ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สองแม่ลูกขับรถตกร่องกลางถนนสายม่าหนิก-บางโจ จ.ภูเก็ต ที่กำลังอยู่ระหว่างการซ้อมแซม หลังถูกน้ำกัดเซาะจนถนนขาด ได้รับบาดเจ็บ เหตุไม่เห็นป้ายเตือน คิดว่าถนนซ่อมเสร็จแล้วจึงขับเข้าไปจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
จากกรณีโพสต์ข้อความในโลกโซเชียล เกี่ยวกับ 2 แม่ลูก ซึ่งขับรถยนต์กระบะตกลงในช่องถนนสายม่าหนิก-บางโจ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งถูกน้ำกัดเซาะจนถนนขาด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่เพื่อซ่อมแซมจนได้รับบาดเจ็บ โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “เพื่อนแจ้งมาว่า...เมื่อคืนเวลาประมาณ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 11 ธ.ค.57 ได้เกิดอุบัติเหตุ สองแม่ลูกพลัดตกลงไปในช่วงตัดถนน บริเวณสายม่าหนิก-บางโจ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่มีป้ายบอกเตือน หรือระบบเตือนความปลอดภัยแก่ผู้สัญจรไปมาหรืออย่างไรไม่ทราบครับ...ช่วยตรวจสอบหน่อย... สองคนแม่ลูกอาการสาหัสมากๆๆๆๆๆ แม่แขนหัก ขณะนี้กำลังผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ลูกสาววัย 7 ขวบ แพทย์กำลังผ่าตัดสมอง และบอกว่ามีโอกาสรอดเพียง 1 เปอร์เซ็นต์..อย่างนี้ใครรับผิดชอบครับ การก่อสร้างถนนสายนี้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของใคร...คุณทำกันแบบมักง่าย โดยไม่ห่วงชีวิตประชาชนเลยหรือครับ...ผู้เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบหน่อย”
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (12 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวบริเวณถนนสายม่าหนิก-บางโจ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ใกล้กับเรือนจำชั่วคราวบ้านบางโจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กจ 1057 ภูเก็ต คันที่เกิดเหตุยังอยู่ในร่องกลางถนนที่ถุกขุดเป็นช้องขนาดใหญ่ ในสภาพที่พังเสียหาย และบริเวณใต้ท้องรถยนต์พบรถจักรยานยนต์ถูกทับอยู่อีก 1 คัน ขณะที่บนถนนก่อนถึงจุดที่รถตกลงไปมีแผงเหล็กติดป้ายเตือน ว่า ห้ามผ่าน แต่แผงเหล็กดังกล่าวได้เลื่อนออกมาติดกับแผงเหล็กอีกอันหนึ่งที่อยู่ใกล้ ทำให้เปิดช่องให้รถสามารถผ่านเข้าไปได้ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบไม่มีการติดตั้งไฟที่ให้เห็นป้ายเตือนอย่างชัดเจน
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ คือ นางภัคคมน ดวงฉายาเต็มจรัส อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บแขนด้านซ้ายหัก อาการปลอดภัยแล้ว นอกจากนั้น ยังมีลูกสาวของนางภัคคมน ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ทราบชื่อคือ ด.ญ.มอลลี่แอน เบลลี่ อายุ 8 ปี สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แพทย์ต้องผ่าตัดช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยแพทย์ระบุว่า ด.ญ.มอลลี่แอน มีโอกาสรอดเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ด.ญ. มอลลี่แอน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยมี นางภัคคมน และสามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติ รวมทั้งญาติเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการสอบถามทางทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน นายวรวุฒิ ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร ได้เดินทางไปเยี่ยมดูอาการของ ด.ญ.มอนลี่แอน ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังจากประสบอุบัติเหตุ พร้อมกับกล่าวว่า หลังจากที่ตนทราบเหตุการณ์ว่ารถตกลงไปในถนนที่ถุกน้ำกัดเซาะจนขาด ตนได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเดินทางเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากการสอบถาม นางภัคคมน ผู้ประสบเหตุทำให้ทราบว่า ปกติได้ขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ และช่วงที่เกิดเหตุก็ขับรถมาตามเส้นทางดังกล่าวตามปกติก็ไม่เห็นแผงเหล็กกั้นบริเวณถนนดังกล่าว ก็เลยขับรถไปบนถนนตามปกติเพราะคิดว่าถนนมีการซ่อมแซมเสร็จแล้ว เมื่อถึงจุดที่ถนนถูกตัดขาดก็ไม่สามารถหยุดรถได้แล้ว ทำให้รถตกลงไปในช่องถนนดังกล่าวอย่างแรง ส่งผลให้คนขับคู่นางภัคคมน และลูกสาวได้รับบาดเจ็บ
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า ปกติจะมีแผงเหล็กกั้นเพื่อบอกผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวอยู่แล้ว แต่ตนไม่แน่ใจว่ามีใครมายกแผงเหล็กดังกล่าวออกไป ซึ่งในเบื้องต้น จะให้เช้าหน้าที่ทำแท่งแบรริเออร์มาวางเพื่อปิดถนนดังกล่าวป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เพราะก่อนที่รถของนางภัคคมน จะตกลงไปพบว่า มีรถจักรยานยนต์ตกลงไปก่อนแล้ว 1 คน ส่วนเรื่องของการช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่