคสช.ให้ถอดถอน"ปู"
แหล่งข่าวจากสนช. แจ้งถึงกระบวนการถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ขณะนี้ฝ่ายคสช.ได้ส่งสัญญาณมาที่ สนช.สายทหารและตำรวจแล้วว่าให้ดำเนินการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยให้หลุดรอดคดีดังกล่าวออกไป จะกระทบต่อภาพรวมการทำงานของคสช. สนช. และรัฐบาล ประกอบกับช่องทางกฎหมาย ก็สามารถเอาผิดได้ เพราะยังมีกฎหมาย ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บังคับใช้อยู่ แม้ไม่มีรัฐธรรมนูญ 50 ก็ตาม
แหล่งข่าวจากสนช. กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีฝ่ายที่ต้องการถอดถอน ประกอบด้วย อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. นักวิชาการ และข้าราชการพลเรือน ซึ่งก็มีคะแนนเสียงสู่สีกับฝ่ายที่ไม่ต้องการแตกหักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการทหาร และตำรวจ และที่เกษียณไปแล้ว และเชื่อว่าเมื่อสัญญาณจาก คสช.เกิดขึ้น ก็จะทำให้เสียงการถอดถอนถึง 3 ใน 5 หรือ 132 เสียงอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายต้องดูสัญญาณอีกครั้งในวันที่มีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีใครแตกแถวหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่มีความความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเช่นกรณีผิดคิวที่พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สนช. และปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ได้แหกโผ วิปสนช. ที่เสนอให้มีการประชุมลับในครั้งที่มีการแถลงคัดค้านการเปิดคดีของ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ที่มีคนสนับสนุนถึง 70 คน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้สนช. จำนวนมาก
ส่วนการดำเนินการถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ แม้จะมีคนไม่มีเห็นด้วย โดยเฉพาะ อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. แต่ถึงที่สุดเสียงในการถอดถอนคงไม่ถึง 132 เสียง
แหล่งข่าวจาก สนช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า ภายหลังที่พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้า คสช.ได้สั่งการให้ น.ส. ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ ไปแจ้งความที่กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับ คู่สัญญาโครงการรับจำนำข้าว แสดงให้ว่า เป็นการส่งสัญญาณชัดให้ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และยังสอดคล้องกับการชี้มูลของ ป.ป.ช. ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่อว่าจงใจที่ปล่อยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
"สิ่งที่เป็นกังวลขณะนี้ มีเพียงประเด็นเดียวคือ กลุ่มสนช. ที่ไม่ปฏิบัติด้วยและใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้วิธีงดออกเสียงแทน หากเป็นจำนวนมากก็จะทำให้เสียงถอดถอน ไม่ถึง 132 เสียง" แกนนำอดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าว
**"ประวิตร"ปัดไม่มีใบสั่งถอดถอน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ สนช. กำลังพิจารณาเรื่องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และ นายสมศักดิ์ ว่า ต้องว่าไปตามกระบวนการ ยืนยันว่าไม่มีการชี้นำอะไร สนช.ต้องไปว่ากันเอง เพราะเป็นเรื่องของสภา และผลการพิจารณาของ สนช. ก็จะไม่ส่งผลถึงการทำงานของคสช.
*** ชาวนาพิจิตรจี้"ประยุทธ์"ตันละหมื่น
วานนี้ (13 ก.พ.) นายมนตรา บุญเรือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร นายศิลปชัย ชูศรี หรือเปือก เรือยาว และนายสมฤทธิ์ เพชรรุ่ง ชาวนาจาก ต.ปากทาง พร้อมด้วยกลุ่มชาวนาในเขต อ.เมืองเกือบ 100 คน ชุมนุมชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่บริเวณถนนพิจิตร-ตะพานหิน อย่างสงบ
กลุ่มแกนนำชาวนาได้ใช้โทรโข่งปราศรัยว่า ขณะนี้ราคาข้าวตกต่ำมากเหลือแค่ตันละ 6 พันบาท อีกทั้งต้นทุนในการทำนาก็สูงขึ้นด้วย ต้องรวมตัวกันมาเรียกร้องขอราคาข้าวเปลือกตันละ 1 หมื่นบาท หรือชดเชยเพิ่มกิโลกรัมละ 2 บาท รวมถึงขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ และขอให้พักชำระหนี้ ธ.ก.ส.3 ปี
จากนั้นกลุ่มชาวนาได้พากันเดินเข้าไปในศาลากลางจังหวัดพิจิตร เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ให้ส่งตรงถึงรัฐบาล โดยขู่ว่าถ้าไม่ได้รับคำตอบในเร็ววันนี้จะรวมกลุ่มกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง
นายมนตรา บุญเรือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า ชาวนาทุกคนรู้ว่าการออกมาครั้งนี้ผิดกฎอัยการศึก แต่ชาวนาทุกคนเดือดร้อนและพยามฟังทีวีในช่วงคืนความสุขให้ประชาชน ว่าเมื่อไหร่ ที่จะมีการพูดถึงราคาข้าว แต่กลับไม่มีการพูดถึง มีเพียงการพูดขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ หรือเท่ากับขึ้นให้กับตัวเอง โดยหลังจากนั้น ตัวแทนชาวนา ได้ยื่นหนังสือ ให้กับตัวแทนของทางจังหวัดเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
***“พณ.”โละสต๊อกข้าวรัฐหมด2ปี
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการระบายข้าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่มีเหลืออยู่ปัจจุบัน 17.8 ล้านตัน โดยตั้งเป้าระบายให้หมดภายใน 2 ปี ซึ่งในปี 58 ตั้งเป้าหมายระบายออก 10 ล้านตันทั้งเพื่อการบริโภคและใช้ในอุตสาหกรรม คาดว่าจะมีข้าวดีสัดส่วน 60% อีก 40% เป็นข้าวเสื่อม
ในปี 59 ตั้งเป้าหมายขายในส่วนที่เหลืออีก 7.8 ล้านตันจะระบายออกให้หมดในปี 59 โดยจะใช้หลายวิธีการ ทั้งเปิดประมูลเป็นการทั่วไปแบบยกกอง และแบบยกคลัง ส่วนข้าวอีก 3.6 ล้านตันที่แจ้งความดำเนินคดีไว้กับกองปราบฯนั้น ต้องรอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเสร็จสิ้นก่อนจึงจะนำมาระบายได้
ทั้งนี้ การเปิดประมูลแบบยกคลังครั้งแรกในเดือนม.ค.นี้ คาดว่าจะประกาศเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลได้ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยมีปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 1 ล้านตัน
สำหรับปี 57 กระทรวงพาณิชย์เปิดระบายข้าว 4 ครั้ง และขายตรงให้กับผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ 1 ครั้ง 681,740 ตัน มูลค่า 6,362 ล้านบาท และการขายแบบจีทูจีให้อินโดนีเซีย 175,000 ตัน ฟิลิปปินส์ 300,000 ตัน และจีน ส่งมอบ 200,000 จากปริมาณที่ทำสัญญาซื้อขาย 1 ล้านตัน ส่วนการระบายข้าวของรัฐบาลก่อน ตั้งแต่เดือนต.ค.54-พ.ค.57 รวม 22.9 ล้านตัน แต่ส่งมอบจริง 21 ล้านตัน เหลืออีก 1.9 ล้านตัน ที่ยกมาเป็นภาระของรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตาม ในปี 58 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ 10.5-11 ล้านตัน ส่วนปี 57 ส่งออกได้แล้ว 10.8 ล้านตัน
เมื่อวานนี้ ( 13 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษกกรรมาธิการซักถามคดีถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาออกจากตำแหน่ง แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ตั้ง พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สนช. เป็นประธานกรรมาธิการซักถาม ซึ่งจากการเปิดให้สนช.ได้ยื่นญัตติคำถามในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า คดีของนายนิคมได้มีคำถาม ต่อป.ป.ช. 16 คำถาม ถามนายนิคม 17 คำถาม
ส่วนคดีนายสมศักดิ์ มีคำถามถามต่อ ป.ป.ช. 19 คำถาม และถาม นายสมศักดิ์ 9 คำถาม ซึ่งจะมีการจัดกลุ่มคำถามแยกเป็น 3 กลุ่ม 1. ข้อเท็จจริง 2. ข้อกฎหมาย และ3. ความเห็น โดยการถามจะเรียงลำดับเหตุการณ์ให้สมาชิกเข้าใจในประเด็นคำถามให้กระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อสามารถตัดสินใจในการลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนได้
**เตรียม 60 คำถามให้ยิ่งลักษณ์ตอบ
ด้านนายสมชาย แสวงการ โฆษกกรรมาธิการซักถามคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากตำแหน่ง แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติตั้ง พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เป็นประธานกรรมาธิการซักถาม โดยขณะนี้ สนช.ได้ยื่นญัตติซักถาม 13 ราย ซึ่งเป็นคำถามต่อป.ป.ช.จำนวน 23 คำถาม และถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ 60 คำถาม ทั้งนี้จะพิจารณาแยกคำถามโดยแบ่งเป็นประเด็นให้ชัดเจน เรียงลำดับเหตุการณ์และจัดกลุ่มคำถาม ส่วนที่อยู่นอกเหนือประเด็น หรือซ้ำก็จะตัดออกไป โดยจะเชิญสมาชิกสนช. ที่ยื่นญัตติมารับฟังว่าเห็นด้วยกับคำถามที่กมธ.จัดกลุ่มด้วย ทั้งนี้ คำถามทั้งหมด จะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมวิปสนช.ให้รับทราบ อย่างไรก็ตาม คำถามที่สนช.ได้ยื่นถือเป็นความลับ
**"วรงค์"ชี้เป้าสนช.หาข้อมูลถอดถอน"ปู"
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เข้าแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับคู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำข้าวไม่ได้ตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเข้าร่วม ว่า ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งความเสียหายนั้นเกิดจากการทุจริต จึงต้องย้ำเตือนต่อสนช.ว่า จะฟังคำชี้แจงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงด้วย เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจพิจารณาการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ม.ค.นี้
** "ทนายปู"ประชุมเตรียมพร้อม
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ในฐานะผู้แทนคดีและทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมของคณะที่ปรึกษากฎหมาย และทีมทนายในเรื่องที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กำหนดวันนัดตอบข้อซักถาม ในวันที่ 16 ม.ค. เวลา 10.00 น. นั้น ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ถ้อยแถลงจากการเปิดคดีของคณะกรรมการป.ป.ช. ไม่มีอะไรใหม่ นอกเหนือไปจากรายงานของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่มีอยู่ในมือของสมาชิกสนช. ทุกท่านแล้วนั้น ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงคัดค้าน โต้แย้ง ข้อกล่าวหาครบถ้วนทุกมิติแล้ว ประกอบกับที่ประชุมยังมีข้อถกเถียงในประเด็นตามข้อบังคับ ข้อที่ 154 ในวิธี และขั้นตอนการซักถามของกรรมาธิการ ซึ่งขณะนี้มีข่าวหลายกระแสจากความเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีตำแหน่งเป็น วิปสนช. และ สมาชิกสนช. ที่เป็นกรรมาธิการซักถาม ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการซักถามเอากับผู้ที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไป
ดังนั้น เพื่อให้เป็นที่ยุติ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นควรให้นำข้อถกเถียงที่ยังไม่ยุติดังกล่าว นำเรียนสอบถามต่อประธานสภาสนช.ก่อน โดยให้มีหนังสือถึงประธานสนช. ที่จะมีการประชุมในวันนี้ ( 14 ม.ค.) เมื่อที่ประชุมมีมติอย่างไร จะได้แจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบ และพิจารณากันต่อไป
**ใบสั่งคสช.ให้ถอดถอน"ปู"
แหล่งข่าวจากสนช. แจ้งถึงกระบวนการถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ขณะนี้ฝ่ายคสช.ได้ส่งสัญญาณมาที่ สนช.สายทหารและตำรวจแล้วว่าให้ดำเนินการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยให้หลุดรอดคดีดังกล่าวออกไป จะกระทบต่อภาพรวมการทำงานของคสช. สนช. และรัฐบาล ประกอบกับช่องทางกฎหมาย ก็สามารถเอาผิดได้ เพราะยังมีกฎหมาย ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บังคับใช้อยู่ แม้ไม่มีรัฐธรรมนูญ 50 ก็ตาม
แหล่งข่าวจากสนช. กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีฝ่ายที่ต้องการถอดถอน ประกอบด้วย อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. นักวิชาการ และข้าราชการพลเรือน ซึ่งก็มีคะแนนเสียงสู่สีกับฝ่ายที่ไม่ต้องการแตกหักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการทหาร และตำรวจ และที่เกษียณไปแล้ว และเชื่อว่าเมื่อสัญญาณจาก คสช.เกิดขึ้น ก็จะทำให้เสียงการถอดถอนถึง 3 ใน 5 หรือ 132 เสียงอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายต้องดูสัญญาณอีกครั้งในวันที่มีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีใครแตกแถวหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่มีความความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเช่นกรณีผิดคิวที่พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สนช. และปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ได้แหกโผ วิปสนช. ที่เสนอให้มีการประชุมลับในครั้งที่มีการแถลงคัดค้านการเปิดคดีของ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ที่มีคนสนับสนุนถึง 70 คน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้สนช. จำนวนมาก
ส่วนการดำเนินการถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ แม้จะมีคนไม่มีเห็นด้วย โดยเฉพาะ อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. แต่ถึงที่สุดเสียงในการถอดถอนคงไม่ถึง 132 เสียง
แหล่งข่าวจาก สนช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า ภายหลังที่พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้า คสช.ได้สั่งการให้ น.ส. ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ ไปแจ้งความที่กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับ คู่สัญญาโครงการรับจำนำข้าว แสดงให้ว่า เป็นการส่งสัญญาณชัดให้ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และยังสอดคล้องกับการชี้มูลของ ป.ป.ช. ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่อว่าจงใจที่ปล่อยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
"สิ่งที่เป็นกังวลขณะนี้ มีเพียงประเด็นเดียวคือ กลุ่มสนช. ที่ไม่ปฏิบัติด้วยและใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้วิธีงดออกเสียงแทน หากเป็นจำนวนมากก็จะทำให้เสียงถอดถอน ไม่ถึง 132 เสียง" แกนนำอดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าว
**"ประวิตร"ปัดไม่มีใบสั่งถอดถอน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ สนช. กำลังพิจารณาเรื่องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และ นายสมศักดิ์ ว่า ต้องว่าไปตามกระบวนการ ยืนยันว่าไม่มีการชี้นำอะไร สนช.ต้องไปว่ากันเอง เพราะเป็นเรื่องของสภา และผลการพิจารณาของ สนช. ก็จะไม่ส่งผลถึงการทำงานของคสช.
*** ชาวนาพิจิตรจี้"ประยุทธ์"ตันละหมื่น
วานนี้ (13 ก.พ.) นายมนตรา บุญเรือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร นายศิลปชัย ชูศรี หรือเปือก เรือยาว และนายสมฤทธิ์ เพชรรุ่ง ชาวนาจาก ต.ปากทาง พร้อมด้วยกลุ่มชาวนาในเขต อ.เมืองเกือบ 100 คน ชุมนุมชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่บริเวณถนนพิจิตร-ตะพานหิน อย่างสงบ
กลุ่มแกนนำชาวนาได้ใช้โทรโข่งปราศรัยว่า ขณะนี้ราคาข้าวตกต่ำมากเหลือแค่ตันละ 6 พันบาท อีกทั้งต้นทุนในการทำนาก็สูงขึ้นด้วย ต้องรวมตัวกันมาเรียกร้องขอราคาข้าวเปลือกตันละ 1 หมื่นบาท หรือชดเชยเพิ่มกิโลกรัมละ 2 บาท รวมถึงขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ และขอให้พักชำระหนี้ ธ.ก.ส.3 ปี
จากนั้นกลุ่มชาวนาได้พากันเดินเข้าไปในศาลากลางจังหวัดพิจิตร เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ให้ส่งตรงถึงรัฐบาล โดยขู่ว่าถ้าไม่ได้รับคำตอบในเร็ววันนี้จะรวมกลุ่มกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง
นายมนตรา บุญเรือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า ชาวนาทุกคนรู้ว่าการออกมาครั้งนี้ผิดกฎอัยการศึก แต่ชาวนาทุกคนเดือดร้อนและพยามฟังทีวีในช่วงคืนความสุขให้ประชาชน ว่าเมื่อไหร่ ที่จะมีการพูดถึงราคาข้าว แต่กลับไม่มีการพูดถึง มีเพียงการพูดขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ หรือเท่ากับขึ้นให้กับตัวเอง โดยหลังจากนั้น ตัวแทนชาวนา ได้ยื่นหนังสือ ให้กับตัวแทนของทางจังหวัดเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
***“พณ.”โละสต๊อกข้าวรัฐหมด2ปี
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการระบายข้าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่มีเหลืออยู่ปัจจุบัน 17.8 ล้านตัน โดยตั้งเป้าระบายให้หมดภายใน 2 ปี ซึ่งในปี 58 ตั้งเป้าหมายระบายออก 10 ล้านตันทั้งเพื่อการบริโภคและใช้ในอุตสาหกรรม คาดว่าจะมีข้าวดีสัดส่วน 60% อีก 40% เป็นข้าวเสื่อม
ในปี 59 ตั้งเป้าหมายขายในส่วนที่เหลืออีก 7.8 ล้านตันจะระบายออกให้หมดในปี 59 โดยจะใช้หลายวิธีการ ทั้งเปิดประมูลเป็นการทั่วไปแบบยกกอง และแบบยกคลัง ส่วนข้าวอีก 3.6 ล้านตันที่แจ้งความดำเนินคดีไว้กับกองปราบฯนั้น ต้องรอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเสร็จสิ้นก่อนจึงจะนำมาระบายได้
ทั้งนี้ การเปิดประมูลแบบยกคลังครั้งแรกในเดือนม.ค.นี้ คาดว่าจะประกาศเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลได้ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยมีปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 1 ล้านตัน
สำหรับปี 57 กระทรวงพาณิชย์เปิดระบายข้าว 4 ครั้ง และขายตรงให้กับผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ 1 ครั้ง 681,740 ตัน มูลค่า 6,362 ล้านบาท และการขายแบบจีทูจีให้อินโดนีเซีย 175,000 ตัน ฟิลิปปินส์ 300,000 ตัน และจีน ส่งมอบ 200,000 จากปริมาณที่ทำสัญญาซื้อขาย 1 ล้านตัน ส่วนการระบายข้าวของรัฐบาลก่อน ตั้งแต่เดือนต.ค.54-พ.ค.57 รวม 22.9 ล้านตัน แต่ส่งมอบจริง 21 ล้านตัน เหลืออีก 1.9 ล้านตัน ที่ยกมาเป็นภาระของรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตาม ในปี 58 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ 10.5-11 ล้านตัน ส่วนปี 57 ส่งออกได้แล้ว 10.8 ล้านตัน