**ลือสนั่น“กองทัพ”เขย่า“เมืองไทย”กันตั้งแต่ต้นปี สำหรับข่าวคราว บิ๊กกองทัพไฟเขียวให้ “3 นายพล”ที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีลาออกจากราชการ เพื่อให้ตำแหน่งทางราชการว่างลง เปิดทางให้แคนดิเดตในกองทัพบางคนแต่งตัวรอเป็น“ผู้บังคับบัญชา”
เพราะในช่วงปลายปี 2558 จะมี “ผู้บังคับบัญชา”เกษียณอายุราชการกันเกือบทุกตำแหน่ง ข่าวปล่อยเพื่อหวังผลทำลายล้าง“คู่แคนดิเดต” จึงเริ่มเร็วเป็นพิเศษ
ไล่ตั้งแต่ "บิ๊กบี้" พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) ปลัดกระทรวงกลาโหม "บิ๊กตี๋" พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด "บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) ผู้บัญชาการทหารบก “บิ๊กตั้ม" พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ (ตท.13) ผู้บัญชาการทหารเรือ ทั้งหมดเกษียณอายุราชการปลายเดือนกันยายน 2558 โดยทั้ง 4 นายอยู่ในตำแหน่งคนละ 1 ปีเท่านั้น มีเพียง“บิ๊กตู่”พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ คนเดียวที่เกษียณอายุราชการในปี 2559
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เพียงแค่วันแรกของปีแพะ ข่าวใหญ่เรื่องการลาออกจากกองทัพของ“3 นายพล”สะพัดออกมา
ตัวละครในท้องเรื่องประกอบด้วย “บิ๊กนมชง " พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ รอง ผบ.ทบ. “บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ รอง ผบ.สส. "บิ๊กน้อย" พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา
**โดยทั้ง “3 นายพล”ถูกมองว่าต้องทำงานหนัก อาจจะทำให้งานที่ทำออกมาไม่ได้ดี จึงคิดปลดออกจากตำแหน่งทางราชการ แต่หากดูรายชื่อแล้วเป้าหมายเดียวให้โฟกัสไปที่ตำแหน่ง“รอง ผบ.ทบ.”ตำแหน่งอื่นอาจจะแค่ปล่อยข่าวหลอก เพราะหากเจาะจงเกินไป จะทำให้ดูไม่เนียนตา
ซึ่งมองตามเหลี่ยมคูแล้ว ใครบางคนคงอยากให้ “น้องรัก”ในสายของตัวเองเข้าไลน์ตำแหน่ง “รอง ผบ.ทบ.”เสียก่อนเพื่อแต่งตัวขึ้นตำแหน่งยอดสุดของเหล่าทัพ เพราะหากเข้าไลน์ได้ ภาษีคงจะดูดีกว่า “คู่แข่ง”ไม่ใช่น้อย โอกาสที่ได้นั่งตำแหน่ง“ผบ.ทบ.”ก็มากขึ้นเป็นกอง
เมื่อโฟกัสหลักโยงไปที่กองทัพบก คู่แข่งที่เบียดเสียดกันสู่สีมากที่สุด หนีไม่พ้น “บิ๊กหมู”พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.14) กับ “บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.15) น้องชายสุดเลิฟของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หมากเกมนี้คงอยากมีคนวัดใจว่า หากได้รับการผลักดันให้เข้าไลน์รอง ผบ.ทบ.ได้ก่อน จะมีภาษีขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ค่อนข้างแน่นอน จึงมีการปล่อยข่าว เพื่อ“ฆ่าตัดตอน”กันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะเมื่อหากไล่สายสัมพันธ์กันแล้ว“บิ๊กติ๊ก”ไม่ได้อยู่ในสายทหารบูรพาพยัคฆ์ ที่มี“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ดัน“น้องรัก”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. มาแล้ว 3 คน
“บิ๊กติ๊ก”เติบโตมาจาก“ทัพภาค 3”ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. แบบรวดเร็ว เพราะ“นายกฯตู่”ในฐานะพี่ชายก็ต้องให้การสนับสนุน“น้องชาย”หัวแก้วหัวแหวนคนนี้ได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตอยู่แล้ว
**จุดอ่อนของ“บิ๊กติ๊ก”คือไม่มีสายสัมพันธ์แบบพี่น้องกับ บูรพาพยัคฆ์ แต่ที่ผ่านมาพยายามเสียบเข้าไปใน“กลุ่มน้องรัก”ของ“บิ๊กป้อม”อยู่หลายครั้ง บางครั้งหลุดวง หลายครั้งเข้าวงติด แถมการที่ “บิ๊กติ๊ก”เป็นน้องชาย “บิ๊กตู่”ก็มีใครบางคนไปพูดจาว่าเกรงกลัวจะโดนย้อนศร สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง“พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร”นั่ง ผบ.ทบ. จากนี้ต้องติดตามว่า“บิ๊กติ๊ก”จะแก้เกมอย่างไร
แต่คนที่ถูกจับตามองแล้วว่าเป็นคนปล่อยข่าวถูกโฟกัสไปที่ “บิ๊กหมู”เพราะหากไล่เรียงผู้ได้รับประโยชน์ของข่าวปล่อยเขย่า “กองทัพ”คงจะมีชื่อ“บิ๊กหมู”อยู่ด้วยแน่นอน เพราะ“บิ๊กติ๊ก”แม้ไม่ใช่สายเลือด“บูรพาพยัคฆ์”แต่ก็มีชื่อเป็นเต็งหนึ่งนั่งตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาตลอด
แต่หากไม่ใช่ฝีมือของ“บิ๊กหมู”ก็คงเป็นฝีมือของ“พี่เลิฟ”ของ “บิ๊กหมู”ที่ต้องการให้ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ครองอำนาจสืบต่อไปอีก เพื่อคอยค้ำยันบารมีของตัวเองให้คงอยู่ เพื่อต่อรองตำแหน่งใหญ่กว่าในอนาคต ก็เป็นได้
สูตรของการแก้ไขปัญหา หากคนใดคนหนึ่งระหว่าง“บิ๊กติ๊ก” กับ “บิ๊กหมู”อกหัก คือ การตอบแทนให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่กว่า หรือเท่าเทียบกัน จับตาไปที่ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งอาจจะถูกใช้เป็นตำแหน่งสำรอง เพื่อรองรับให้คนอกหักได้พักบ้านนี้
แถมยังมีตำแหน่ง ผบ.สส. ว่างให้รอเสียบอีกหนึ่งตำแหน่ง แม้“พล.อ.วรพงษ์”จะมีเด็กในคาถาให้สืบทอดอำนาจอยู่แล้ว แต่หาก“พี่ป้อม-พี่ตู่” ขอมาคงไม่มีปัญหา พร้อมจะหลีกทางให้ทุกเมื่อ
**แต่หากอ่านใจ“บิ๊กป้อม”ชั่วโมงนี้คงอยากจะให้“บิ๊กหมู”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. มากกว่า “บิ๊กติ๊ก”เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็น“น้อง”ที่คลานตามกันมา รู้ไส้รู้พุง รู้นิสัยใจคอกันทั้งหมด
ที่สำคัญระยะหลังความสัมพันธ์ระหว่าง“บิ๊กตู่”กับ “บิ๊กป้อม”แม้ภาพที่แสดงออกมายังเห็นว่ารักใคร่กันอย่างดี แต่ในใจลึกๆ แล้วยากที่จะประสานให้ปมร้าวคลี่คลายลงได้ โดยเฉพาะกรณีที่“บิ๊กป้อม”ลักไก่ชงชื่อ “น้องตั๊น”น.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร แกนนำ กปปส.คนสวย ให้ “บิ๊กตู่”ลงนามตั้งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
การคัดเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่ ในช่วงปลายปี 2558 จึงถูกแบ่ง 2 สาย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทั้ง “บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”ต่างก็ต้องเสนอคนที่ตัวเองใกล้ชิดมากที่สุด และเชื่อใจมากที่สุดอยู่แล้ว
ถึงเวลานั้นคงต้องรอดูว่า อาการกินแหนงแคลงใจระหว่าง“บิ๊กตู่”กับ “บิ๊กป้อม”จะเพิ่มพูนหรือลดน้องลงมากเพียงใด หากก่อนถึงห้วงเวลาของการโยกย้าย “บิ๊กป้อม”สอดไส้อะไรแปลกๆ มาอีก มีหวังได้ทะเลาะกับ“บิ๊กตู่”อีกแน่
แต่หาก“บิ๊กป้อม”ยอมลดราวาศอก ไม่คิดถึงแต่ตัวเองบ้าง ไม่แน่ว่า “บิ๊กตู่”อาจลืมความหลังกลับมารัก“บิ๊กป้อม”หมดหัวใจเหมือนเดิมก็เป็นได้
ระหว่างศึก 2 สาย คนที่ลำบากใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “พล.อ.อุดมเดช”ที่ต้องเป็นคนเสนอชื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ ให้ “บิ๊กป้อม”พิจารณาก่อนที่ “บิ๊กตู่”จะลงนามขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งถือว่า“วัดใจ”กันพอสมควร ชั่วโมงนี้ “บิ๊กโด่ง”คงภาวนาให้ชื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ ถูกเคาะจากความเห็นชอบจาก 2 พี่สุดเลิฟ เป็นชื่อเดียวกันมากที่สุด
เพราะไม่เช่นนั้น“บิ๊กโด่ง”คงอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากที่สุดคนหนึ่ง
**จับตารอช่วงปลายปี 2558 ว่าใครจะเข้าวินระหว่าง“บิ๊กหมู”กับ “บิ๊กติ๊ก”โดยมีสายสัมพันธ์ของตระกูล“บูรพาพยัคฆ์”เป็นเดิมพัน
เพราะในช่วงปลายปี 2558 จะมี “ผู้บังคับบัญชา”เกษียณอายุราชการกันเกือบทุกตำแหน่ง ข่าวปล่อยเพื่อหวังผลทำลายล้าง“คู่แคนดิเดต” จึงเริ่มเร็วเป็นพิเศษ
ไล่ตั้งแต่ "บิ๊กบี้" พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) ปลัดกระทรวงกลาโหม "บิ๊กตี๋" พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด "บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) ผู้บัญชาการทหารบก “บิ๊กตั้ม" พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ (ตท.13) ผู้บัญชาการทหารเรือ ทั้งหมดเกษียณอายุราชการปลายเดือนกันยายน 2558 โดยทั้ง 4 นายอยู่ในตำแหน่งคนละ 1 ปีเท่านั้น มีเพียง“บิ๊กตู่”พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ คนเดียวที่เกษียณอายุราชการในปี 2559
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เพียงแค่วันแรกของปีแพะ ข่าวใหญ่เรื่องการลาออกจากกองทัพของ“3 นายพล”สะพัดออกมา
ตัวละครในท้องเรื่องประกอบด้วย “บิ๊กนมชง " พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ รอง ผบ.ทบ. “บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ รอง ผบ.สส. "บิ๊กน้อย" พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา
**โดยทั้ง “3 นายพล”ถูกมองว่าต้องทำงานหนัก อาจจะทำให้งานที่ทำออกมาไม่ได้ดี จึงคิดปลดออกจากตำแหน่งทางราชการ แต่หากดูรายชื่อแล้วเป้าหมายเดียวให้โฟกัสไปที่ตำแหน่ง“รอง ผบ.ทบ.”ตำแหน่งอื่นอาจจะแค่ปล่อยข่าวหลอก เพราะหากเจาะจงเกินไป จะทำให้ดูไม่เนียนตา
ซึ่งมองตามเหลี่ยมคูแล้ว ใครบางคนคงอยากให้ “น้องรัก”ในสายของตัวเองเข้าไลน์ตำแหน่ง “รอง ผบ.ทบ.”เสียก่อนเพื่อแต่งตัวขึ้นตำแหน่งยอดสุดของเหล่าทัพ เพราะหากเข้าไลน์ได้ ภาษีคงจะดูดีกว่า “คู่แข่ง”ไม่ใช่น้อย โอกาสที่ได้นั่งตำแหน่ง“ผบ.ทบ.”ก็มากขึ้นเป็นกอง
เมื่อโฟกัสหลักโยงไปที่กองทัพบก คู่แข่งที่เบียดเสียดกันสู่สีมากที่สุด หนีไม่พ้น “บิ๊กหมู”พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.14) กับ “บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.15) น้องชายสุดเลิฟของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หมากเกมนี้คงอยากมีคนวัดใจว่า หากได้รับการผลักดันให้เข้าไลน์รอง ผบ.ทบ.ได้ก่อน จะมีภาษีขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ค่อนข้างแน่นอน จึงมีการปล่อยข่าว เพื่อ“ฆ่าตัดตอน”กันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะเมื่อหากไล่สายสัมพันธ์กันแล้ว“บิ๊กติ๊ก”ไม่ได้อยู่ในสายทหารบูรพาพยัคฆ์ ที่มี“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ดัน“น้องรัก”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. มาแล้ว 3 คน
“บิ๊กติ๊ก”เติบโตมาจาก“ทัพภาค 3”ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. แบบรวดเร็ว เพราะ“นายกฯตู่”ในฐานะพี่ชายก็ต้องให้การสนับสนุน“น้องชาย”หัวแก้วหัวแหวนคนนี้ได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตอยู่แล้ว
**จุดอ่อนของ“บิ๊กติ๊ก”คือไม่มีสายสัมพันธ์แบบพี่น้องกับ บูรพาพยัคฆ์ แต่ที่ผ่านมาพยายามเสียบเข้าไปใน“กลุ่มน้องรัก”ของ“บิ๊กป้อม”อยู่หลายครั้ง บางครั้งหลุดวง หลายครั้งเข้าวงติด แถมการที่ “บิ๊กติ๊ก”เป็นน้องชาย “บิ๊กตู่”ก็มีใครบางคนไปพูดจาว่าเกรงกลัวจะโดนย้อนศร สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง“พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร”นั่ง ผบ.ทบ. จากนี้ต้องติดตามว่า“บิ๊กติ๊ก”จะแก้เกมอย่างไร
แต่คนที่ถูกจับตามองแล้วว่าเป็นคนปล่อยข่าวถูกโฟกัสไปที่ “บิ๊กหมู”เพราะหากไล่เรียงผู้ได้รับประโยชน์ของข่าวปล่อยเขย่า “กองทัพ”คงจะมีชื่อ“บิ๊กหมู”อยู่ด้วยแน่นอน เพราะ“บิ๊กติ๊ก”แม้ไม่ใช่สายเลือด“บูรพาพยัคฆ์”แต่ก็มีชื่อเป็นเต็งหนึ่งนั่งตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาตลอด
แต่หากไม่ใช่ฝีมือของ“บิ๊กหมู”ก็คงเป็นฝีมือของ“พี่เลิฟ”ของ “บิ๊กหมู”ที่ต้องการให้ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ครองอำนาจสืบต่อไปอีก เพื่อคอยค้ำยันบารมีของตัวเองให้คงอยู่ เพื่อต่อรองตำแหน่งใหญ่กว่าในอนาคต ก็เป็นได้
สูตรของการแก้ไขปัญหา หากคนใดคนหนึ่งระหว่าง“บิ๊กติ๊ก” กับ “บิ๊กหมู”อกหัก คือ การตอบแทนให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่กว่า หรือเท่าเทียบกัน จับตาไปที่ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งอาจจะถูกใช้เป็นตำแหน่งสำรอง เพื่อรองรับให้คนอกหักได้พักบ้านนี้
แถมยังมีตำแหน่ง ผบ.สส. ว่างให้รอเสียบอีกหนึ่งตำแหน่ง แม้“พล.อ.วรพงษ์”จะมีเด็กในคาถาให้สืบทอดอำนาจอยู่แล้ว แต่หาก“พี่ป้อม-พี่ตู่” ขอมาคงไม่มีปัญหา พร้อมจะหลีกทางให้ทุกเมื่อ
**แต่หากอ่านใจ“บิ๊กป้อม”ชั่วโมงนี้คงอยากจะให้“บิ๊กหมู”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. มากกว่า “บิ๊กติ๊ก”เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็น“น้อง”ที่คลานตามกันมา รู้ไส้รู้พุง รู้นิสัยใจคอกันทั้งหมด
ที่สำคัญระยะหลังความสัมพันธ์ระหว่าง“บิ๊กตู่”กับ “บิ๊กป้อม”แม้ภาพที่แสดงออกมายังเห็นว่ารักใคร่กันอย่างดี แต่ในใจลึกๆ แล้วยากที่จะประสานให้ปมร้าวคลี่คลายลงได้ โดยเฉพาะกรณีที่“บิ๊กป้อม”ลักไก่ชงชื่อ “น้องตั๊น”น.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร แกนนำ กปปส.คนสวย ให้ “บิ๊กตู่”ลงนามตั้งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
การคัดเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่ ในช่วงปลายปี 2558 จึงถูกแบ่ง 2 สาย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทั้ง “บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”ต่างก็ต้องเสนอคนที่ตัวเองใกล้ชิดมากที่สุด และเชื่อใจมากที่สุดอยู่แล้ว
ถึงเวลานั้นคงต้องรอดูว่า อาการกินแหนงแคลงใจระหว่าง“บิ๊กตู่”กับ “บิ๊กป้อม”จะเพิ่มพูนหรือลดน้องลงมากเพียงใด หากก่อนถึงห้วงเวลาของการโยกย้าย “บิ๊กป้อม”สอดไส้อะไรแปลกๆ มาอีก มีหวังได้ทะเลาะกับ“บิ๊กตู่”อีกแน่
แต่หาก“บิ๊กป้อม”ยอมลดราวาศอก ไม่คิดถึงแต่ตัวเองบ้าง ไม่แน่ว่า “บิ๊กตู่”อาจลืมความหลังกลับมารัก“บิ๊กป้อม”หมดหัวใจเหมือนเดิมก็เป็นได้
ระหว่างศึก 2 สาย คนที่ลำบากใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “พล.อ.อุดมเดช”ที่ต้องเป็นคนเสนอชื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ ให้ “บิ๊กป้อม”พิจารณาก่อนที่ “บิ๊กตู่”จะลงนามขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งถือว่า“วัดใจ”กันพอสมควร ชั่วโมงนี้ “บิ๊กโด่ง”คงภาวนาให้ชื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ ถูกเคาะจากความเห็นชอบจาก 2 พี่สุดเลิฟ เป็นชื่อเดียวกันมากที่สุด
เพราะไม่เช่นนั้น“บิ๊กโด่ง”คงอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากที่สุดคนหนึ่ง
**จับตารอช่วงปลายปี 2558 ว่าใครจะเข้าวินระหว่าง“บิ๊กหมู”กับ “บิ๊กติ๊ก”โดยมีสายสัมพันธ์ของตระกูล“บูรพาพยัคฆ์”เป็นเดิมพัน