xs
xsm
sm
md
lg

โบรกทุบดัชนีร่วง12จุด ปี58ยังมีแนวโน้มสดใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการารายวัน – แรงขายรายโบรกกดดัชนีไหลลงกว่า 10 จุดไร้กองทุนรับซื้อ แต่บล.ทิสโก้ ยังคาดหุ้นวันสุดท้ายส่งท้ายปี 57 ยังมีแนวโน้มไซด์เวย์บวกรับอานิสงส์เม็ดเงิน LTF & RMF ไหลเข้า ด้านบล. โกลเบล็ก คาดตลาดหุ้นไทยปี 58 ดัชนีตอบรับอานิสงส์การลงทุนโครงการภาครัฐ – เอกชน หนุนGDP ปี 58 โต 3.5-4.5% มั่นใจดัชนีแตะ 1,790 จุด แนะลงทุนหุ้น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง- กลุ่มแบงก์ -กลุ่มสื่อสาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 29 ธันวาคม 2557 ปิดที่ 1,498.22 จุด ลดลง 12.19 จุด เปลี่ยนแปลง -0.81% มูลค่าการซื้อขาย 23,113.44 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,516.17 จุด และต่ำสุดที่ 1,493.39 จุด สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 322.83 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทซื้อสุทธิ 925.43 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 281.44 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,529.70 ล้านบาท
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผุ้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การที่ดัชนี SET ปรับลดลงกว่า 10 จุด มาจากแรงขายทำกำไรจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงท้ายปีก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว ประกอบลักษระการซื้อแบบไม่ไล่ราคาของกองทุนต่าง รวมถึงขาดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเพราะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลบปีใหม่
“ตลาดขาดปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นแรง แต่ก็ไร้ข่าวร้ายที่จะกดดันให้ดัชนีปรับถอยแรงเช่นกัน ดังนัน KS คาดวันนี้ดัชนีจะยังคงแกว่งตัวซึมในกรอบ 1,500-1,520 จุด ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเนื่องจากเข้าสู่เทศกาลวันหยุดปีใหม่ อย่างไรก็ตามคาดว่าเม็ดเงิน LTF/RMF อาจเข้ามาผลักดันตลาดในช่วงท้ายปี ด้วยการซื้อแบบกระจาย (basket order) ซึ่งอาจทำให้ตลาดปรับบวกในช่วงสันๆ แต่ด้วยสไตล์การซื้อของกองทุนที่ไม่ไล่ราคา คาดทำให้หุ้นใหญ่บวกจำกัดเพียง 2-3 ช่อง จึงทำให้โอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้นไม่มากนัก จึงแนะนำชะลอการลงทุน หรือเพียงทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลางเท่านั้น” นายกิจพล กล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ สรุปการลงทุนวานนี้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนออกด้านข้าง โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และ ธนาคาร ที่ยังบวกได้ต่อเนื่อง 0.17% และ 0.37% สวนทางกับ กลุ่มปิโตรที่ยังคงไม่ฟื้นปรับลดลงต่ออีก 0.2% ขณะที่หุ้นที่ติด Cash Balance เช่น BMCL, CCN, CHOW, KIAT, KTP, PSTC, SPA, TCC, TCC-W2, TCC-W3, TCC-W4, TPOLY, WIIK ยังคงสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดว่าวันนี้ดัชนี SET INDEX จะเคลื่อนใหวอยู่ในกรอบแนวต้านที่ 1,515-1,520 จุด ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,500-1,505 จุด
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนักลงทุนถือเงินสดเพิ่ม รอซื้อคืนต้นปีหน้าโดยแนะนําทยอยขายปรับพอร์ต และถือเงินสดเพิ่มรอซื้อคืนต้นปีหน้า เนื่องจากสภาวะตลาดยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน และเม็ดเงิน LTF ครบกําหนด 5 ปี (ของปี 2554 ) ที่มักมีแรงเทขายออกมาในช่วงเดือน ม.ค.ของทุกปี อย่างไรก็ดี สําหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจทำการซื้อขายในระยะสั้นๆ ในช่วง 2 วนัสุดท้ายของวันทำการ โดยปีนี้แนะนําหุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวกได้แก่ KTC, AKP และหุ้นใน SET50/SET100 ที่มีราคาร่วงมากสุดในรอบสัดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ SPALI, UV นอกจากนี้ ควรมองเป็นจังหวะทยอยเก็บสะสมหุ้นปันผลเด่นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมา เช่น MODERN, ASP, INTUCH, BJCHI, BTS, AIT, KKP
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ระบุบล.โกลเบล็กฯยังมีมุมมองในเชิงบวก ต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปี 2557 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อภาวะการลงทุน โดยสภาพัฒน์ฯคาดว่า GDP ไทยปี 2558 จะมีอัตราการเติบโต 3.5 – 4.5% ขับเคลื่อนโดยการลงทุนภาครัฐ ผ่านโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ โครงการรถไฟรางคู่ และโครงการอื่นๆ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่สูงขึ้น จึงมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2558 ในกรอบบนสำหรับ Positive case กรณี GDP โต 4.5% P/E 20 เท่า จะได้ดัชนี SET ที่ระดับ 1,790 จุด ส่วนในมุมมองแบบ Negative case กรณีที่ GDP โต 3.5% ระดับ P/E 15.5 เท่า จะได้กรอบ SET ที่ 1,375 จุดเป็นกรอบล่าง
“สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในปี 2558 มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับปีหน้าไทยจะเริ่มเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบจะเป็นตัวหนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ส่วนปัจจัยบวกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการออกมาตรการ QE ของประเทศขนาดใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยูโรโซนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัว บวกกับต้นทุนน้ำมันลดลง และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำหนุนต่อภาพรวมการลงทุนทั่วโลก” นางสาววิลาสินี กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง คือ การที่ P/E ตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 18 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง อาจส่งมีผลให้นักลงทุนต่างชาติหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หันไปลงทุนในตลาดที่มีระดับ P/E ที่ต่ำกว่า โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2558 มีแนวโน้มผันผวนสูงกว่าปี 2557 จากค่าเงินของหลายสกุลที่อ่อนค่า อาทิ เงินเยนของญี่ปุ่น เงินรูเบิลของรัสเซีย นอกจากนี้ มีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในปี 2558 นั้นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะให้หาจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ช่วงที่ราคาอ่อนตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากโครงการภาครัฐที่จะเร่งตัวในปี 2558, กลุ่มธนาคาร ซึ่งคาดว่าการปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และกลุ่มสื่อสาร ได้รับอานิสงส์จาก Digital Economy และการประมูล 4G ที่คาดว่าจะเกิดเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม ส่วนหุ้นที่แนะนำหลีกเลี่ยง คือ กลุ่มโรงกลั่นที่คาดว่าจะมี Stock loss ต่อเนื่องในผลประกอบการไตรมาส 4/2557 จากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรง โดยราคาน้ำมัน ณ ปลายไตรมาส 3/2557 อยู่ที่ราว 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยบริหารพอร์ตการลงทุนในหุ้น 60% ทองคำ 20% และ TFEX 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น