ASTVผู้จัดการรายวัน - บางจากฯฉวยจังหวะน้ำมันร่วง รุกธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มทั้งในไทยและต่างประเทศ ยันยื่นขอสัมปทานฯรอบ 21 และเจรจาซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติม เผยปีหน้าทุ่มลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทำปั๊มเพิ่ม 70แห่ง และรุกธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งโรงไฟฟ้าขยะ ไบโอแมส -โซลาร์ มั่นใจปี 58 EBITDAแตะ 1หมื่นล้านบาท หลังจากปีนี้พลาดเป้า มองปีหน้าน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 65-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งงบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทในการขยายสู่ธุรกิจใหม่ 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด โดยตั้งเป้าหมายว่าปีหน้าโรงกลั่นจะกลั่นน้ำมันได้เกิน 1 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นส่งผลให้ค่าการกลั่นในปีหน้าจะอยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงปีนี้ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนธุรกิจการตลาดก็มีแผนจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันบางจากเพิ่มขึ้นอีก 70 ปั๊ม เป็นสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ปั๊ม พร้อมทั้งเพิ่มร้านสะดวกซื้อ บิกซี มินิ ไม่น้อยกว่า 100 แห่งจากปัจจุบัน 91 แห่ง รวมทั้งร้านกาแฟอินทนินอีก 70 แห่ง นอกจากนี้มีการดึงพันธมิตรทางธุรกิจด้านอาหารเข้ามาเสริมในปั๊มบางจาก เช่นแมคโดนัลด์ แบล็คแคนยอน เคเอฟซี เป็นต้นทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ คาดว่าปีหน้าจะมีปริมาณขายน้ำมันผ่านปั๊มอยู่ที่ 400 ล้านลิตร/เดือนเพิ่มขึ้นจากปีนี้มีปริมาณขาย 360 ล้านลิตร/เดือน และใน 6ปีข้างหน้า บางจากวางเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการน้ำมันอีก 400 แห่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 พันแห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทย่อย คือ นิโด ปิโตรเลียม ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ได้ทำสัญญาซื้อกับบริษัท Otto Energy เพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Galoc Production Company WLL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยOtto วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดว่าจะทราบผลในปลายเดือนม.ค.นี้ หากOtto ขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้นิโดฯมีสัดส่วนการถือครองแหล่งน้ำมันดิบGaloc เพิ่มขึ้นจาก22.88% เป็น 55.88% ทำให้สามารถเข้าไปโอเปอร์เรทอย่างเต็มที่ และมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4 พันบาร์เรล/วัน ทำให้พนักงานบางจากมีโอกาสที่เข้าไปเรียนรู้ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้
" การซื้อหุ้นทั้งหมดในGaloc จะทำให้นิโด ฯเปลี่ยนสภาพจากผู้ถือหุ้นเป็นผู้โอเปอร์เรทเต็มตัว ซึ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงต่ำกว่า 60เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้รายได้ของนิโดฯลดลงแน่นอน แต่มองเป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมในราคาที่ถูก ก็มีการดูๆอยู่เช่นกัน โดยมองว่าอนาคตราคาน้ำมันดิบก็ต้องปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด บางจากฯจะให้นิโด ปิโตรเลียม เป็นผู้ยื่นขอสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมในไทยรอบที่ 21 ด้วย "
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน บางจากฯมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าขยะ และพลังงานแก๊สชีวภาพ แก๊สชีวมวล โดยบางจากได้หารือกับเจ้าของเทคโนโลยีในต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งเสนอขอเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้วย รวมทั้งขยายธุรกิจผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล โดยจะขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล( บี 100)เพิ่มขึ้นอีก 4.5 แสนลิตร/วัน รวมเป็น8.1 แสนลิตร/วัน รวมทั้งโรงงานเอทานอลแห่งใหม่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราจะผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2558 มีกำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร/วัน
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเต็มปี 118 เมกะวัตต์ บางจากฯมองได้มีการหารือกับปั๊มสหกรณ์การเกษตรในการพัฒนาโซลาร์ ชุมชน รวมทั้งเตรียมรุกธุรกิจโซลาร์ ฟาร์มที่ญี่ปุ่น กำลังการผลิต 30-50 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในต้นปี 2558
ดังนั้น บริษัทฯมั่นใจว่าปีหน้าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่มีEBITDA (ไม่รวมผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน ) พลาดเป้าหมายจากที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท โดยEBITDA ปีหน้ามาจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2.8 พันล้านบาท จากนโยบายการลงทุนธุรกิจใหม่ดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯตั้งเป้าหมายในปี 2563 มีEBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท
มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาด อยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยวางเป้าหมายให้หุ้นบางจากขยับไปอยู่อันดับ 25 ในSET 50 เพราะหากหลุดจากSET 50 นักลงทุนต่างชาติจะลดการถือหุ้นBCP ลง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในปีหน้า บางจากฯคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบจากราคาเฉลี่ยปีนี้ โดยมองว่าความต้องการน้ำมันโลกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 2/2558 รวมทั้งจับตาการประชุมกลุ่มโอเปคว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงหรือไม่ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโตอัตราที่ลดลงด้วย ขณะเดียวกันแหล่งผลิตShale Oil สหรัฐฯที่มีต้นทุนสูงกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งมีจำนวนถึง 20-25%ของการผลิตShale Oil ก็คงไม่สามารถทนรับการขาดทุนได้ก็คงต้องชะลอการผลิตไป
****จวกรัฐไม่หารือเอกชนก่อนปรับโครงสร้างฯ
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากจะไม่มีนโยบายที่จะกลับมาขายน้ำมันเบนซิน 95 อีกครั้ง แม้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างราคา ทั้งการปรับเปลี่ยนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและลดภาษีสรรพสามิตใกล้เคียงกับดีเซล เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และยังเป็นการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะน้ำมันเบนซินมีส่วนผสมของสารเอ็มทีบีอีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ในฐานะภาคเอกชนต้องการเห็นความชัดเจนของนโยบายรัฐจะไปทิศทางใด
ทั้งนี้ หากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน แล้วส่งผลให้ราคาเบนซินใกล้เคียงกับดีเซล และไม่มีส่วนต่างจากแก๊สโซฮอล์จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และการใช้เอทานอลจะไม่เป็นตามแผนที่วางไว้ 9 ล้านลิตร/วันภายในปี 2563 โดยล่าสุดมีการใช้ประมาณ 4 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น และยังกระทบไปยังโรงกลั่นน้ำมัน เพราะเดิมนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการใช้ดีเซลเป็นน้ำมันเป็นหลัก หากลดราคากลุ่มเบนซินด้วยภาษีก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบการใช้น้ำมัน
“ก่อนปรับโครงสร้างใด ๆ รัฐควรจะหารือทั้งโรงกลั่น ผู้ค้าน้ำมัน ผลิตรถยนต์ เพื่อจะได้รับทราบวางแผนงานทั้งระบบไปด้วยกัน โดยรัฐบาลจะต้องบอกให้ชัดว่านโยบายจะเดินหน้าไปในแนวทางใด” นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งงบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทในการขยายสู่ธุรกิจใหม่ 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด โดยตั้งเป้าหมายว่าปีหน้าโรงกลั่นจะกลั่นน้ำมันได้เกิน 1 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นส่งผลให้ค่าการกลั่นในปีหน้าจะอยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงปีนี้ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนธุรกิจการตลาดก็มีแผนจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันบางจากเพิ่มขึ้นอีก 70 ปั๊ม เป็นสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ปั๊ม พร้อมทั้งเพิ่มร้านสะดวกซื้อ บิกซี มินิ ไม่น้อยกว่า 100 แห่งจากปัจจุบัน 91 แห่ง รวมทั้งร้านกาแฟอินทนินอีก 70 แห่ง นอกจากนี้มีการดึงพันธมิตรทางธุรกิจด้านอาหารเข้ามาเสริมในปั๊มบางจาก เช่นแมคโดนัลด์ แบล็คแคนยอน เคเอฟซี เป็นต้นทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ คาดว่าปีหน้าจะมีปริมาณขายน้ำมันผ่านปั๊มอยู่ที่ 400 ล้านลิตร/เดือนเพิ่มขึ้นจากปีนี้มีปริมาณขาย 360 ล้านลิตร/เดือน และใน 6ปีข้างหน้า บางจากวางเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการน้ำมันอีก 400 แห่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 พันแห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทย่อย คือ นิโด ปิโตรเลียม ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ได้ทำสัญญาซื้อกับบริษัท Otto Energy เพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Galoc Production Company WLL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยOtto วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดว่าจะทราบผลในปลายเดือนม.ค.นี้ หากOtto ขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้นิโดฯมีสัดส่วนการถือครองแหล่งน้ำมันดิบGaloc เพิ่มขึ้นจาก22.88% เป็น 55.88% ทำให้สามารถเข้าไปโอเปอร์เรทอย่างเต็มที่ และมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4 พันบาร์เรล/วัน ทำให้พนักงานบางจากมีโอกาสที่เข้าไปเรียนรู้ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้
" การซื้อหุ้นทั้งหมดในGaloc จะทำให้นิโด ฯเปลี่ยนสภาพจากผู้ถือหุ้นเป็นผู้โอเปอร์เรทเต็มตัว ซึ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงต่ำกว่า 60เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้รายได้ของนิโดฯลดลงแน่นอน แต่มองเป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมในราคาที่ถูก ก็มีการดูๆอยู่เช่นกัน โดยมองว่าอนาคตราคาน้ำมันดิบก็ต้องปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด บางจากฯจะให้นิโด ปิโตรเลียม เป็นผู้ยื่นขอสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมในไทยรอบที่ 21 ด้วย "
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน บางจากฯมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าขยะ และพลังงานแก๊สชีวภาพ แก๊สชีวมวล โดยบางจากได้หารือกับเจ้าของเทคโนโลยีในต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งเสนอขอเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้วย รวมทั้งขยายธุรกิจผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล โดยจะขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล( บี 100)เพิ่มขึ้นอีก 4.5 แสนลิตร/วัน รวมเป็น8.1 แสนลิตร/วัน รวมทั้งโรงงานเอทานอลแห่งใหม่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราจะผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2558 มีกำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร/วัน
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเต็มปี 118 เมกะวัตต์ บางจากฯมองได้มีการหารือกับปั๊มสหกรณ์การเกษตรในการพัฒนาโซลาร์ ชุมชน รวมทั้งเตรียมรุกธุรกิจโซลาร์ ฟาร์มที่ญี่ปุ่น กำลังการผลิต 30-50 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในต้นปี 2558
ดังนั้น บริษัทฯมั่นใจว่าปีหน้าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่มีEBITDA (ไม่รวมผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน ) พลาดเป้าหมายจากที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท โดยEBITDA ปีหน้ามาจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2.8 พันล้านบาท จากนโยบายการลงทุนธุรกิจใหม่ดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯตั้งเป้าหมายในปี 2563 มีEBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท
มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาด อยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยวางเป้าหมายให้หุ้นบางจากขยับไปอยู่อันดับ 25 ในSET 50 เพราะหากหลุดจากSET 50 นักลงทุนต่างชาติจะลดการถือหุ้นBCP ลง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในปีหน้า บางจากฯคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบจากราคาเฉลี่ยปีนี้ โดยมองว่าความต้องการน้ำมันโลกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 2/2558 รวมทั้งจับตาการประชุมกลุ่มโอเปคว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงหรือไม่ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโตอัตราที่ลดลงด้วย ขณะเดียวกันแหล่งผลิตShale Oil สหรัฐฯที่มีต้นทุนสูงกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งมีจำนวนถึง 20-25%ของการผลิตShale Oil ก็คงไม่สามารถทนรับการขาดทุนได้ก็คงต้องชะลอการผลิตไป
****จวกรัฐไม่หารือเอกชนก่อนปรับโครงสร้างฯ
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากจะไม่มีนโยบายที่จะกลับมาขายน้ำมันเบนซิน 95 อีกครั้ง แม้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างราคา ทั้งการปรับเปลี่ยนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและลดภาษีสรรพสามิตใกล้เคียงกับดีเซล เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และยังเป็นการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะน้ำมันเบนซินมีส่วนผสมของสารเอ็มทีบีอีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ในฐานะภาคเอกชนต้องการเห็นความชัดเจนของนโยบายรัฐจะไปทิศทางใด
ทั้งนี้ หากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน แล้วส่งผลให้ราคาเบนซินใกล้เคียงกับดีเซล และไม่มีส่วนต่างจากแก๊สโซฮอล์จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และการใช้เอทานอลจะไม่เป็นตามแผนที่วางไว้ 9 ล้านลิตร/วันภายในปี 2563 โดยล่าสุดมีการใช้ประมาณ 4 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น และยังกระทบไปยังโรงกลั่นน้ำมัน เพราะเดิมนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการใช้ดีเซลเป็นน้ำมันเป็นหลัก หากลดราคากลุ่มเบนซินด้วยภาษีก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบการใช้น้ำมัน
“ก่อนปรับโครงสร้างใด ๆ รัฐควรจะหารือทั้งโรงกลั่น ผู้ค้าน้ำมัน ผลิตรถยนต์ เพื่อจะได้รับทราบวางแผนงานทั้งระบบไปด้วยกัน โดยรัฐบาลจะต้องบอกให้ชัดว่านโยบายจะเดินหน้าไปในแนวทางใด” นายวิเชียร กล่าว