xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มออกลายให้เห็นแล้ว...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์

อ่า! หลังจากลีลายักย้ายท่วงท่า เถียงกันหลายเดือนพอให้ผู้รู้กฎหมายน้ำลายแตกฟองจนบูด ชาวบ้านเอียนเต็มที่แล้ว พิธีกรรมของมหกรรมถอดถอนนักการเมืองให้ออกจากตำแหน่งก็เริ่มขึ้นโดยสภานิติบัญญัติ โดยมี 2 ฝ่ายคือผู้กล่าวหาและผู้แก้ตัวมาเล่าเรื่องยาว สมาชิกสภาฯ จะได้ใช้สติปัญญาวินิจฉัยว่าอดีต 2 ประธานต้องโดนถอดถอนมั้ย

ในความเป็นจริง ทั้ง 2 ประธาน คือ “นิคม-สมศักดิ์” ได้พ้นจากเก้าอี้ไปนั่งหาวเรอบี้สิวแก่ที่บ้านได้นานหลายเดือนแล้ว ทุกวันนี้ออกอาการเซ็งเต็มแก่ อยากให้พิธีกรรมเล่าเรื่องจบสิ้น จะได้รู้ว่าควรกำหนดชะตากรรมและอนาคตของตัวเองว่าจะไปทิศทางใด

ดูแล้วประหลาด ทั้ง “นิคม-สมศักดิ์” โดนเด้งโดยพิธีกรรมศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้น และพิธีกรรมต่อเนื่องโดย ป.ป.ช. ก็บอกว่าทั้งคู่มีความผิด จากนั้นส่งเรื่องให้ สนช. ซึ่งขึ้นภายหลังการรัฐประหารมาใช้สติปัญญาวินิจฉัยเพื่อให้พิธีกรรมสมบูรณ์

ยังมีความพิสดารอีก ถ้าเสียงของ สนช. มีไม่ถึง 2 ใน 3 ว่าทั้งคู่สมควรถูกถอดถอน อดีตประธานทั้ง 2 ก็จะรอดสันดอน ไปนั่งบี้สิวแก่รอวันคืนสู่ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งและซื้อเสียงตามหลักพิธีกรรมของการเมืองน้ำเน่าด้อยพัฒนาถาวรต่อไป

นี่ขนาด 2 ประธานไม่มีราคาสำหรับการเมืองอารยะ ยังเรื่องเยอะ ถ้าถึงคิวแม่นางปูเล่านิทาน ยอมมีฉากดรามา น้ำเสียงเครือน้ำตาปริ่ม กระฉากใจขี้ข้าแม่ยก แล้วจะมิได้เห็น ขบวนการกองเชียร์ออกมาสร้างกระแสเพื่อเขียนบิลไปเบิกเบี้ยเลี้ยงยังชีพเรอะ

พวกนักต่อรองถึงกล้าประกาศว่าทั้ง 2 ประธานและแม่นางปูจะเกี่ยวก้อยรอดสันดอนไปอย่างสง่างาม พิธีกรรมต่างๆ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ เสียเวลาโดยแท้

เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องของเวรกรรม บ้านนี้เมืองนี้จะมีอนาคตอย่างไรมาถึงจุดนี้น่าจะเดาได้ไม่ยาก พิธีกรรมต่างๆ ในสภานิติบัญญัติทำให้ชาวบ้านคนรู้ทันเข้าใจแล้วว่าแท้ที่จริงน่าจะเป็นปาหี่กลบเจตนาแฝงเร้นสู่ความยุ่งยากต่อไป โดยมีรัฐประหารคั่นฉาก

หลังจากรัฐประหาร เราได้ยินแต่เสียงเรียกร้อง “ปรองดองเถอะน่ะ...สมานฉันท์เถอะ...ลืมความหลังที่ปวดร้าว หันหน้าเข้าหากัน...” สารพัดจะมีถ้อยคำหว่านล้อมให้คนชั่วและคนดีลืมความขัดแย้ง อยู่ร่วมแผ่นดินกันต่อไป รอวันปัญหาแตกปะทุรอบใหม่

วันก่อนนักแต่งรัฐธรรมนูญออกมาประสานเสียงเรื่องปรองดองอีกแล้ว คราวนี้โยนก้อนหินถามทางอีกก้อนเบ้อเริ่ม “ให้อยู่ต่อกันไป 4 ปี มีรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อการปรองดอง นิรโทษกรรม...” จากสภาพการอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ แย้มก็เห็นไรฟัน กลายเป็นว่าคราวนี้ชาวบ้านมองลึกกว่าเหงือกให้เห็นลูกกระเดือกและไส้เน่าหลายขดซ่อนอยู่ลึก

โดยธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การรัฐประหารถ้าตั้งอยู่บนพื้นฐานของจิตสำนึกรักชาติเจตนาดี ย่อมต้องชำระสะสางปัญหาเรื้อรัง แยกผิดแยกถูกให้เสร็จ จัดการเอาคนชั่วเข้าคุก เอาคนดีเป็นต้นแบบสังคมปฏิรูปใหม่เพื่อความยั่งยืน

แต่บ้านนี้เมืองนี้มิได้เป็นเช่นนั้น เสียงเรียกร้องให้ปรองดองเป็นฉากบังหน้าเพื่อให้นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิด มิได้มีความกระตือรือล้นในกระบวนการยุติธรรม ใช้กฎหมายจัดการอาชญากรปัญหาของแผ่นดิน จากนั้นให้จัดวางระเบียบบ้านเมือง

นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแสดงให้เห็นเจตนาแฝงเร้นว่าปล่อยรูโหว่ รูหมาลอด และหมกเม็ดไว้เพียบ มิได้แก้ปัญหาแต่อย่างใด แม้มีเสียงท้วงติง ผู้มีอำนาจย้ำแต่คำว่าให้กระบวนการตามกฎหมายปกติจัดการกับพวกกระทำผิดกฎหมาย

อำนาจพิเศษต่างๆ มิได้จัดการคนชั่วร้ายหรือวางโครงสร้างสำเร็จเพื่อการปฏิรูป แต่กลับใช้เป็นเครื่องมือกำราบ ปรามคนดี ไม่ให้แสดงความเห็นขัดแย้งกับแนวทางการปรองดองแบบกำมะลอ อนาคตบ้านเมืองจะย้อนเข้าสู่รอยเดิมของความขัดแย้งอีกแน่ๆ

ถ้าผู้มีอำนาจไม่มีจิตเจตนาแฝงเร้นหรือแสวงหาอำนาจผลประโยชน์ ย่อมแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ชาวบ้านได้เห็นว่าพวกตัวเองมีคุณค่าและความน่าไว้เนื้อเชื่อใจมากพอสำหรับการบริหารประเทศ โดยมีผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ต้องวางรากฐานสร้างสังคมดี ไม่ใช่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้บุคคลที่ตัวเองเลือกเข้ามาแต่งกฎหมายสูงสุด

ที่เห็นอยู่คือ แทนที่นักแต่งรัฐธรรมนูญจะแสดงให้เห็นจิตปรองดอง กลับนั่งงัดเอาภูมิความรู้มาเถียงกันว่าจะให้การเมืองไทยเป็นแบบเยอรมันโมเดลหรือตะวักตะบวยโมเดล ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าปัญหาไม่ใช่อยู่ที่กฎหมาย แต่อยู่ที่คนชัดๆ และคนที่เป็นปัญหาเรื้อรังย่อมรวมถึงพวกนักแต่งรัฐธรรมนูญมืออาชีพ แต่งหลายฉบับไม่รู้สึกเซ็งหรือหน่าย

ดังนั้น จากสภาวะได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวาจึงเริ่มชัดเจน จากการปรองดองก็เริ่มแย้มเรื่องนิรโทษกรรม ล้ำไปถึงการพูดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ มิต้องเหนียมอายแล้ว

ช่วงนี้ย้ำแต่พูดเรื่องผู้กระทำความผิดรายย่อย รายใหญ่ต้องเผชิญการดำเนินคดีอาญา ตามขั้นตอน ถ้าได้แล้วอย่าสงสัยว่าต่อไปจะมีข้อเสนอเรื่องการนิรโทษกรรมแบบยกกระบิ อ้างว่าเพื่อให้การปรองดองเกิดผลภายไต้การกำกับของรัฐบาลแห่งชาติ

เรื่องพรรค์นี้เกิดได้เสมอในแผ่นดินที่คนขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบ ความรักชาติบ้านเมือง แต่ละกลุ่มผู้มีอำนาจผลัดกันเข้ามาบริหารรัฐชาวบ้านเห็นแต่พวกมุ่งเน้นเสวยสุข กอบโกยความมั่งคั่ง อ้างความรักชาติจนพุงกาง เป็นชูชกยุคดิจิตัลกินไม่อิ่ม

คณะผู้บริหารประเทศกำลังมาถึงจุดประเมินตัวเอง หลังจากเริ่มรู้สึกว่าชาวบ้านรู้ทัน และผลงานที่ผ่านมาไม่เข้าตา ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่ำแย่ลง ถ้าอยู่ต่อไปโดยไม่ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี มีหวังเผชิญกับคำถามบาดใจว่ามีสติปัญญาทำงานหรือไม่

ขณะที่ปากบอกให้คนดีคนชั่วจับมือปรองดอง กลุ่มผู้มีอำนาจแสดงให้เห็นอาการปีนเกลียว มีการโยนหินถามทางเช่นกัน ถ้าปล่อยไว้ย่อมมีความเสี่ยงสูง การประลองอำนาจ การแก่งแย่งตำแหน่ง เล่นพรรคเล่นพวก หนีวัฏจักรแห่งผลประโยชน์ไม่พ้น

ชาวบ้านพร้อมรอดูว่าการพบปะกันบ่ายวันพฤหัสบดีของผู้กุมอำนาจรัฐมีผลอย่างไร รุ่นเดียวกันจะปีนเกลียวกับรุ่นพี่ๆ น้องๆ หรือไม่ อาการน่าจะออกอีกไม่นาน


กำลังโหลดความคิดเห็น