ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ก่อนส่งท้ายปีเก่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้จัดหนักจัดเต็มใส่สื่อมวลชนอีก โดยคราวนี้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จนต้องฟาดงวงฟาดงาไปที่หนังสือพิมพ์ เอเอสทีวีผู้จัดการโดยตรง
ข้อหาที่โยนใส่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้คือ ด่ารัฐบาลอยู่ได้ ด่าจนทนไม่ได้ ถึงขั้นประกาศขู่ใช้กฎอัยการศึกปิดหนังสือพิมพ์เสียเลย
ตั้งแต่เป็นหัวหน้าคสช. กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นท่านผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ มีปัญหากระทบกระทั่งกับสื่อมวลชนโดยตลอด ไม่ว่าสื่อคนไหนก็เข้าหน้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ติด
พล.อ.ประยุทธ์มีความอดทนต่ำต่อคำถามของสื่อ ไม่พอใจคำถามเมื่อใด ระเบิดอารมณ์ใส่ทันที ถ้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็จะอารมณ์หงุดหงิด และเป็นคนที่ไม่เก็บอาการเสีย
ไม่พอใจอะไร จะแสดงออกทางสีหน้า ท่าทีและวาจา
เห็นพล.อ.ประยุทธ์เล่นงิ้วกับสื่อมวลชนบ่อยๆ เห็นแสดงอาการกริ้วจนตัวสั่น เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้อดนึกถึงเรื่องเล่าในหมู่นักธุรกิจ เพราะเรื่องเล่านี้อาจนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ได้
เรื่องที่นักธุรกิจบางกลุ่มมักนำมาเล่าสู่กันฟังคือ เรื่องของเจ้าสัวนายแบงก์คนหนึ่ง ซึ่งรูปร่างหน้าตาและหุ่นก็เหมือนเจ้าสัวทั่วไป อ้วนพุงพลุ้ย ไม่หล่อ ไม่แมน แต่รวยชนิดเกิดมาอีกสิบชาติก็ใช้ไม่หมด
เจ้าสัวนายแบงก์คนนี้เกิดไปติดนักร้องหญิงในภัตตาคารแห่งหนึ่ง เป็นชาวไต้หวัน อายุเกิน30แล้ว รูปร่างก็ไม่ใช่หุ่นนางแบบ หน้าตาก็ไม่ได้สวยพริ้ง แถมร้องเพลงก็ไม่ได้ไพเราะเท่าไหร่
มีเวลาว่างเมื่อไหร่ เจ้าสัวคนนี้จะแวะไปภัตตาคารแห่งนี้ ฟังนักร้องไต้หวัน และเชิญมานั่งร่วมโต๊ะพูดคุย
เพื่อนสนิทเจ้าสัวเก็บความสงสัยไว้นาน นักร้องไต้หวันมีดีอะไร ทำไมเจ้าสัวจึงติดใจนักหนา จนวันหนึ่งได้โอกาส ถามเจ้าสัวว่า “ลื้อ” ชอบอะไรนักร้องไต้หวันคนนั้น
เจ้าสัวจึงเฉลยความลับ โดยบอกว่า ไอ้สิ่งที่ “อั้ว” ติดใจนักร้องไต้หวัน เพราะ “อี” ชมว่า “อั้ว” รูปหล่อ ไปทีไร “อี” ชม “อั้ว” ว่าหล่อทุกครั้ง “อั้ว” รู้ว่า “อี” โกหก แต่ “อั้ว” ชอบ
คนส่วนใหญ่ก็มีอุปนิสัยใจคอไม่แตกต่างจากเจ้าสัวนายแบงก์ในเรื่องเล่า ชอบให้คนชม ชอบให้คนสรรเสริญเยินยอ แม้เป็นคำชมที่ประจบสอพลอ แม้เป็นการสรรเสริญเยินยอจอมปลอมก็ตาม
คนธรรมดาทั่วไป ไม่ชอบฟังใครติ ไม่ชอบเสียงติง ไม่ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์
ย้อนดูอดีตผู้นำประเทศ จะไล่มาตั้งแต่ยุคไปไหน จะไล่มาจากใคร ล้วนมีพฤติกรรมเดียวกัน ไม่ยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และตอบโต้ หรือถึงขั้นสาดโคลน ยัดเยียดข้อหาใส่กลุ่มคนที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงด้วยซ้ำ
นายชวน หลีกภัยหรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงที่มีอำนาจ เป็นผู้นำประเทศ ก็หงุดหงิดกับสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์เหมือนกัน
ดังนั้นอาการรับไม่ได้ อาการโกรธสื่อมวลชน จนเสียบุคลิกภาพความเป็นผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ปัญหาใหม่ ไม่ได้ถือเป็นผู้นำที่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
เพราะจริงๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็เหมือนนายชวน เหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ หรือเหมือนอดีตผู้นำประเทศคนก่อนๆ เพียงแต่ไม่เหมือนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเท่านั้น เพราะแตกต่างในความเป็นสตรีและบุรุษ
ไม่มีอะไรที่ต้องติดใจพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องถือสาในพฤติกรรม เพราะไม่ได้เป็นผู้นำที่ “วิเศษ” หรือ “พิเศษ” กว่าผู้นำคนอื่นๆ
และเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปที่ชอบเสียงสรรเสริญเยินยอ นิยมในคำชม แต่ไม่ยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น
ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก พยายามหลีกเลี่ยงพูดเรื่องจริง ท่านผู้นำจะทำอะไรพลาด จะทำอะไรพลั้ง หรือทำอะไรเผลอ ก็ไม่ต้องติ ไม่ต้องเตือน
จะขึ้นช้างลงม้าก็ช่าง ช่วยกันชมลูกเดียว เชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตูไปเลย ท่านผู้นำจะทำอะไรดีไปหมด เท่ห์ไปหมด เก่งไปหมด เหมือนเทวดาอวตารลงมาก็ไม่ปาน
มาเลียนแบบนักร้องไต้หวันกันดีไหม ชมในสิ่งที่ไม่ควรชม ชมคนทั้งที่รู้ว่า เป็นคนที่ไม่น่าได้รับคำชม กลั้นอกกลั่นใจเชียร์กันหน่อย เพื่อที่จะเป็นสื่อโปรดของท่านผู้นำ เหมือนนักร้องในดวงเจ้าสัวนายแบงก์
ต่อจากนี้ ประกาศเปลี่ยนจุดยืนใหม่กันดีกว่า งดเว้นหลักจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ เลิกการนำเสนอในลักษณะ “ติ” เพื่อ “ก่อ” ขอชมพล.อ.ประยุทธ์ย่างเดียว เพราะพล.อ.ประยุทธ์น่าจะชอบเหมือนเจ้าสัวนายแบงก์ในเรื่องเล่า ชอบให้คนอื่น “ชม” แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ก็ชอบ แม้จะรู้ว่า เป็นเรื่องแกล้ง “ชม” แต่ก็ยังชอบอยู่ดี
ท่านผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์ สื่อมวลชนเจอมาเยอะแล้วไม่ใช่หรือ จะไปตื่นเต้นอะไร เพราะสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น และจะไม่มีอะไรควรค่าแก่การจดจำแม้แต่น้อย