ASTVผู้จัดการรายวัน - "ดีเอสไอ"ลุยตรวจโกดังมันเส้นโครงการจำนำปี 55/56 ที่จ.ราชบุรี พบกองมันในโกดังเกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด ที่ถูกไฟไหม้ มีบิ๊กแบ๊คบรรจุแกลบยัดไส้ตบตาจำนวนมาก คาดเสียหาย 120 ล้าน รวม 5 จังหวัดกว่า 400 ล้าน ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เตรียมชงอธิบดีรับเป็นคดีพิเศษ เผยป.ป.ช.เคยเสนอยกเลิกโครงการในครม.รักษาการแล้ว หลังพบเอื้อประโยชน์ผู้ประกอบการ
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(8 ม.ค.)พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมทหารจากค่ายบุรฉัตร การค้าภายในจังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า(อคส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังมันสำปะหลังเส้น เลขที่ 99/12 หมู่ 19 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2555/2556 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ที่รัฐบาลฝากเก็บไว้ แต่มีการทุจริตโดยการยัดแกลบสอดไส้แทนมันสำปะหลัง และเกิดไฟไหม้ทั้ง 5 แห่ง
สำหรับจ.ราชบุรี ฝากเก็บไว้ที่บริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งมาเช่าโกดังอ้อยเก่าเป็นคลังสินค้า 3 หลัง ส่วนใหญ่เป็นมันเส้นจากจ.ดกาญจนบุรี โดยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เกิดเพลิงไหม้โกดัง ซึ่งพาณิชย์จังหวัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะโกดังที่ไฟไหม้มีความร้อนสะสมสูง ต่อมาอคส.เข้าตรวจสอบพบว่าในกองมันสำปะหลังที่ถูกเพลิงไหม้ มีบิ๊กแบ็กบรรจุแกลบจำนวนมากอยู่ด้วย จึงได้แจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องไว้แล้ว
พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการอคส.ทำหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ หลังปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริต ซึ่งจากการตรวจดู 3-4 จุดพบการวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยนำมันเส้นมาเทกอง แล้วต่อมาเอารถมาตักมันเส้นออกไป แล้วนำบิ๊กแบ็กมากองไว้แทนแล้วกลบทับด้วยมันเส้น ประเด็นจึงน่าจะมีการวางแผนล่วงหน้า เพราะบิ๊กแบ็กลูกหนึ่งหนักประมาณ 1 ตัน ซึ่งจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ต้องขอเวลาสอบสวนก่อน
"จากการคำนวณปริมาณรถ เบื้องต้นหนักคันละประมาณ 30 ตัน นำมาหารกับจำนวนมันเส้น ต้องมี 200-300 คัน เดี๋ยวจะไล่สอบดูจะได้รู้ว่ารถวิ่งเข้ามาเทท่าไหร่ ถ้าแค่ 20 คันแล้วอีก 180 คันวิ่งไปที่อื่นหรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาสักระยะ แต่ที่เห็นความเสียหายของรัฐค่อนข้างรุนแรง ที่ราชบุรีน่าจะประมาณ 120 ล้านบาท เพราะแค่ 3 โกดังมีมันเส้นหายไปกว่า 19,000 ตัน โดยนำมันเส้นออกไปขายแล้วนำแกลบมากองไว้แทนจำนวนมาก ถ้ารวม 5 จังหวัดจะเสียหายประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะนำเรียนอธิบดีดีเอสไอว่าน่าจะพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษได้"
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการอคส. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการทำรายงานเพลิงลุกไหม้ลักษณะเดียวกัน จึงแจ้งความไว้ทั้ง 5 จังหวัดที่มีโกดังเก็บมันเส้นของบริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด จำกัด เพราะมีการกระทำผิดเหมือนกัน ซึ่งมันเส้นที่มียังอยู่ยังนำไปใช้ได้โดยแยกแกลบออก แต่ก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าใช้ได้หรือไม่ และเหลือมันเส้นมูลค่าเท่าไหร่ ส่วนเรื่องทางคดีต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอคงรับมาทำเองทั้ง 5 จังหวัด
"กระบวนการสอบสวนจะไล่มาตั้งแต่เมื่อมีการเริ่มขน วางของ ของเข้ามาใครดูแลบ้าง มีการทำความผิดต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รับรองว่าสอบสวนถึงหมด โดยจะมีหัวหน้าอคส.เป็นผู้รับผิดชอบ มีคณะกรรมการระดับจังหวัดกำกับดูแล"
ทั้งนี้ โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/ 2556 สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เปิดรับจำนำวันที่ 1 ธันวาคม 2555 เป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 10 ล้านตัน วงเงิน 3.98 หมื่นล้านบาท แปรรูปเป็นมันเส้นและแป้งมัน 8.4 ล้านตัน และผลิตเอทานอล 1.6 ล้านตัน
ต่อมา การประชุมครม.รักษาการ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 มีการพิจารณาข้อเสนอแนะของนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่าป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ปีการผลิต 2554/2555 และ 2555/2556 มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ อีกทั้งป.ป.ช.ได้ให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ศึกษาวิจัยมาตรการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังเพื่อป้องกันการทุจริต พบว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เกิดปัญหาการทุจริต สูญเสียงบประมาณจำนวนมาก ป.ป.ช.จึงเสนอให้ยกเลิกโครงการ เพราะสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดยข้อเสนอดังกล่าวไม่มีการแถลงต่อสื่อมวลชน
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(8 ม.ค.)พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมทหารจากค่ายบุรฉัตร การค้าภายในจังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า(อคส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังมันสำปะหลังเส้น เลขที่ 99/12 หมู่ 19 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2555/2556 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ที่รัฐบาลฝากเก็บไว้ แต่มีการทุจริตโดยการยัดแกลบสอดไส้แทนมันสำปะหลัง และเกิดไฟไหม้ทั้ง 5 แห่ง
สำหรับจ.ราชบุรี ฝากเก็บไว้ที่บริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งมาเช่าโกดังอ้อยเก่าเป็นคลังสินค้า 3 หลัง ส่วนใหญ่เป็นมันเส้นจากจ.ดกาญจนบุรี โดยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เกิดเพลิงไหม้โกดัง ซึ่งพาณิชย์จังหวัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะโกดังที่ไฟไหม้มีความร้อนสะสมสูง ต่อมาอคส.เข้าตรวจสอบพบว่าในกองมันสำปะหลังที่ถูกเพลิงไหม้ มีบิ๊กแบ็กบรรจุแกลบจำนวนมากอยู่ด้วย จึงได้แจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องไว้แล้ว
พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการอคส.ทำหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ หลังปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริต ซึ่งจากการตรวจดู 3-4 จุดพบการวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยนำมันเส้นมาเทกอง แล้วต่อมาเอารถมาตักมันเส้นออกไป แล้วนำบิ๊กแบ็กมากองไว้แทนแล้วกลบทับด้วยมันเส้น ประเด็นจึงน่าจะมีการวางแผนล่วงหน้า เพราะบิ๊กแบ็กลูกหนึ่งหนักประมาณ 1 ตัน ซึ่งจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ต้องขอเวลาสอบสวนก่อน
"จากการคำนวณปริมาณรถ เบื้องต้นหนักคันละประมาณ 30 ตัน นำมาหารกับจำนวนมันเส้น ต้องมี 200-300 คัน เดี๋ยวจะไล่สอบดูจะได้รู้ว่ารถวิ่งเข้ามาเทท่าไหร่ ถ้าแค่ 20 คันแล้วอีก 180 คันวิ่งไปที่อื่นหรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาสักระยะ แต่ที่เห็นความเสียหายของรัฐค่อนข้างรุนแรง ที่ราชบุรีน่าจะประมาณ 120 ล้านบาท เพราะแค่ 3 โกดังมีมันเส้นหายไปกว่า 19,000 ตัน โดยนำมันเส้นออกไปขายแล้วนำแกลบมากองไว้แทนจำนวนมาก ถ้ารวม 5 จังหวัดจะเสียหายประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะนำเรียนอธิบดีดีเอสไอว่าน่าจะพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษได้"
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการอคส. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการทำรายงานเพลิงลุกไหม้ลักษณะเดียวกัน จึงแจ้งความไว้ทั้ง 5 จังหวัดที่มีโกดังเก็บมันเส้นของบริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด จำกัด เพราะมีการกระทำผิดเหมือนกัน ซึ่งมันเส้นที่มียังอยู่ยังนำไปใช้ได้โดยแยกแกลบออก แต่ก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าใช้ได้หรือไม่ และเหลือมันเส้นมูลค่าเท่าไหร่ ส่วนเรื่องทางคดีต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งหากเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอคงรับมาทำเองทั้ง 5 จังหวัด
"กระบวนการสอบสวนจะไล่มาตั้งแต่เมื่อมีการเริ่มขน วางของ ของเข้ามาใครดูแลบ้าง มีการทำความผิดต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รับรองว่าสอบสวนถึงหมด โดยจะมีหัวหน้าอคส.เป็นผู้รับผิดชอบ มีคณะกรรมการระดับจังหวัดกำกับดูแล"
ทั้งนี้ โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/ 2556 สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เปิดรับจำนำวันที่ 1 ธันวาคม 2555 เป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 10 ล้านตัน วงเงิน 3.98 หมื่นล้านบาท แปรรูปเป็นมันเส้นและแป้งมัน 8.4 ล้านตัน และผลิตเอทานอล 1.6 ล้านตัน
ต่อมา การประชุมครม.รักษาการ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 มีการพิจารณาข้อเสนอแนะของนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่าป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ปีการผลิต 2554/2555 และ 2555/2556 มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ อีกทั้งป.ป.ช.ได้ให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ศึกษาวิจัยมาตรการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังเพื่อป้องกันการทุจริต พบว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เกิดปัญหาการทุจริต สูญเสียงบประมาณจำนวนมาก ป.ป.ช.จึงเสนอให้ยกเลิกโครงการ เพราะสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดยข้อเสนอดังกล่าวไม่มีการแถลงต่อสื่อมวลชน
