ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรียบร้อย“ฟาร์มโชคชัย”ไปแล้วกับการแต่งตั้ง-โยกย้าย นายตำรวจระดับรองผบก.-สารวัตร ทั่วประเทศซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการโยกย้ายประจำปีเที่ยวนี้มีเหตุการณ์ไม่ปกติหลายเรื่อง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปจนถึงการล้างบางในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจนครบาล
สองกองบัญชาการหลัก มันก็เลยมะรุมมะตุ้มล่าช้ากันข้ามปี ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆ ช้าไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าช้าแล้วชัวร์ แต่ช้าแล้วยังร้องยี้ เพราะมีแต่การเล่นพรรคเล่นพวกอย่างนั้นไม่โสภาสถาพรแน่
ปัญหากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คงไม่ต้องไปพูดอะไรกันมากเพราะรู้เห็นกันอยู่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงมีแรงหนุนอยู่พอสมควรโดยเฉพาะประชาชนคนนอกเวทีอย่างเราท่าน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นแดนสนธยา เป็นรัฐอิสระมานานหลายปี ในอดีตคนทำสื่อรู้กันดีที่สุดหากไม่จำเป็นจริงๆ แล้วไม่อยากมีใครข้องแวะด้วย การเปลี่ยนตัวคนทำงานจากคนเดิมๆ หน้าเก่าๆ อะไรๆ อาจจะดีขึ้นบ้าง
ตรงนี้ก็ขอฝากไว้ว่าอย่าลืมจัดการกับบรรดานักบิน ตัวเก็บ หน้าเสื่อ ต่างๆให้หมดไปด้วย อย่างปล่อยเป็นเชื้อ อย่าเก็บไว้เป็นลายแทง ยกตัวอย่างเป็นตัวตนก็ได้ เช่น หมวดบี ธรรมรัตน์ จ่าแดง วันทา มีทั้งในและนอกราชการที่ยังคงเวียนวนรับใช้ เก็บส่วยให้กับเจ้านาย ตั้งแต่บ่อน หวย ซ่อง เงินกู้ ค้าผู้หญิง สารพัดความเลวร้าย
ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล แน่นอนว่าการย้ายนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.มากมายถึง 73 นาย มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และการหยิบยกการทุจริตป้ายโฆษณาจอแอลอีดี บนป้อมยามตำรวจมาล่อกันนั้น ยังมีคำถามไปถึง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ในเชิงข้องใจอย่างหนาหูในเรื่องความเป็นธรรม ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ หรือประโยชน์ในราชการตำรวจ เฉพาะประเด็นนี้คนกรุงเทพฯ ทำได้แค่มองพวกสีกากีเขาเล่นกัน คนใหม่ที่จะมา ข่าวว่าจากเชียงใหม่บ้าง อุดรฯบ้าง สกลนครบ้าง ถ้าเป็น นรต.35 จะถูกเรียกมากรุงเทพฯ กันหมด
ลักษณะงานในกองบัญชาการตำรวจนครบาล มันต่างจากภูธร ทั้งสภาพความเป็นอยู่ สังคมคนเมืองหลวง ปัญหาอาชญากรรม รวมถึงการอารักขาบุคคลสำคัญตำรวจภูธรต้องมาศึกษางานนับ 1 กันใหม่
ขณะเดียวกันตำรวจจากกรุงเทพฯ หากจับพลัดจับพลูไปหนองหมาว้อ จะทำไง บางหมู่บ้าน บางชุมชนของภาคอีสานหาก๋วยเตี๋ยวกินยังแทบหาไม่ได้...ก็ต้องว่ากันไปตามยะถากรรม
แต่ยังไม่ร้ายเท่ากับนายตำรวจระดับ ผกก.คนหนึ่ง เกี่ยวพันกับ “ภาพ 70 ไร่”อดีตนักค้ายาเสพติดรายสำคัญของเมืองหลวง เคยถูกออกจากราชการ แต่ต่อสู้คดีจนกลับมาได้ ปัจจุบันเป็น ผกก.อยู่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 และแต่งตั้งโยกย้ายเที่ยวนี้ มานั่งในตำแหน่งสำคัญเป็น ผกก.สืบสวนกองบังคับการแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
มีความเหมาะสมขนาดไหน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพัน์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.และ บรรดาคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่ร่วมรู้เห็นเป็นใจกันกรุณาช่วยตอบหน่อย
ตลอดทั้งวัน ( 7 ม.ค.)ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ นักข่าวอยากจะเห็นการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งของ ก.ตร. แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีปากมีเสียง ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน ดีครับท่าน เหมาะสมครับนาย ข่าวว่าติงกันบ้างก็แค่พอเป็นกระสาย ทุกพระหน่อยืนมือกุมเป้า ส่งสัญญาณยอมสยบอย่างราบคาบตั้งแต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเดินเข้าห้องนำประชุมแล้ว
ว่ากันไปตามสบาย อวยกันให้ถนัด ก่อนหน้ามีข่าวอีกทางว่าแถว “ฟาร์มโชคชัย”ลาดพร้าว 71 มองไปมุมไหนก็เจอแต่สีกากีเต็มพรึ่ดไปหมด ผ่านการแต่งตั้งไปแล้วบางทีซอยโชคชัย 4 อาจจะการจราจรสะดวก ซึ่งหากคิดอีกทางหนึ่งคนที่แสบถึงกึ๋นก็คือ ตำรวจด้วยกันเองนี่แหละไม่ต้องไปโทษทหาร หรือสีไหน
กว่า 3 เดือนที่การแต่งตั้งล่าช้าออกไป ปัญหามิได้อยู่แค่การล้างบางอำนาจเก่าในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือกองบัญชาการตำรวจนครบาล เท่านั้นแต่มันช้าเพราะบรรดานักวิ่งเต้นทั้งหลายนี่แหละ
วิ่งสายสีเขียว วิ่งสายสีกากี ทั้งสายใน-นอกราชการ วิ่งมันทุกช่องทางสุดแต่จะดิ้นรนกันได้ และเพิ่งมาลงตัวแบบม้วนเดียวจบก่อนเที่ยงวันพุธที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตำรวจไทยที่บัญชีการแต่งตั้งนับพันรายชื่อใช้เวลาตรวจสอบจาก ก.ตร. เพียงไม่กี่ชั่วโมง
ยกแรก นายตำรวจระดับรองสารวัตร ขึ้นเป็นสารวัตร ยกสอง ระดับสารวัตรเป็นรอง ผกก. ยกสาม รองผกก.เป็น ผกก. ยกสี่ ผกก.เป็นรองผบก.ทั่วประเทศ ภาค1-9 กองบัญชาการอื่นๆทั้งหมดกว่าพันตำแหน่งหรือหลายพันตำแหน่ง
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ตรวจกันลวกๆ เห็นด้วยกับทุกกองบัญชาการ ที่เสนอ...หากเป็นอย่างนั้นจะประชุมก.ตร.กันไปทำไม
เอาเป็นว่า “ฟาร์มโชคชัย”โอเค ทุกอย่างก็ควรจบ ไม่ต้องมาผ่านกระบวนการอะไรอีกก็ได้
ต่อจากนี้คงทำได้แค่ติดตามกันต่อไป...ในส่วนตำรวจที่มีปัญหาทุจริตป้ายโฆษณายังคิดจะสู้หรือเปล่า คราวนี้เป็นเรื่องของท่านแล้ว เพราะยามเสวยสุข ยามทำมาค้าขึ้นไม่มีใครไปร่วมเสพด้วย แม้แต่คนเมืองหลวงก็เถอะ ปัญหาอาชญากรรมถูกปล่อยปละละเลยมาทุกสมัย
วงการตำรวจล่อกันเองจะให้ใครมาช่วย จะเป็นสื่อสารมวลชนเหรอ...ขอโทษ นักข่าวเขาก็แยกเป็นกลุ่มหนุนก็มี ต้านก็เยอะ แต่ที่สุดท่านต้องช่วยตัวเอง ข่าวที่ว่าจะฟ้องกราวรูดทั้งศาลปกครอง และศาลอาญา ก็อย่าเป็นศาลพระภูมิเจ้าที่หรือศาลไคฟง ไปล่ะ ไม่ใช่ตอนนี้ขาสั่นพั่บๆไปแล้วหรือ
เพราะ ก.ตร.ท่านก็ “อ.ตร. “เอาตัวรอดไปก่อนแล้ว
สื่อผู้จัดการASTV เป็นสื่อเล็กๆ คอลัมน์สังเวียนตำรวจ ก็เป็นพื้นที่เล็กๆ คงบันดาลอะไรให้มากไม่ได้ ตำรวจที่รู้สึกว่าโดนกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องสู้เอาเอง
เอาเถอะรอให้รายชื่อออกมาชัดๆ ก่อน ใครเป็นใคร ข้ามหัวใคร น่าเกลียดอย่างไรเดี๋ยวมีรายการแฉแน่ๆ ส่วนท่านที่มีอำนาจท่านจะอยู่เฉยหรือไม่สะทกสะท้านท่านก็ว่าไป ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ แต่อย่าลืมทฤษฎีน้ำหยดลงหิน
ตอนนี้เอาเบาะๆ แค่นายตำรวจพัวพันกับพ่อค้ายาเสพติด “ภาพ 70 ไร่” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “บิ๊ก บช.น.”กำลังจะย้ายมาเป็น สืบ บก. ท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะตอบอย่างไร เป็นหน้าที่ของท่าน
คดีส่วยป้ายโฆษณาที่เอามาแปะหน้าผากบรรดา พ.ต.อ.กว่าครึ่งร้อย เพื่อให้พวกเขาร้องไม่ออกนั้น ตำรวจบางคนเขาบอกว่าไงรู้ไหม...เขาบอกว่า เป็นความอำมหิต โหดเหี้ยมกันเกินไป เพราะถ้าไม่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาในระดับสูง หน้าไหนใครจะกล้า เพียงแต่คำสั่งด้วยวาจาไม่มีการแทงหนังสือ..หากคณะสอบสวนกรณีนี้จะอ้างว่าไม่มีใบเสร็จ ตัดตอนเอาแค่ระดับโรงพักท่านตอบมโนธรรมในหัวใจท่านเถิด
เรื่องของเรื่องปัญหามันอยู่ตรงนี้ ไหนท่าน ผบ.ตร.บอกว่าไม่เคยรู้จักแพะไง...นี่เกลื่อนเกือบ 100 แถมเป็นแพะสีกากีระดับพ.ต.อ.ซะด้วย สุดยอดจริงๆ