xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองน้ำเน่า

เผยแพร่:   โดย: ไพรัตน์ แย้มโกสุม


เรื่องการเมืองเนี่ย ไม่ค่อยอยากพูดอยากเขียน เพราะเคยถูกอบรมสั่งสอนมาเช่นนั้น การเมืองเป็นเรื่องเฉพาะของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีอำนาจมีอิทธิพล คนกลุ่มอื่นอย่ามายุ่ง มีหน้าที่อะไรก็ทำไป เป็นนักเรียนนักศึกษาก็เรียนหนังสือไป เป็นครูบาอาจารย์ก็สอนหนังสือไป เป็นข้าราชการก็สนองนโยบายรัฐบาลไป รัฐบาลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนักการเมืองหรือนักเลือกตั้งที่เข้ามาบริหารประเทศในรูปแบบนิยม “สมบัติผลัดกันชม” ประมาณนั้น

การเมืองมีสองรูปแบบ คือการเมืองแบบน้ำดี และการเมืองแบบน้ำเน่า

การเมืองแบบน้ำดี มีให้พบเห็นในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนการเมืองแบบน้ำเน่ามีดาษดื่นในประเทศด้อยพัฒนา หรือประเทศในโลกที่สาม (โลกที่สาม คือกลุ่มประเทศที่ยังไม่เจริญ หรือกำลังพัฒนา โลกที่หนึ่ง คือประเทศมหาอำนาจ โลกที่สอง คือประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและการเมือง รองลงมา)

“การเมืองน้ำเน่า

เหล้าเก่าขวดใหม่

เลือกตั้งเร็วไว

ตูใหญ่เหมือนเดิม”

กวีสี่แถวดังกล่าวชัดเจน ไม่จำเป็นต้องอธิบายขยายความก็เข้าใจและเข้าถึงได้ ดุจดั่งชูดอกไม้ขึ้นหนึ่งช่อ ก็ร้องอ๋อ...ถึงบางอ้อแล้ว

เนื่องเพราะสรรพสิ่งต่างก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่า “องฺกิญฺจิ สมฺทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา”

กิเลสก็มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตามธรรมดาของสังขารที่มีเหตุมีปัจจัย และมันก็ดับลงเพราะหมดเหตุหมดปัจจัยตามธรรมดา

ไม่ว่าอะไรในโลกนี้ ดูเหมือนแยกกันอยู่ แต่ความจริง ทุกสิ่งมันรวมกันอยู่ มีความสัมพันธ์อิงอาศัยกันอยู่ ดังสัจธรรมที่ว่า “สิ่งทั้งมวลล้วนอาศัยกัน”

ดังนั้น หากไม่ยุ่งการเมือง การเมืองก็มายุ่งกับเราอยู่ดี เพราะมันอาศัยกัน มันกระทบถึงกัน เด็ดดอกไม้ริมทาง ก็กระทบถึงตะวันดาวเดือนบนฟากฟ้า

ไม่อยากพูดอยากเขียน ก็จำเป็นต้องพูดต้องเขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะยังไงๆ เราก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เงินที่คุณโกงไปก็เป็นเงินของฉันด้วย

หัวใจการเมือง หัวใจประชาธิปไตย คือการแสดงความคิดเห็น การห้ามแสดงความคิดเห็น ก็เหมือนกับการทำลายการเมืองหรือประชาธิปไตย หรือทำลายตัวเราตัวท่านนั่นเอง

เมื่อเปิดประเด็นกวีสี่แถว ทุกคนมีสิทธิที่จะตีความต่างๆ นานา นั่นคือการแสดงความคิดเห็นโดยเสรี ตามหลักประชาธิปไตย

ความต่างเหมือนดอกไม้หลากสี ย่อมมีสีสันพรรณราย ดีกว่าสวยกว่าดอกไม้สีเดียว

การเมืองน้ำเน่า

น้ำที่ขังไว้นานๆ ไม่มีการหมุนเวียนถ่ายเทจากน้ำดีใสสะอาด ก็จะกลายเป็นน้ำสกปรก ขุ่นมัวเน่าเหม็น ฉันใด การเมืองก็ฉันนั้น

นักการเมืองหรือนักเลือกตั้ง เขาจึงกำหนดให้อยู่ในวาระคราวละ 4 ปี เมื่อครบวาระก็ถ่ายเทออกไป เอาคนใหม่เข้ามา ไม่ใช่ผูกขาด จังหวัดนี้เป็นของฉัน ประเทศนี้เป็นของตู

นักการเมือง เมื่อมีอำนาจรัฐ ก็ใช้อำนาจในการจัดสรรแบ่งปันประโยชน์ให้ประชาชนทั้งประเทศ ให้มีความเป็นคน มีอยู่มีกิน มีสันติสุข หากมีความผิด ก็มีจิตสำนึก รู้จักรับผิดชอบลาออกไป อย่างนี้คือการเมืองน้ำดี ส่วนการเมืองน้ำเน่า ก็ตรงกันข้าม เอาผลประโยชน์ให้ตัวเอง พรรคพวก และพรรคตัวเองซื้อเสียงล่วงหน้าแบบประชานิยม มีอุบายวิธีต่างๆ เพื่อมอมเมาประชาชนจะได้ติดเบ็ดง่ายๆ ทำอะไรไม่เป็น รอแต่นักการเมืองเอาเงิน (ภาษีประชาชน) มาแจกสื่อต่างๆ เช่น ทีวี วิทยุ ก็เสนอแต่เรื่องไร้สาระ ประชาชนรู้ไม่ทันก็ติดกันงอมแงม

พอถึงคราวเปลี่ยนรัฐบาลอีกครั้ง แทนที่จะได้น้ำดี ก็ได้น้ำเน่าเหมือนเดิม เน่าเก่าไปเน่าใหม่มา อัปรีย์ไป จัญไรมา สมบัติผลัดกันชม เหล้าเก่าในขวดใหม่ อะไรทำนองนั้น

● เหล้าเก่าขวดใหม่

สำนวนไทยเช่นนี้ ไม่เคยล้าสมัย “เหล้าเก่าในขวดใหม่” เนื้อหาไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะตกแต่งรูปลักษณ์ใหม่ เริ่มไฉไลปานใดก็เหมือนเดิม พอมีอำนาจก็โกงเหมือนเดิม พอเลือกตั้งก็ซื้อเสียงเหมือนเดิม กฎหมายสวยหรู กูรูยอมรับ ก็เป็นเพียงริ้วรอยในกระดาษ เพราะคนรักษากฎหมาย คนใช้กฎหมาย ไม่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ทำหน้าที่ตามนายสั่ง เป็นลำดับชั้นขึ้นไป จนถึงหัวสุด เข้าสูตร “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก” ถ้าหัวหน้าไม่กระทำชั่ว ลูกน้องก็ไม่กล้าทำชั่วเช่นกัน

เมื่อเห็นระดับกิ๊กก๊อกหางแถวทำชั่ว รีดนาทาเร้นประชาชน อย่ามองอย่าโทษเพียงปลายแถว ต้องมองต้องโทษให้ตลอดสาย จากหางแถวถึงหัวแถว ที่ลูกน้องทำชั่วเหมือนลูกพี่ก็เพราะ “ไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่” ต่างก็รู้ความลับความชั่วของกันและกัน

การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่วูบวาบขึ้นมาเป็นช่วงๆ ก็ทำได้แค่เพียง “พูดหรูชูป้าย” เท่านั้นเอง “ในยุคของฉัน ไม่มีโกง ไม่มีคอร์รัปชันโดยเด็ดขาด” แต่ยังเด็ดหัวคนโกงระดับหัวแถวไม่ได้สักคน

ในอดีตสมัยอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นคนสมถะ ซื่อสัตย์ ไม่พูดมาก แต่จับคนโกงระดับรัฐมนตรีติดคุกมาแล้ว

ในสมัยนี้ รัฏฐาธิปัตย์ อำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือนายกรัฐมนตรี หรือ คสช.น่าจะทำ เอาคนโกงระดับหัวแถวติดคุกบ้าง เพื่อพิสูจน์ว่า ฉันไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ฉันคือเหล้าใหม่ในขวดใหม่ ที่เอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาตัวเองหรือพรรคพวกเป็นตัวตั้ง

● เลือกตั้งเร็วไว

ก่อน คสช.จะทำรัฐประหาร ประชาชนมีการรณรงค์ให้ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” เกิดมวลมหาประชาชนเดินขบวนเพื่อการนี้ประมาณ 10 ล้านคน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจเด็ดขาด ก็พยายามเร่งด่วนให้มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะได้มีการเลือกตั้งเหมือนนานาประเทศ

ในขณะที่ประชาชนของเราทั้งประเทศ 65 ล้านคน ยังเหมือนเดิม คือ “เงินไม่มา-กาไม่เป็น” ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง สื่อต่างๆ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โซเชียลมีเดียค่อนข้างไร้สาระ เถิดเทิงไปวันๆ ประชานิยมในรูปแบบใหม่ ไม่ได้วิเศษไปกว่าแบบเก่า คือยังใช้เงินซื้อใจประชาชนเหมือนเดิม ซึ่งไม่มีทางที่จะเปลี่ยนจากโง่ ให้ฉลาดได้

รัฐที่ดีต้องใช้หลัก “ใจสมานใจ” ระหว่าง “ผู้ปกครอง” กับ “ผู้ถูกปกครอง” คือให้มีความผูกพันกัน เชื่อมสัมพันธ์สนิทสนมกัน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมี “สัจจะ” มีความจริงใจ ที่กล้าเอาเรื่องจริงเรื่องถูกต้องมาให้กันเท่านั้น

ผู้นำต้องเปลี่ยนจิตที่เห็นแก่ตัว มาเป็นจิตสาธารณะที่เห็นแก่ส่วนรวม ต้องกล้าพูดความจริง ประเทศของเราเกิดวิกฤตที่สุดในโลกทุกวันนี้ เพราะนักการเมืองชั่ว นักการเมืองน้ำเน่าที่อาศัยการเลือกตั้งบนรากฐานหลอกลวงมาสู่อำนาจ จึงโกงๆๆ แล้วก็รวยๆ อยู่อย่างสบายแบบเย้ยฟ้าท้าดิน เห็นกฎหมายอยู่นอกสายตา

ปราชญ์อินเดียท่านหนึ่ง กล่าวว่า... “ประชาธิปไตย จะประสบความสำเร็จ หากปัจจัยดังต่อไปนี้มีอยู่ท่ามกลางประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ร้อยละ 51 (1) ศีลธรรม (2) ความรู้หนังสือ (3) ความตื่นตัวทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง มิฉะนั้นแล้ว ประชาธิปไตยก็คือเครื่องมือลวงประชาชน”

การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ดี และควรมี แต่อย่าให้กลายเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชน

● ตูใหญ่เหมือนเดิม

อยากเลือกตั้งไวๆ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ไม่ชี้อะไร รู้แต่ว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเข้าไปกาบัตรในคูหาแล้วก็จบ เหมือนกับยกประเทศให้ ส.ส.หรือนักการเมืองจะเอาไปทำอะไรก็ได้ เพราะเราเลือกเขาเข้าไปแล้ว

ถ้ารู้และเข้าใจกันเพียงเท่านี้ ผู้ที่จะมาเป็นใหญ่อีก ก็คือนักการเมืองหรือนักเลือกตั้งเก่าๆ นั่นเอง เพราะเขาไม่ใช่ธรรมดา มีเครือข่ายหัวคะแนนทุกหมู่บ้าน ทุกหน่วยงาน คำสั่งจากนายมาเมื่อไหร่ ก็เวิร์กเมื่อนั้น

ในที่สุด...ข้าก็มาใหญ่เหมือนเดิม กว่าจะมีใครมาล้มข้าได้ ข้าก็อยู่ในอำนาจอีกหลายปี มีโครงการบิ๊กๆ อีกเยอะ ที่ใครๆ ก็อยากมาเป็นสาวก ปรองดองร้องเพลงพัฒนาบ้านเมือง การเมืองเรื่องเลือกตั้งมันดีอย่างนี้แหละ เลือกเมื่อไหร่ ข้าก็ใหญ่เมื่อนั้น

“การเมืองน้ำเน่า

เหล่าเก่าขวดใหม่

เลือกตั้งเร็วไว

ตูใหญ่เหมือนเดิม”

การเมืองคือการใช้อำนาจ จัดสรรปันแบ่งประโยชน์แก่ประชาชนทุกคนทั่วประเทศ ประมาณ 65 ล้านคน

รัฏฐาธิปัตย์ คือผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ขณะนี้คือ คสช.หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นโอกาสทองของท่านที่จะพัฒนาตนเป็น “รัฐบุรุษ” มากกว่าเป็นนักการเมือง

“นักการเมืองคำนึงถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป รัฐบุรุษคำนึงถึงประชาชนรุ่นต่อไป”

(คำกล่าวของ James Freeman Clarke)

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าว ณ สำนักงาน ป.ป.ช. (19 ธ.ค. 17) ว่า...บ้านเมืองมีปัญหาใหญ่ 2 อย่าง คือความยากจน และการทุจริตคอร์รัปชัน ความยากจนเป็นปัญหาใหญ่ แต่ไม่ด่วนเท่าปัญหาโกงที่แก้ไม่เคยได้ผล เหตุอยู่ที่ผู้คนมองว่า ธุระไม่ใช่ ถือว่าเป็นความคิดที่แย่มาก ไม่รักชาติ ส่วนธรรมาภิบาลก็ช้าเกินไป ทุกคนร่วมปลุกตัวเองให้เป็นแบบอย่าง กล้ายืดอกไม่โกง ไม่ไหว้ และจงเกลียดคนโกง เหตุเป็นสิ่งสุดเลวร้าย ฝากเร่งคดีลงโทษแรง ให้กลัวคุกตะราง ให้อายทำชั่ว ไทยถูกมองว่าขี้โกง ปลุกสำนึกทำชาติไร้โกง

ท่านรัฐบุรุษเป็นคนพูดน้อย นานๆ (อาจทนไม่ไหว) พูดครั้ง พูดแล้วมีคนฟัง เพราะในอดีตท่านซื่อสัตย์สุจริต เป็นผู้นำที่มีความกล้าหาญ กล้าข่มคนที่ควรข่ม ชมคนที่ควรชม

โอวาท “ดี-เก่ง-กล้า-โรจน์” เช่นนี้ ควรเผยแพร่และตอกย้ำบ่อยๆ และควรนำไปปฏิบัติให้เป็นจริง

คนไทยยากจน เพราะผู้นำผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองขี้โกง ผู้ตามก็พลอยโกงไปด้วย เลยกลายเป็นประเทศขี้โกง

การแก้ปัญหามีสองแบบ ต้องทำควบคู่กันไป อย่างแรกแบบวางพื้นฐานระยะยาวและมั่นคง ต้องมี “สภาประชาชน” ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เพื่อให้ความรู้ประชาชนและตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชน อย่างที่สองแบบเร่งด่วน ก็ขอฝากไว้กับผู้มีรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในกำมือ มีท่านเท่านั้นที่ทำได้

แก้ได้เมื่อไหร่ ความสุขของผองไทย 65 ล้านคนทั่วแผ่นดินก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น วันนี้ขอมีความสุขฟินๆ กับชัยชนะ นักเตะทีมชาติไทยแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2014 ไปก่อนคร้าบ
กำลังโหลดความคิดเห็น