xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.เล่นผิดฟอร์ม-เลิกขึงขัง ยืดคดีอาญา “ปู” หลังถอดถอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตระกูล วินิจนัยภาค
ผ่าประเด็นร้อน

จนแล้วจนรอด ปีนี้ ก็ไม่มีข่าวร้ายส่งท้ายปีให้กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อท้ายที่สุดแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมโอนอ่อนให้กับฝ่ายอัยการ ด้วยการยอมประนีประนอม ไม่ได้เร่งรัดให้ฝ่ายอัยการรีบกำหนดนัดประชุมคณะทำงานร่วมสองฝ่าย คือ อัยการ กับ ป.ป.ช. ในสำนวนคดีอาญาที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ระงับยับยั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จนส่งผลเสียต่อรัฐ

จากที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ทำขึงขัง บอกต้องรู้คำตอบภายในธันวาคมนี้ว่าอัยการสูงสุดจะฟ้องคดีต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯ หรือไม่ โดย ป.ป.ช. ขีดเส้นว่า ยังไงเสียจะต้องกำหนดนัดประชุมชี้ขาดให้ได้ข้อยุติให้ได้ก่อน 16 ธ.ค. เพื่อให้ได้ข้อสรุปกันเสียที ช้ามานานแล้ว ครั้งพอผ่าน 16 ธ.ค. มา ก็บอกว่ายังไงต้องนัดประชุมกันไม่เกินสิ้นเดือนนี้

แต่ล่าสุดประธาน ป.ป.ช. ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ออกมาบอกแล้ว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คณะทำงานไม่สามารถกำหนดนัดประชุมกันได้ ต้องรอไปถึงปีหน้าฟ้าใหม่ ค่อยมาว่ากันอีกที ขณะที่คนในสำนักงาน ป.ป.ช. เองก็บอกว่า คณะทำงานร่วมอัยการ กับ ป.ป.ช. อาจต้องประชุมกันอีกประมาณสองนัด โดยเวลาที่ระบุออกมาเบื้องต้นตอนนี้ ประธาน ป.ป.ช. คาดหมายว่า อาจจะขอนัดประชุมคณะทำงานร่วมสองฝ่ายประมาณ 7 หรือ 14 มกราคม 58 และบอกว่า แล้วแต่อัยการจะสะดวกวันไหน ก็เอาวันนั้น ก็หมายถึงว่า หากอัยการไม่สะดวก ยังไม่อยากประชุม 7 หรือ 14 ม.ค. ก็อาจไม่มีการประชุมก็ได้

หากพิจารณาการประชุมนัดล่าสุดก่อนหน้านี้ คือ 7 พ.ย. 57 หากมีการประชุมกันจริงในช่วง 7 หรือ 14 ม.ค. ปีหน้า ก็หมายถึงว่า เฉลี่ยแล้ว คณะทำงานจะประชุมกันประมาณสองเดือนต่อครั้ง หาก ป.ป.ช. มองว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกว่ามันช้าอะไร ก็หมายถึงว่าถ้าประชุมกัน 7 หรือ 14 ม.ค. จากนั้นก็เว้นไปอีกประมาณ 1 เดือน คือเร็วที่สุดหรืออีกประมาณ 2 เดือนไปเลย ถึงค่อยมาประชุมกันอีกนัด ประชุมนัดที่สองในปีหน้า ก็จะอยู่ที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือไม่ก็ไปมีนาคมเลย

สมมติว่าเป็นไปตามนี้ โดย ป.ป.ช. ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร ปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็เป็นไปได้ที่การประชุมร่วม อาจเกิดขึ้นมากกว่าสองครั้งก็เป็นไปได้

หากเป็นแบบนี้ เผลอๆ เข้าช่วงมีนาคม 58 ไปแล้วก็อาจยังไม่รู้คำตอบเลยว่าสุดท้าย คดีทุจริตจำนำข้าวนี้อัยการจะเอาอย่างไร !!

ยิ่งลักษณ์ ก็ลั้ลลา ได้อีกนาน ยิ่งหากอัยการไม่ฟ้อง แล้วคดีส่งกลับไปยัง ป.ป.ช. ก็ต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการทำตามขั้นตอนต่างๆ เช่น จัดหาและว่าจ้างทีมทนายมาทำหน้าที่แทนอัยการ และก็ใช้เวลาในการร่างคำฟ้องอีก ก็อาจกินเวลาพอสมควร ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่กว่าคดีจะไปถึงศาลฎีกา ถ้า ป.ป.ช. ต้องฟ้องเอง ก็อาจหลังสงกรานต์ไปโน่นเลย !

ถ้าปล่อยให้ดำเนินไปตามขั้นตอนปกติ เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ดูตามนี้แล้ว ยิ่งลักษณ์ มีโอกาสพักกาย พักหายใจ แบบสบายๆ ได้พอสมควร อาจมีโอกาสยื่นขอเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปหาทักษิณได้อีกหลายรอบ ถ้า คสช. อนุญาต

และมีความเป็นไปได้สูงระดับหนึ่งที่กว่าจะรู้ผลว่าคดีอาญา ว่า ตกลงอัยการสูงสุดจะลงนามสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์หรือไม่ หรือตกลงว่า ป.ป.ช. อาจต้องฟ้องคดีเอง ก็อาจเกิดขึ้นหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นัดลงมติคดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว เนื่องจาก สนช. ได้นัดหมายแถลงเปิดสำนวนคดีถอดถอนยิ่งลักษณ์นัดแรก กันในต้นปีหน้าคือวันที่ 9 มกราคม 58 ซึ่งหลังมีการแถลงเปิดสำนวนแล้ว ก็จะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 ถึง 45 วัน ในการให้กระบวนการถอดถอนดำเนินไปเรื่อยๆ แล้วก็จะต้องมีการนัดลงมติว่าสนช.จะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ที่ดูตามปฏิทินแล้วก็คาดว่าน่าจะไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์ 58 เป็นอย่างช้า ก็น่าจะนัดลงมติกันได้

ดังนั้น หาก ป.ป.ช. ไม่ไล่กวดให้อัยการอย่ายื้อคดียิ่งลักษณ์อีกในต้นปีหน้า ก็หมายถึงว่าเป็นไปได้แน่นอนที่กว่าจะรู้ผลว่าอัยการสูงสุดจะฟ้องยิ่งลักษณ์หรือให้ ป.ป.ช. ฟ้องเอง ก็จะเกิดขึ้นหลัง สนช. นัดลงมติถอดถอนคดียิ่งลักษณ์ไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าผิดคาดไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ใครต่อใครคาดหมายว่า คดีอาญาในชั้นอัยการสูงสุด จะได้ข้อยุติก่อนสนช. จะลงมติสำนวนยิ่งลักษณ์ มาถึงตอนนี้ อาจพลิกกลับเสียแล้ว ถ้า ป.ป.ช. ยังปล่อยให้คดีเดินไปอย่างกับเต่าคลานแบบนี้

หลายคนดูจะสงสัยกันไม่น้อยว่า ไฉน ป.ป.ช. โอนอ่อนให้กับฝ่ายอัยการมากขนาดนี้ ถือว่าผิดฟอร์มไปมากพอสมควร จากเดิมที่ท่าทีแข็งกร้าวใส่อัยการว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบทำได้ ป.ป.ช. ไม่ว่าอะไร แต่ขออัยการอย่ามาประวิงเวลา เพระสำนวนที่ส่งให้สมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว แต่ท่าทีวันนี้ ป.ป.ช. กลับลดโทนลงไปมาก

จึงมีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่ ป.ป.ช. ดูจะประนีประนอมกับอัยการมากขึ้น อาจเกิดขึ้นหลังจากผู้บริหารสองหน่วยงานนี้ ไปจับเข่าพูดคุยกันในการประชุมประจำปีของสองสำนักงานดังกล่าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วก็ได้ข้อยุติในการหารือร่วมกันมา มีประเด็นใหญ่ๆ คือ

1. จะมีแนวทางและความร่วมมือในการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ เพื่อลดปัญหาข้อไม่สมบูรณ์ เพราะหากต่างฝ่ายต่างทำจะเกิดปัญหาเหมือนกับที่ผ่านมา ดังนั้น อัยการจะต้องมาร่วมไต่สวนกับ ป.ป.ช. ตั้งแต่ต้น

2. การรวบรวมพยานหลักฐานของคณะทำงานฝ่าย อสส. และ ป.ป.ช. การประชุมวันดังกล่าว ป.ป.ช. เสนอว่าอยากให้การตั้งข้อไม่สมบูรณ์เอาเฉพาะประเด็นหลักและสำคัญ และเมื่อตั้งมาแล้ว ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการตามที่ตัวแทนฝ่าย อสส.แจ้งมาหรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของดุลพินิจของผู้แทนแต่ละฝ่ายพิจารณาว่าข้อใดบ้างที่รับได้และทำร่วมกัน ส่วนตรงไหนรับไม่ได้ ให้ดูเป็นรายกรณีตามที่คณะทำงานร่วมเห็นสมควร

ประเด็นข้างต้นคือ หัวข้อหลักๆ ในการพูดคุยกันดังกล่าว ซึ่งจะว่าไปแล้ว เรื่องการจูนความเห็นให้การทำงานเดินไปด้วยดีแบบนี้โดยเฉพาะกับหน่วยงานราชการด้วยกันเอง ที่ไม่ควรขัดแย้งกัน ใครต่อใครก็สนับสนุน เพียงแต่รูปคดียิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมา ป.ป.ช. แสดงความมั่นใจมาตลอดว่าสำนวนแน่นหนาทั้งคดีอาญาและคดีถอดถอน ไม่จำเป็นต้องมาสอบสวนเพิ่มเติมหรือหาพยานหลักฐานอะไรกันอีกแล้วอย่างที่อัยการเรียกร้องมาตลอด แล้วทำไมจู่ๆ จึงยอมให้อัยการยื้อคดีไปได้อีก นี้แหละที่หลายคนยังคาใจ

ก็ได้แต่หวังว่า เริ่มต้นกันใหม่ปีหน้า ป.ป.ช. คงเร่งคดีให้เร็วขึ้นอีกสักหน่อยก็ยังดี ไม่ใช่ปล่อยให้ค้างคากันไม่จบไม่สิ้นแบบนี้
และหวังว่า ป.ป.ช. จะไม่เปลี่ยนหลักการที่เคยยืนยันไว้ก่อนหน้านี้ เช่น จะไม่เรียกพยานบุคคลอีกจำนวนมากมาสอบเพิ่มเติมตามที่อัยการต้องการ เพราะหากทำ ก็อาจทำให้คดียืดเยื้อออกไปอีกนานพอสมควร อีกทั้ง ถ้า ป.ป.ช. ยอมตามที่อัยการร้องขอแบบ ป.ป.ช. แจงเหตุผลไม่ได้ เชื่อได้ว่า กระแสประชาชนที่จะไม่พอใจ ป.ป.ช. คงเกิดขึ้นแน่นอน

ยิ่งตอนนี้ยังคงมีการเปิดแผลความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวออกมาต่อเนื่อง เช่น ล่าสุดที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เปิดเผยหลังการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จากการประมาณการในโครงการรับจำนำข้าว 4 โครงการ หากขายข้าวทั้งหมดแล้วจะขาดทุนที่ประมาณ 6.8 แสนล้านบาท หลังจากนี้ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินคดีต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญา เป็นต้น

เสียหายกันมากมายขนาดนี้ หากปล่อยให้คนที่เกี่ยวข้องลอยนวล หรือกว่าจะมารับผิดชอบได้ มันติดขัดและชักช้ากันแบบนี้ สังคมจะรับไม่ได้
ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น