นายเจษฎ์ โทณะวณิก คณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานอนุกมธ.จัดทำข้อเสนอแนะในการตรา หรือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง ความคืบหน้าในการออกกฎหมายลูก ทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่า หลังจากที่ได้กรอบแนวคิดในการยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะเริ่มพิจารณาในการปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมและการตรากฎหมายใหม่ออกมา ซึ่งเบื้องต้นมีราว 80 กว่าเรื่องที่ต้องให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญ แต่จะออกมาเป็นกฎหมายกี่ฉบับนั้น ต้องดูในรายละเอียดของแต่ละเรื่องด้วย ซึ่งต้องทำคู่ขนานไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญของ กมธ.ยกร่างฯ
ในส่วนของกฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วนต้องทำก่อนเพื่อรองรับการเลือกตั้งมีราว4-5 ฉบับ คือ
1. กฎหมายพรรคการเมือง 2.กฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. 3. กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และในกรณีที่จะมีศาลเลือกตั้ง ซึ่งเป็นศาลชำนาญพิเศษเฉพาะด้านก็ต้องมี 4. กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลเลือกตั้ง เช่นเดียวกัน ถ้าสังคมต้องการให้มีการทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ที่กำลังใช้อยู่นี้ เปิดช่องให้มีการทำประชามติ จึงจำเป็นต้องดูกฎหมายเกี่ยวกับการทำประชามติ ว่า ต้องปรับปรุง แก้ไขอย่างไร ให้สอดคล้องไปด้วย จึงเป็นกฎหมายฉบับที่ 5 ที่ต้องเร่งปรับปรุงเพื่อรองรับทั้งหมด
ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเพื่อรองรับองค์กรอิสระ หรือการบังคับใช้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จำเป็นต้องทะยอยออกมาหลังจากที่ได้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มีอีก 20 กว่าฉบับ เช่น กฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กฎหมายเกี่ยวกับการเงิน การคลัง กฎหมายเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกราว 5 ฉบับ ที่จะระบุชัดเจนถึงการใช้จ่ายงบประมาณ และการคลังขององค์กรเหล่านี้ อำนาจหน้าที่ และกฎหมายว่าด้วยการทำหนังสือ และสนธิสัญญาที่ต้องผ่านรัฐสภา รวมถึงกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีการเสนอให้ความเห็นเข้ามามาก ยังไม่รวมข้อเสนอให้จัดตั้งศาลชำนาญเฉพาะกิจเกี่ยวกับด้านต่างๆ ซึ่งต้องดูถึงความสำคัญ จำเป็น เหมาะสม ว่ากมธ.ยกร่างฯ จะให้มีการจั้งขึ้นหรือไม่ หากตั้งขึ้นก็ต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมารองรับให้ยึดโยงกับรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดต้องเวลาราว 6 -9 เดือน ทำควบคู่กันไป
ในส่วนของกฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วนต้องทำก่อนเพื่อรองรับการเลือกตั้งมีราว4-5 ฉบับ คือ
1. กฎหมายพรรคการเมือง 2.กฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. 3. กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และในกรณีที่จะมีศาลเลือกตั้ง ซึ่งเป็นศาลชำนาญพิเศษเฉพาะด้านก็ต้องมี 4. กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลเลือกตั้ง เช่นเดียวกัน ถ้าสังคมต้องการให้มีการทำประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ที่กำลังใช้อยู่นี้ เปิดช่องให้มีการทำประชามติ จึงจำเป็นต้องดูกฎหมายเกี่ยวกับการทำประชามติ ว่า ต้องปรับปรุง แก้ไขอย่างไร ให้สอดคล้องไปด้วย จึงเป็นกฎหมายฉบับที่ 5 ที่ต้องเร่งปรับปรุงเพื่อรองรับทั้งหมด
ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเพื่อรองรับองค์กรอิสระ หรือการบังคับใช้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จำเป็นต้องทะยอยออกมาหลังจากที่ได้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มีอีก 20 กว่าฉบับ เช่น กฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กฎหมายเกี่ยวกับการเงิน การคลัง กฎหมายเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกราว 5 ฉบับ ที่จะระบุชัดเจนถึงการใช้จ่ายงบประมาณ และการคลังขององค์กรเหล่านี้ อำนาจหน้าที่ และกฎหมายว่าด้วยการทำหนังสือ และสนธิสัญญาที่ต้องผ่านรัฐสภา รวมถึงกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีการเสนอให้ความเห็นเข้ามามาก ยังไม่รวมข้อเสนอให้จัดตั้งศาลชำนาญเฉพาะกิจเกี่ยวกับด้านต่างๆ ซึ่งต้องดูถึงความสำคัญ จำเป็น เหมาะสม ว่ากมธ.ยกร่างฯ จะให้มีการจั้งขึ้นหรือไม่ หากตั้งขึ้นก็ต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมารองรับให้ยึดโยงกับรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดต้องเวลาราว 6 -9 เดือน ทำควบคู่กันไป