xs
xsm
sm
md
lg

วิษณุชี้ปฏิรูปต้องมีกม.รองรับ ส่งซิกปรับอำนาจองค์กรอิสระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือของ 5 ฝ่าย ที่บ้านเกษะโกมล เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เร่งรัดการออกกฎหมาย 300 ฉบับ โดยให้ดูกฎหมายที่ขณะนี้ยังค้างอยู่ที่ต้นทาง คือที่กระทรวง ทั้ง 20 กระทรวง ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้มีประมาณ 130 ฉบับ จะเสร็จและส่งมาเมื่อไหร่ไม่รู้ และอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กำลังตรวจอยู่อีกประมาณ 30 ฉบับ นอกจากนี้ยังมีที่ปลายทางคือ ส่งเข้าสภานิติบัญญัติไปแล้วประมาณ 70 ฉบับ ซึ่งก็มีทั้งที่พิจารณาไปแล้ว ออกไปแล้วบ้าง และยังพิจารณาไม่เสร็จก็มี ดังนั้นรวมทั้งหมดแล้วก็ประมาณ 300 ฉบับ ทั้งหมดนี้จะได้ตามฝันหรือไม่ ยังไม่ทราบ ซึ่งอยู่ที่เจ้ากระทรวงของกฎหมายนั้นๆ ต้องเร่งส่งมาให้ครม.เห็นชอบ และสุดท้ายต้องส่งไปที่คณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจ ซึ่งถ้าตรวจแล้วใช้เวลานานจนสภาไม่อยู่แล้ว มันก็ไม่ทันก็มี ก็คงโทษใครไม่ได้ เพราะเราทำช้าเอง
นอกจากนี้ นายกฯยังกำชับการออกกฎหมายของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้วยว่า เวลาจะปฏิรูปอะไรก็ต้องมีการออกกฎหมาย ไม่ใช่เพ้อไปเรื่อย แล้วไม่มีกฎหมายอะไร ทั้งนี้ได้แจ้งกันไปแล้วว่า ถ้าสปช. ทำอะไรได้ ก็ทำ ไม่ต้องมารอรัฐบาล เพราะเดี๋ยวทำแล้วไม่ตรงกันก็จะยุ่ง ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูป ก็คงจะมาหลายสิบฉบับเช่นกัน และเมื่อมารวมกับที่รัฐบาลทำ ก็เป็นร้อยฉบับอย่างที่บอกไป
ส่วนกฎหมายลูก เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ทำ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ คสช. บอกว่าไม่ต้องรีบเขียน เดี๋ยวจะเสียของนั้น รองนายกฯกล่าวว่า ความหมายของ นายมีชัย หมายถึงรัฐธรรมนูญ จะยกร่างเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม หรือกันยายน และ อีกประมาณ 3 เดือน ถึงจะมีการเลือกตั้ง เพราะต้องทำกฎหมายลูกให้เสร็จ นายมีชัย จึงบอกว่า ถ้าตั้งใจแบบนี้ก็ได้ แต่อย่าไปผูกมัดอะไร เพราะคำว่า กฎหมายลูก 3 เดือนเสร็จนั้น หมายถึง กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายกกต. แต่กฎหมายลูกอื่นๆ ยังมีอีกเยอะ ซึ่งประสบการณ์เมื่อปี 50 บอกเราแล้วว่า มีกฎหมายลูกที่จะต้องออกประมาณ 20-30 ฉบับ และกำหนดไว้เลยว่า จะต้องเสร็จภายใน 1 ปี หรือ 2 ปี แต่สุดท้ายได้ออกแค่ 3 ฉบับ ผ่านไป 7 ปี จนถึงวันที่ยึดอำนาจวันสุดท้าย กฎหมายลูกอีก 20 ฉบับ ไม่ได้ออกมาเลย เพราะฉะนั้นกฎหมายลูกถ้าคิดว่าอะไรสำคัญ ก็ทำให้เสร็จก่อนที่จะไปเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่ารัฐบาลที่เขาเลือกตั้งเข้ามา จะมาทำต่อ
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมาธิการฯ ยกร่างฯ ได้แจ้งแล้วว่า จะมีการรายงานความคืบหน้าการยกร่างต่อสาธารณชนทุกสัปดาห์ เพราะฉะนั้น สาธารณชนจะรับทราบได้ ทางคสช.เองก็จะได้รับทุกสัปดาห์ ก็จะได้มาคุยกันว่า จะเสนอแนะอะไรเข้าไปอีกบ้างหรือไม่ ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่เสนอมาก็ทำได้เพียงแต่ขอให้คำนึงถึงขอบเขตอันจำกัดที่มีอยู่ก็แล้วกัน แต่บางข้อเสนอที่ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น มันคนละเรื่อง และคงไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ แต่ถ้าติดขัดอย่างไร ก็โอเค ในอนาคตยังมีเวลาที่จะคุยกัน
เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่จะห่วงการที่มารวมตัวกัน ชุมนุมกัน และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีสิทธิห่วงได้ ซึ่งก็สามารถใช้วิธีอื่นปกติทำได้ และก็เรียบร้อยดี แล้วทำไมจะต้องมาเลือกช่องทางที่เสี่ยงต่อความไม่เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำประชามติ หลายฝ่ายเห็นด้วย อยากให้ทำ นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วย และในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำประชามติ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ไม่มีอะไรขัดข้อง เพราะในรัฐธรรมนูญได้มีการเปิดช่องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามติ หรือทำอย่างอื่นก็ได้ด้วยซ้ำไป ดังนั้นเมื่อร่างไปถึงจุดหนึ่ง และคิดว่ามีความจำเป็น สังคมเรียกร้องต้องการ และคิดว่ามีประโยชน์ก็ทำได้ ที่เขาไม่ได้เขียนใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะอาจจะมีคนมองได้ว่า ต้องการยืดเวลาของรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะการทำประชามติ ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน และทำกฎหมายลูกอีก 3 เดือน รวมแล้วต้องเลยไปอีก 6 เดือน กว่าจะมีการเลือกตั้ง จึงไม่เขียนเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้เป็นประเด็นการเมือง และยังมีปัญหาเรื่องงบประมาณอีกประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งถ้าคุ้ม ก็ไม่น่าเสียดาย แต่ก็อาจมีคนหยิบไปเป็นประเด็นอีกว่า ทำให้เสียเวลา และเสียงบประมาณ หรือถ้าล้มไป ก็ทำให้เสียของอีก
อย่างไรก็ตาม การยกร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทุกคนรู้ปัญหาเก่าดีกว่า ที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง ดังนั้นก็คงไม่ร่างแบบกลับไปปัญหาเก่าอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง หากไม่ยกเลิก จะมีการปรับปรุงรูปแบบของอำนาจหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีความคิด ซึ่งตนไม่ควรพูดอะไร แต่คนร่างรัฐธรรมนูญเขาก็คงมีความคิดอยู่ เพราะเราได้กำหนดในรัฐธรรมนูญชั่วคราวว่า ให้เขาทบทวนความจำเป็นของการมีองค์กรต่างๆ ก็เป็นการฝากให้กรรมาธิการยกร่างฯ ได้คิดตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเคยมีแล้วจะต้องมีต่อไป มีต่อก็ได้ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนองค์ประกอบ เปลี่ยนอำนาจ เปลี่ยนหน้าที่ หรืออย่างกรณี กกต. ซึ่งตนเคยพูดว่า กกต.ก็จำเป็นต้องมี แต่จะมีแบบที่เคยมีหรือไม่ จะเป็นลักษณะออกระเบียบ หรือลักษณะจัดการเลือกตั้ง หรือลักษณะคนตัดสิน คือ แจกใบเหลือง ใบแดงด้วย องค์กรเดียว ควรจะมีอำนาจทั้ง 3 อย่างหรือไม่ หรือจะแบ่งอำนาจเป็นแต่ละหน่วยๆไป สิ่งเหล่านี้กรรมาธิการยกร่างฯ ก็ต้องเอาไปคิดด้วย
"องค์กรอิสระที่มีอยู่ปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าเขาจะเหลิงอำนาจกัน แต่เราไปให้อำนาจเขาเอง พอให้อำนาจ เขาก็ต้องใช้ เพราะถ้าไม่ใช้ ก็จะมีคนบอกว่าเสียของอีก เพราะฉะนั้นถ้าไม่คิดว่าจะต้องทำอย่างนั้น ก็ไม่ควรจะไปให้อำนาจเขาตั้งแต่แรก" รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวงหารือ 5 ฝ่าย หารือเรื่องกฎอัยการศึกอย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า มีการพูดกันนิดหน่อย ว่าเป็นอุปสรรคหรือไม่ ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นว่า ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปได้ปกติ และทาง คสช. ก็รับจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น