xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตามรอย “แก๊งไม้ป่าเดียวกัน” ?! คลี่ปมงาบเงิน “ลาดกระบัง” 1.6 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วยนายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดีฯ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อให้ถ้อยคำในคดีลักเงินกองกลางสถาบันเทคโนโลยีดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -จากกรณีเงิน 1,663 ล้านบาทหายไปจากบัญชีกองกลางของ สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) อย่างไร้ร่องรอย กระทั่งกลายเป็นคดีซึ่งไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูกว่า “ใครคือตัวการใหญ่” ที่ฉกเงินก้อนนี้ไปกันแน่

วันนี้ คดีมีความคืบหน้าให้เห็นว่า มีความไม่ธรรมดาและซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร

เพราะนอกจากรายชื่อตัวละครหลักที่ปรากฏในรอบแรกอย่าง “นางสาวอัมพร น้อยสัมฤทธิ์” ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. นายทรงกลด ศรีประสงค์” ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. แล้ว ในเวลาต่อมายังปรากฏชื่อตัวละครที่ถูกออกหมายจับอีก 6 คน ได้แก่ นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นางสมบัติ โสประดิษฐ์ นายสมพงษ์ สหพรอุดมการ บิดาของนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ และ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ บุตรสาว นางสมบัติ โสประดิษฐ์ เนื่องเพราะปรากฏรายชื่อเป็นผู้ที่รับการโอนเงินจาก สจล.ไปเข้าบัญชี

แถมยังมีดาราชื่อดังอย่าง พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นส่วนบริษัท เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 7 บริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ เช่นเดียวกับ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่ต้องบอกว่าซวยสุดๆ เพราะดันไปซื้อรถยนต์ยี่ห้อหรู “ลัมโบร์กินีมูลค่า 13.5 ล้านบาทต่อจากนายกิตติศักดิ์ อีกด้วย

รวมกระทั่งถึงตัวละครตัวล่าสุดที่เพิ่งปรากฏอย่าง นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล. ซึ่งแม้ขณะนี้ข้อมูลยังไม่สามารถสาวโยงไปถึงพฤติกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่ก็เป็นที่จับตาของพนักงานสอบสวนไม่แพ้กัน

คดีนี้ จึงเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาที่สำคัญยิ่งก็คือ นายกิตติศักดิ์ มัธทุจัด ซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีคดีไปอยู่ที่ฮ่องกง เพราะพื้นฐานเดิมก็ไม่ได้มีกิจการอะไร ก่อนจะมาเปิดบริษัทต่างๆ ถึง 7 แห่งในช่วงปี 2555-2557 ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่า นายกิตติศักดิ์นำเงินที่ได้จากการยักยอก สจล.ไปประกอบกิจการต่างๆ รวมทั้งฟอกเงินที่ได้ด้วยการซื้อบ้านราคาแพงระยับ ไปซื้อรถยนต์หรูก่อนนำไปขายต่อในราคาขาดทุน

ที่สำคัญคือ พฤติกรรมทั้งปลายทั้งปวงของนายกิตติศักดิ์ สังคมได้ตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับ “ชมรมไม้ป่าเดียวกัน” หรือไม่

ชมรมไม้ป่าเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับนายกิตติศักดิ์คนแรกก็คือ นายภาดา บัวขาว หรือ "โอ๊ต ภาดา" ซึ่งเป็นคนสนิทของนายกิตติศักดิ์ และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ได้รับทรัพย์สินไปหลายส่วน และมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินแทนนายกิตติศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือบ้าน เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โอ๊ต ภาดา ขึ้นชื่อในกลุ่มชายรักชายในโลกออนไลน์ว่าเป็นไอดอลหนุ่มที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้มีเงินนับร้อยล้านได้ในเวลาเพียงหนึ่งปี ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อรถยนต์ ซื้อแหวนเพชรราคาแพง รวมถึงมีพฤติกรรมในการท่องเที่ยวราวกับมหาเศรษฐี โดยโอ๊ต ภาดา ใช้ชื่อในโลกสื่อสังคมออนไลน์ว่า @Oat_pada จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว

นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา นายกิตติศักดิ์และนายภาดา ยังมีการทำธุรกิจร่วมกันในที่ชื่อ บริษัท เอ็ม เฟส โทเทิล เอฟเฟกต์ จำกัด (M FACE TOTAL EFFECT COMPANY LIMITED) โดยบริษัทดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ ประกอบกิจการขายส่งขายปลีกครีมบำรุงผิวเครื่องสำอาง โดยมีที่ตั้งเลขที่ 98/11 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านธนาภิรมย์ ชั้น 2 หมู่บ้านธนาภิรมย์ ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270 ทั้งนี้มีนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และมีกรรมการอีก 4 คนประกอบไปด้วย นายภาดา บัวขาว น.ส.กนกวรรณ ทัพพะกุล ณ อยุธยา นายสุกฤษ เขียวนันใจ และน.ส.ศิรดา วงค์วาท

“จากการตรวจสอบพบว่า นายภาดาได้รับทรัพย์สินไปหลายส่วน และมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินแทนนายกิตติศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ บ้าน”พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. หัวหน้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดคลี่คลายคดีลักทรัพย์เงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)ให้ข้อมูล

เฉกเช่นเดียวกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ที่สังคมเกิดคำถามในทำนองเดียวว่า สาเหตุที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เนื่องเพราะมีรสนิยมทางเพศคล้ายคลึงกันหรือไม่

รวมถึงนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ที่ได้รับการโอนเงินไปเป็นจำนวน 85 ล้านบาท เพราะแม้นายพูลศักดิ์ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีส่วนรู้เห็นโดยบอกเพียงว่านายกิตติศักดิ์เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนได้มาขอให้นายพูลศักดิ์เปิดบัญชีให้เท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่พบความผิดสังเกตในตัวเงินและพฤติกรรมการใช้จ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นายพูลศักดิ์ได้ไปซื้อบ้านราคา 24 ล้านบาท ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ โดยมีการซื้อด้วยเงินสด

และที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้เช่นกันก็คือ นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล.ซึ่งเป็นผู้ที่ “ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา” อดีตอธิการบดี สจล.ไว้ใจมากและแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยอธิการบดีในส่วนบริการการเงินการคลังของ สจล. เนื่องเพราะในในแวดวงอาจารย์รู้กันว่านายสรรพสิทธิ์ชอบคนหาสมาคมกับผู้ชายในสังคมที่มีชื่อเสียงและดาราระดับพระเอกหน้าตาดีหลายคน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ 2 ดาราชื่อดังคือพิ้งกี้-สาวิกาและบอย-ปกรณ์นั้น พระเอกชื่อดังเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะล่าสุด พระเอกหนุ่มได้ไปซื้อรถหรู Lamborghini Gallardo LP560-4 ในราคา 13.5 ล้านบาทต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เมื่อเดือน ต.ค.2557

“เหตุที่ผมซื้อก็เพราะมีการติดต่อจากคนที่รู้จักว่า มีคนต้องการขายรถลัมบอร์กินี ซึ่งตอนนั้นผมกำลังอยากได้รถพอดี และการซื้อขายเป็นไปอย่างถูกต้อง มีเอกสารสัญญาซื้อขายครบ และตรวจสอบแล้วว่า รถคันดังกล่าวไม่ได้มาโดยผิดกฎหมาย มีการ เสียภาษีครบ เพราะก่อนตัดสินใจซื้อ ผมก็คิดว่าดูมาอย่างรอบคอบเช่นกัน”บอย-ปกรณ์ให้ข้อมูล

ขณะที่นางเอกสาวคนสวยเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 7 บริษัทของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด โดยที่มีนายภูดิศ หรือคึกฤทธิ์ จันทิมา ผู้ช่วยผู้กำกับละครเป็นตัวเชื่อมโยงที่ขอเอกสารจากตัวดาราสาวไปใช้ ซึ่งที่มาของชื่อบริษัทก็คงมาจากชื่อ “กิตติศักดิ์ ภูดิศ พิ้งกี้” เป็น เคพีพี นั่นเอง แต่จากการตรวจสอบก็ยังไม่พบว่ามีการดำเนินธุรกิจหรือแบ่งปันผลประโยชน์ใดๆ กันเลย โดยที่ตัวนายภูดิศ ก็ยังถูกนายกิตติศักดิ์ ฟ้องร้องคดีฉ้อโกงที่ศาลแขวงจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ด้วย

ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งยักยอกเงินในครั้งนี้แต่อย่างใด

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. หัวหน้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดคลี่คลายคดีลักทรัพย์เงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและบริษัทของนายกิตติศักดิ์ว่า

บริษัททั้ง 7 แห่ง เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 2555 -2557 ซึ่งเป็นปีที่มีการเอาเงินจาก สจล. ออกมา โดย 6 บริษัทอยู่บริเวณเดียวกันคือ หมู่บ้านธนาภิรมย์ ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอีกบริษัทตั้งอยู่ที่บูเลอวาร์ด

ทั้ง 7 บริษัทประกอบด้วย

1.บริษัท เอ็มทีเจ. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 มิถุนายน 2556 ทุน 50 ล้านบาท บริการให้เช่าพื้นที่รวมถึงห้องพัก นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ถือ 467,000 หุ้น (ร้อยละ 93.40) นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ นายคุณวุฒิ คำกรอง คนละ 10,000 หุ้น (ร้อยละ 2) นางเฉลียว ทัพพะกุล ณ อยุธยา นายนิรุด สุทินรัมย์ และ นายอนุพงษ์ วงค์วาท คนละ 1,000 หุ้น (ร้อยละ 0.2) และร่วมเป็นกรรมการ

2.บริษัท มัทธุจัด จำกัด จดทะเบียนวันที่ 9 มีนาคม 2555 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ บริการด้านการเงินเพื่อการเช่าสินทรัพย์ บริการด้านบัญชี กฎหมายและให้คำปรึกษา นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ถือหุ้นใหญ่ 4,000 หุ้น (ร้อยละ 40) นางระดม มัทธุจัด นางสาวจารุณี ศรีสว่าง และ นางสาวจุฑารัตน์ ปัดภัย คนละ 2,000 หุ้น (ร้อยละ 20) และร่วมกันเป็นกรรมการ

3.บริษัท แกรนด์บัคเก็ต ยูนิเวอร์แซล เซอร์วิส จำกัด จดทะเบียนวันที่ 21 มกราคม 2556 ทุน 1 ล้านบาทประกอบธุรกิจให้บริการด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ทำการโฆษณา นายธัญชาติ พุทธาวรางค์ นายกฤษณ์ ไกรสมสาตร์ นายทศพร บุญมา และนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เป็นกรรมการ

4.บริษัท เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ จัดสร้างและจำหน่ายบทประพันธ์ ละคร รวมถึงภาพยนตร์ จัดสร้างรายการ เกมส์โชว์ วาไรตี้ ออกงานอีเวนต์ โดย นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ถือ 4,000 หุ้น (ร้อยละ 40) นายภูดิศ จันทิมา และ น.ส.สาวิกา ไชยเดช คนละ 3,000 หุ้น (ร้อยละ 30) และร่วมเป็นกรรมการ ขณะที่กรรมการผู้มีอำนาจทำการ 1 คือ นายกิตติศักดิ์ และกรรมการผู้มีอำนาจทำการ 2 คือ นายภูดิศ

5.บริษัท แอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจัดสร้างบทประพันธ์ ละคร เกมโชว์ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นายชินโชติ กาญจนา นายยุทธนา นารี เป็นกรรมการ

6.บริษัท เค ลิฟวิ่ง แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 4 มีนาคม 2557 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจให้บริการเช่าห้องพัก บ้าน คอนโดมีเนียม ทุกประเภท นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด น.ส.จุฑารัตน์ ปัดภัย และ นายจักรี ปัดภัย เป็นกรรมการ

7.บริษัท เอ็ม เฟส โทเทิล เอฟเฟกต์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการขายส่งขายปลีกครีมบำรุงผิวเครื่องสำอาง ที่ตั้งเลขที่ 98/11 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านธนาภิรมย์ ชั้น 2 หมู่บ้านธนาภิรมย์ ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นายภาดา บัวขาว น.ส.กนกวรรณ ทัพพะกุล ณ อยุธยานายสุกฤษ เขียวนันใจ น.ส.ศิรดา วงค์วาท เป็นกรรมการ

ทั้งนี้ ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท เอ็มทีเจ. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (MTJ PROPERTY CO.,LTD.) ซึ่งจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 และมีทุนจดทะเบียนมากที่สุดในบรรดาบริษัทที่นายกิตติศักดิ์และพวกดำเนินการ คือ 50 ล้านบาท ได้เลิกกิจการแล้วเนื่องจากไม่ได้ชำระบัญชี

ขณะที่บริษัทเคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งมี ดาราสาว “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ถือหุ้นและเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วย รายงานงบการเงิน ณ สิ้นปี 2556 ระบุว่า มีรายได้รวม 471.14 บาท มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 258,347.30 บาท มีสินทรัพย์รวม 985,740.97 บาท มีหนี้สิน 243,617.13 บาท ขาดทุนสะสม 257,876.16 บาท

ความผิดปกติของนายกิตติศักดิ์ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อได้มีการตรวจสอบข้อมูลจากชาวบ้านวัดขนุน หมู่ 4 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย

ชาวบ้านวัดขนุนเล่าให้ฟังว่า 2-3 ปีก่อนหน้านี้เห็นบิดาของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด คือนายสนั่น มัทธุจัด เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร จู่ๆ ก็สร้างบ้านหลังใหญ่โตบนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ทำรั้วรอบขอบชิด คือ บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ที่ 4 ต.เมืองเก่า อ.เมืองพิจิตร และเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้านด้วย

ทั้งนี้ เพื่อนบ้านก็ได้แต่สงสัยว่าบ้านหลังนี้ไปร่ำรวยอะไรมา ก็รู้แต่เพียงว่าลูกชายของบ้านหลังนี้คือนายกิตติศักดิ์ ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ จะกลับมาเยี่ยมบ้านก็เฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เท่านั้น และทุกครั้งที่กลับมาบ้านก็จะขับรถยนต์หรูมูลค่าหลายล้านบาทสลับสับเปลี่ยนกันมาแบบไม่ซ้ำคัน จนกระทั่งล่าสุดมีข่าวว่าตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ดังกล่าว

ชาวบ้านวัดขนุนบอกอีกว่า นอกจากนี้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีข่าวว่าเครือญาติของนายกิตติศักดิ์นำเงินจำนวนมากมากว้านซื้อที่ดินในเขตตำบลเมืองเก่ามากกว่า 30 แปลง อีกทั้งเมื่อช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมายังมีข่าวว่าบิดาของนายสนั่นต้องการจะลงชิงตำแหน่งกำนัน ทว่า เกิดเหตุการณ์จับกุมขบวนการฉ้อโกงยักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบังเสียก่อน จึงทำให้เรื่องดังกล่าวซาไป

ชาวบ้านหลายคนได้เล่าต่ออีกว่า หลังจากตกเป็นข่าว บ้านของนายสนั่นก็ปิดประตูบ้านเงียบ ไม่พบปะสุงสิงกับเพื่อนบ้าน บริเวณบ้านหลังใหญ่ก็มีเพียงรถจอดอยู่หน้าบ้าน 2 คันเท่านั้น ไม่คึกคักเหมือนช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า นอกจากจะมีการซื้อที่ดินในจังหวัดพิจิตรกว่า 100 ไร่แล้ว ยังมีคนในเครือข่ายของนายกิตติศักดิ์ซื้อที่ในจังหวัดพิษณุโลกอีก 4 ไร่ และที่ดินในจังหวัดเพชรบูรณ์อีกจำนวนหนึ่งด้วย

และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2558 ก็ได้มีการอายัดทรัพย์นายกิตติศักดิ์มูลค่า 500 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กระนั้นก็ดี เชื่อว่า ตัวการใหญ่ไม่ได้แค่มีเพียงแค่ 8 คนตามที่ออกหมายจับเท่านั้น เพราะแม้ว่านายกิตติศักดิ์จะเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ แต่เชื่อว่า นายกิตติศักดิ์จะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มี “ผู้บงการ” ที่ต่อจิ๊กซอว์ให้ขบวนการยักยอกทรัพย์แก๊งนี้ยักยอกเงินออกมาได้นับเป็นพันล้านบาท

ที่น่าแปลกใจสุดๆ อยู่ตรงที่ว่าจนถึงบัดนี้ยังไม่มี “ผู้บริหารระดับสูงของ สจล.” คนใดนอกเหนือจากนางสาวอัมพรถูกออกหมายจับเลยแม้แต่เพียงคนเดียว


“ภาดา บัวขาว” หรือ โอ๊ต ภาดา เพื่อนชายคนสนิทของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด
บ้านของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัดที่จังหวัดพิจิตร(ภาพเปิด)
บ้านเลขที่ 8/17 ในโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด เทพารักษ์-วงแหวน ของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด
นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ที่ได้รับการโอนเงินไปเป็นจำนวน 85 ล้านบาท)
พิ้งกี้-น.ส.สาวิกา ไชยเดช เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 1 ในบริษัทของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด
บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากไปซื้อรถยนต์ Lamborghini Gallardo LP560-4 ต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ในราคา 13.5 ล้านบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น