xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองแบบ ‘พิมพ์สีเขียว’

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

มหกรรมแต่งรัฐธรรมนูญยังเป็นไปอย่างเมามัน ถ้าใครไม่อยากถูกมองว่าด้อยสติปัญญา ต้องหาประเด็นมาทดสอบความเห็นของคนอื่น รวมทั้งการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง ว่ากันจนน้ำลายแตกฟอง มีทั้งความเห็นต่างและโต้แย้งสารพัด

แสดงให้เห็นความร้อนวิชาของกูรู ผู้รู้ กูรู้ สู่รู้ อย่างเต็มที่ ผลสุดท้ายเป็นไปตามคาดว่าโดนนักแต่งรัฐธรรมนูญมืออาชีพยกข้อมูลและข้ออ้างต่างๆ มาหักล้าง ทำเอาพวกอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชาธิปไตยมีอาการเซ็งไปตามๆ กัน

บ้างก็พูดแบบไม่เกรงใจ “แบบนี้จะมาให้พวกเราแสดงความคิดเห็นไปทำไม ให้ท่านอภิมหาเนติบริกรงัดฉบับดวงใจในฝันมาเสนอก็หมดเรื่อง” พูดแล้วก็ทำท่าเคือง

แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ เมืองไทยเป็นดินแดนแห่งพิธีกรรมและมหกรรม อะไรที่สามารถทำให้สำเร็จได้ในเร็ววันจะไม่ถูกนำออกมาใช้ ต้องตั้งเรื่องยกประเด็นมาให้ถกกันเพื่อให้รู้ดำเห็นแดงกันก่อน จึงจะสร้างบรรยากาศตกผลึกจนทุกฝ่ายเซ็งแล้วก็จะง่าย

ดูเองก็แล้วกัน ท่านคณะผู้มีอำนาจประกาศประหารรัฐ ยึดรัฐบาลมาจากกลุ่มขี้ข้าบักเหลี่ยม แทนที่จะให้อำนาจจัดการเรื่องต่างๆ ให้เสร็จสิ้นเพื่อปฏิรูปโครงสร้างประเทศ แต่ไม่ยักทำ ไปตั้งทั้ง สนช. และ สปช.มาเป็นองค์กรหลักแต่งรัฐธรรมนูญซะนี่

นี่คือพิธีกรรมจำเป็น ฟ้าจะถล่มดินทลาย ใครจะเป็นจะตายต้องรอก่อน ขอให้เริ่มพิธีกรรมเพื่อสร้างมหกรรมแต่งรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นแนวทางแห่งความยุ่งยาก ความขัดแย้งวิกฤตร้อนแรงทางการเมืองจนอั้นไม่อยู่เพื่อผู้กุมอำนาจได้ออกมาฉีกทิ้งอีกรอบ

ถ้าร่างรัฐธรรมนูญดีการเมืองราบรื่นจะเป็นปัญหาปฏิวัติรัฐประหารไม่เป็น ทำให้เกิดสภาวะสูญพันธุ์ ผู้กุมอำนาจปืนรุ่นต่อไปไม่มีทางแก้ปัญหาเพราะทิ้งช่วงรัฐประหารยาวนาน ทำเงอะๆ งะๆ เป็นการเปิดช่องให้ประชาชนปฏิวัติ เดี๋ยวบ้านเมืองเจริญเกินไป

ถ้าเป็นแบบนั้นชาวบ้านเฉลียวฉลาด ไม่ขายสิทธิกาเบอร์จะทำให้นักการเมืองหมดทางซื้อเสียงคิดไม่ออกว่าจะซื้อเสียงเข้าไปโกงบ้านกินเมืองอย่างไร เงินเหลือเบอะ คำว่า “คืนหมาหอน” จะไม่เป็นที่รู้จัก โลกลืมพฤติกรรมยี้ห้อยร้อยยี่สิบ พวกหมาหลง

การเมืองจะดีเกินไปสำหรับคนไทยยุคใหม่ มีศีลธรรมจรรยาไร้นักการเมืองโกง แต่เอาเถอะ ก่อนถึงวันนั้นน่าจะเป็นชาติหน้ายามโพล้เพล้ ดังนั้นชาตินี้เราน่าจะหาทางออกแบบง่ายๆ ไม่สิ้นเปลืองเงิน เป็นการตัดตอนการเมืองประสานกับการปฏิรูปให้เต็มที่

ผู้น้อยนอกสภาฯ ขอเสนอความคิดว่าการแต่งรัฐธรรมนูญคราวนี้อย่าเรื่องเยอะเลยนอกจากสิ้นเปลืองเวลา น้ำลายและความคิด ยังทำให้ชาวบ้านเบื่อหน่ายกับพิธีกรรม รู้ทั้งรู้ว่าท่านอภิมหาเนติบริกรมี “พิมพ์สีเขียว” รัฐธรรมนูญอยู่ในมือแล้ว ใยมินำมาโชว์

ไฉนเลยปล่อยให้บรรดาผู้รู้ กูรู และกูรู้มานั่งถกกันให้เปลืองน้ำลาย น้ำดื่ม เบี้ยประชุมและงบอื่นๆ เราต้องให้โลกรู้ว่าคนไทยหาทางลัดจัดการการเมืองได้เช่นกัน บอกได้เลยว่าดีกว่าระบบการเลือกตั้งที่เคยทำมาและกำลังหาหนทางใหม่เพื่อยุคใหม่จริงๆ

เมื่อการเมืองน้ำเน่าจะคืนสู่สภาพเดิมแน่นอน ไม่ว่าจะมีรัฐธรรมนูญแบบไหน เพราะพวกคนหน้าเดิมๆ ขี้โกงจะซื้อเสียงเข้าสภาฯ มีพฤติกรรมน่าชังเหมือนเดิมแล้วนั้น ผู้น้อยขอเสนอว่า เราควรพักการเมืองแบบเลือกตั้งไว้สัก 4 ปี หรือนานกว่าถ้าจำเป็น

ผู้น้อยขอเสนอให้ท่านผู้มีอำนาจประกาศให้ สปช.รับบทเป็น ส.ส.แต่งกฎหมายและบทต่างๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปี ครอบคลุมทุกวงการ เพราะรู้อยู่แล้วว่าแผนปฏิรูปต่างๆ ที่ท่านผู้นำได้กำหนดไว้เป็นโรดแหม็บๆ นั้นไม่มีวันเสร็จได้

สปช. จะเป็น ส.ส.ได้ทันทีเพราะได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ คสช. ได้ประทับตรามาเป็น สปช.เอาแค่ปรับเปลี่ยนบทบาท เราจะมี ส.ส.โดยไม่ต้องเสียเงินจ้าง กกต.ไปจัดการเลือกตั้งให้มากเรื่องแล้วได้นักซื้อเสียงเข้ามาโกงเหมือนเดิม

ว่ากันตามตรง สปช.ทุกวันนี้ยังดูดีกว่า ส.ส.ที่ซื้อเสียงเข้ามาก่อนหน้านี้! เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะต้องไปเลือกตั้งหาพระแสงด้ามยาวชำรุดทำไม เมื่อเห็นล่วงหน้าชัดๆ แล้วว่าพวกตัวโกง ตัวแสบ ขี้ข้าคนชั่วจะมากุมอำนาจรัฐอีก ล้างผลาญบ้านเมืองจนฉิบหาย

ลืมไปแล้วเรอะ แม่นางส่งเสียงเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้ “ดิฉันพร้อมจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งมารับใช้พ่อแม่พี่น้องอีก” แม้เธอไม่บอกว่าเป็นพ่อแม่พี่น้องของใคร เราเดาได้

เมื่อเรามี สปช. เป็น ส.ส.เราก็อนุโลมให้ท่านผู้นำเปลี่ยนบทบาทของ สนช. เป็น ส.ว.หรือวุฒิสมาชิก ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเรื่องราวต่างเสนอโดย ส.ส.จาก สปช. เราก็ดูแล้วว่า สนช.ปัจจุบันดีกว่า ส.ว.ยุคก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ย แม้จะมีพวกแทงกั๊กเยอะ

แต่เรามีวิธีป้องกันด้วยการตั้งเงื่อนไข เช่นให้ ส.ว.รุ่นนี้มีอายุ 4 ปี แต่ขอให้รับเงินเดือนเพียงครึ่งเดียว เพราะมีเงินเดือนประจำ และเงินบำนาญอยู่แล้ว และไม่ได้ลงทุนสมัครเลือกตั้งหรือซื้อเสียงเหมือน ส.ว.จากระบบน้ำเน่าจนทำให้ถูกรัฐประหาร

เงื่อนไขสำคัญคือ ต้องยกเลิก “งดออกเสียง” ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ป้องกันไม่ให้พวกมักง่ายลอยตัวตีกินโดยไม่รับผิดชอบ ไม่กล้าแสดงตัวหรือไม่มีความเห็น มีข้ออนุโลมว่าถ้าคิดไม่ออก ฉลาดน้อย สมองไม่พัฒนาเข้าขั้นโง่ ก็อาจให้เขียนคำสารภาพประกอบได้

ท่านผู้นำจะได้ปลดออก ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ เปลืองน้ำ เปลืองลม! สร้างบรรยากาศความน่ารำคาญ เพราะบ้านเมืองเสียหายเยอะโดยพวกงดออกเสียง ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นด้อยปัญญา สมองไม่ทำงานหรือบ้องตื้นเกินอายุจะอำนวย

อ้อ! ห้ามขาดประชุมหรือลาเกิน 3 ครั้งในแต่ละสมัยประชุม มีเหตุผลหรืออะไรก็ตาม ยกเว้นป่วยหนักหรือตาย! ใครเห็นด้วยหรือค้านข้อเสนอของผู้น้อย เชิญตามสบาย
กำลังโหลดความคิดเห็น