00 ออกมาสยบข่าวกันแบบทันควันสำหรับ รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ยืนยันว่า ไม่มี " 3 นายพลเอก" ลาออกก่อนเกษียณเพื่อไปทำหน้าที่รมต.เพียงเก้าอี้เดียว โดยยืนยันชัดว่าไม่มีเรื่องแบบนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้คนที่ "ปล่อย" เรื่องนี้ออกมาให้หยุดทันที นั่นก็หมายความว่า จะไม่มีการตบเท้าลาออกก่อนอย่างแน่นอน
00 สำหรับ 3 นายพล ที่ตกเป็นข่าวในช่วงใกล้สิ้นปีก่อนว่าจะลาออกจากตำแหน่งในกองทัพ แล้วจะไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองตามตำแหน่งในเส้นทางการเมืองจนจบรายการ เพื่อเปิดทางให้น้องๆได้ขยับขึ้นมาบ้าง ก็คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รอง ผบ.สส.และรมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ.และรมว.พาณิชย์ พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ หัวหน้านายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา ทบ. และ รมช.ศึกษาฯ โดยตำแหน่งที่น่าจับตาก็คือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผช.ผบ.ทบ. ตามข่าวก่อนหน้านี้บอกว่า 2 คนหลังนี่แหละจะชิงดำกันเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. จ่อคิว ผบ.ทบ.คนต่อไป อย่างไรก็ดี เมื่อมีการปฏิเสธออกมาอย่างเด็ดขาดขาดว่าไม่มีเรื่องทำนองนี้ มันก็คงไม่มีตามที่ยืนยันออกมา
00 แต่คำถามก็คือ นี่คือ "รายงานข่าว" ที่ออกมาจากแหล่งเดียวกัน ที่ส่งต่อมาถึงสื่อแล้วนำเสนอตามสื่อแบบ "พูล" ออกมาพร้อมเพรียงกันหลายฉบับ ตามรายงานข่าวดังกล่าวยังระบุว่า "มีแรงกดดันภายใน" ให้ 3 นายพลทิ้งเก้าอี้ในกองทัพ เพื่อไปทำหน้าที่ฝ่ายการเมือง คือ เป็นรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่ต้องกดดันให้ออกไป เพราะว่าที่ผ่านมาการนั่งควบเก้าอี้ ทำให้งานในกองทัพ "หยุดชะงัก" ทำให้ระบบรวนไปหมด อะไรทำนองนี้
00 มองตามเกมแล้วงานนี้ทำเอาป่วนเหมือนกัน เพราะการที่มีรายงานแบบนี้ออกมา ก็อธิบายให้เห็นภาพอยู่แล้วว่า "ข้างในย่อมมีคลื่น" ก็เหมือนอย่างที่ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่แม้ว่าจะนั่งควบเก้าอี้ รมช.กลาโหม แต่ก็ไม่มีชื่อในข่าว ได้ย้ำเสียงเข้มว่า "อย่าทำให้เกิดคลื่น" เพราะจะทำให้เรือไปถึงเป้าหมายได้ช้า ส่วนใครจะก่อคลื่น หรือว่าใครปล่อยออกมานั้น ต้องไปสืบสาวราวเรื่องเอาเอง แต่เอาเป็นว่า "ผิดปกติ" แน่นอน
00 ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหากจำกันได้ ก็มีเสียงเตือนแบบลอยลมมาจาก "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ว่า ให้ระวังปฏิวัติซ้อนตามมา ซึ่งสำหรับคนๆนี้ แม้ว่าหลายเรื่องจะฟังไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หากเขาพูดน้อย และคำพูดช่วงแรกๆ ออกมานั่นแหละพอจะนำไปพิจารณาได้บ้าง ซึ่งตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า "ไม่มีทาง" ทำนองว่า ถ้าเขาไม่ทำแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นมีศักยภาพทำได้แน่นอน เรื่องก็เงียบไป จน กระทั่งมีรายงาน 3 นายพล ที่ว่าออกมาทำให้หลายคนต้องหูผึ่งกันอีก แม้ว่าจะนำทั้งสองเรื่องมาโยงกันไม่ได้ แต่ความหมายก็คือ มัน "ยังมีคลื่นอยู่ข้างใน" !!
00 แม้ว่ามองเผินๆ อาจไม่ใช่เป็นประเด็นที่น่าสนใจ จากคำพูดของ รองนายกฯด้านความมั่นคง และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ระบุออกมาเองว่า ที่ผ่านมา "เงินยังลงไปไม่ถึงชาวบ้าน" แม้ว่าเวลานี้ความมั่นคงดีแล้ว แต่ความหมายที่ต้องการสื่อออกไปก็คือ การกระจายเงินลงไปต้องเร็ว แล้วถึงมือคนข้างล่างด้วย มันถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี สอดคล้องกับ "เซียนการเมือง" อย่าง บัญญัติ บรรทัดฐาน จาก ปชป. ที่ย้ำว่า แม้ว่าการเมืองมั่นคง แต่ต้องควบคู่กับ เรื่องเศรษฐกิจปากท้องด้วย ถ้าอย่างหลังมีปัญหาจนเกิดความเครียดสะสม มันก็อาจระเบิดได้ ซึ่งก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้เริ่มต้นขึ้นมาปีใหม่พวกสินค้าประเภทอาหารเริ่มพาเหรดปรับราคากันยกใหญ่ ข้าวผัดที่เคยขายกล่องละ 30 บาท (หายาก) ก็ปรับขึ้นพรวดเดียวเป็นกล่องละ 40 บาทเรียบร้อยแหล๋ว นะลุงตู่ !!
00 สำหรับ 3 นายพล ที่ตกเป็นข่าวในช่วงใกล้สิ้นปีก่อนว่าจะลาออกจากตำแหน่งในกองทัพ แล้วจะไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองตามตำแหน่งในเส้นทางการเมืองจนจบรายการ เพื่อเปิดทางให้น้องๆได้ขยับขึ้นมาบ้าง ก็คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รอง ผบ.สส.และรมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ.และรมว.พาณิชย์ พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ หัวหน้านายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา ทบ. และ รมช.ศึกษาฯ โดยตำแหน่งที่น่าจับตาก็คือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผช.ผบ.ทบ. ตามข่าวก่อนหน้านี้บอกว่า 2 คนหลังนี่แหละจะชิงดำกันเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. จ่อคิว ผบ.ทบ.คนต่อไป อย่างไรก็ดี เมื่อมีการปฏิเสธออกมาอย่างเด็ดขาดขาดว่าไม่มีเรื่องทำนองนี้ มันก็คงไม่มีตามที่ยืนยันออกมา
00 แต่คำถามก็คือ นี่คือ "รายงานข่าว" ที่ออกมาจากแหล่งเดียวกัน ที่ส่งต่อมาถึงสื่อแล้วนำเสนอตามสื่อแบบ "พูล" ออกมาพร้อมเพรียงกันหลายฉบับ ตามรายงานข่าวดังกล่าวยังระบุว่า "มีแรงกดดันภายใน" ให้ 3 นายพลทิ้งเก้าอี้ในกองทัพ เพื่อไปทำหน้าที่ฝ่ายการเมือง คือ เป็นรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่ต้องกดดันให้ออกไป เพราะว่าที่ผ่านมาการนั่งควบเก้าอี้ ทำให้งานในกองทัพ "หยุดชะงัก" ทำให้ระบบรวนไปหมด อะไรทำนองนี้
00 มองตามเกมแล้วงานนี้ทำเอาป่วนเหมือนกัน เพราะการที่มีรายงานแบบนี้ออกมา ก็อธิบายให้เห็นภาพอยู่แล้วว่า "ข้างในย่อมมีคลื่น" ก็เหมือนอย่างที่ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่แม้ว่าจะนั่งควบเก้าอี้ รมช.กลาโหม แต่ก็ไม่มีชื่อในข่าว ได้ย้ำเสียงเข้มว่า "อย่าทำให้เกิดคลื่น" เพราะจะทำให้เรือไปถึงเป้าหมายได้ช้า ส่วนใครจะก่อคลื่น หรือว่าใครปล่อยออกมานั้น ต้องไปสืบสาวราวเรื่องเอาเอง แต่เอาเป็นว่า "ผิดปกติ" แน่นอน
00 ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหากจำกันได้ ก็มีเสียงเตือนแบบลอยลมมาจาก "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ว่า ให้ระวังปฏิวัติซ้อนตามมา ซึ่งสำหรับคนๆนี้ แม้ว่าหลายเรื่องจะฟังไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หากเขาพูดน้อย และคำพูดช่วงแรกๆ ออกมานั่นแหละพอจะนำไปพิจารณาได้บ้าง ซึ่งตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า "ไม่มีทาง" ทำนองว่า ถ้าเขาไม่ทำแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นมีศักยภาพทำได้แน่นอน เรื่องก็เงียบไป จน กระทั่งมีรายงาน 3 นายพล ที่ว่าออกมาทำให้หลายคนต้องหูผึ่งกันอีก แม้ว่าจะนำทั้งสองเรื่องมาโยงกันไม่ได้ แต่ความหมายก็คือ มัน "ยังมีคลื่นอยู่ข้างใน" !!
00 แม้ว่ามองเผินๆ อาจไม่ใช่เป็นประเด็นที่น่าสนใจ จากคำพูดของ รองนายกฯด้านความมั่นคง และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ระบุออกมาเองว่า ที่ผ่านมา "เงินยังลงไปไม่ถึงชาวบ้าน" แม้ว่าเวลานี้ความมั่นคงดีแล้ว แต่ความหมายที่ต้องการสื่อออกไปก็คือ การกระจายเงินลงไปต้องเร็ว แล้วถึงมือคนข้างล่างด้วย มันถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี สอดคล้องกับ "เซียนการเมือง" อย่าง บัญญัติ บรรทัดฐาน จาก ปชป. ที่ย้ำว่า แม้ว่าการเมืองมั่นคง แต่ต้องควบคู่กับ เรื่องเศรษฐกิจปากท้องด้วย ถ้าอย่างหลังมีปัญหาจนเกิดความเครียดสะสม มันก็อาจระเบิดได้ ซึ่งก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้เริ่มต้นขึ้นมาปีใหม่พวกสินค้าประเภทอาหารเริ่มพาเหรดปรับราคากันยกใหญ่ ข้าวผัดที่เคยขายกล่องละ 30 บาท (หายาก) ก็ปรับขึ้นพรวดเดียวเป็นกล่องละ 40 บาทเรียบร้อยแหล๋ว นะลุงตู่ !!
