“ธีระชัย” เตือน ก.คลังปล่อย ปตท.ขายก๊าซราคาต่ำกว่าตลาดโลกให้ บ.ปิโตรเคมี เข้าข่ายเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย เผย “ดีเซล” ลดต่ำสุดรอบ 3 ปี ลุ้นราคายังขาลงได้อีก
วานนี้ (1 ธ.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกเรื่อง ผลประโยชน์ที่กระทรวงการคลังอาจจะเสียไปในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala โดยมีสาระสำคัญกล่าวถึงการที่ ปตท.จะขายก๊าซอีเทน ก๊าซโพรเพน และก๊าซ LPG ซึ่งให้แก่บริษัทปิโตรเคมีในเครือ ในราคาที่ต่ำกว่าการขายให้แก่บริษัทปิโตรเคมีนอกเครือ และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก ซึ่งแม้จะเป็นสัญญาต่อเนื่องมาจากในอดีต แต่การดำเนินการดังกล่าวจะมีเหตุจำเป็นในห้วงเวลานั้น ซึ่งการดำเนินงานธุรกิจพลังงานของชาติอยู่ภายใต้การดำเนินการของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้มีการแปรรูปมาเป็น บมจ.ปตท.แล้ว การดำเนินการต่อไปโดยไม่พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลง มีผลให้ ปตท.เสียประโยชน์ที่ควรได้ และทำให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เสียประโยชน์ และน่าจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไปด้วย
“หากกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปสนับสนุนการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อการดังกล่าว ก็อาจจะเข้าข่ายที่กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไปได้ จึงขอเสนอแนะให้ท่านทำการตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ไข” นายธีระชัย ระบุ
ดีเซลลดต่ำสุดรอบ 3 ปี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันนำโดย บมจ.ปตท.และ บมจ.บางจากได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาท/ลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.เป็นต้นไป หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ไม่เรียกประชุมเพื่อพิจารณาปรับอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม ขณะที่กลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทั้งนี้ราคาที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 28.79 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 54 ที่ดีเซลเคยไต่ระดับลดลงไปอยู่ที่ 28.59 บาทต่อลิตร ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันโลกที่อาจจะอ่อนตัวลงอีกนั้นยังคงมีแนวโน้มทำให้ระยะสั้นนี้ราคาขายปลีกน้ำมันของไทยยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก
วานนี้ (1 ธ.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกเรื่อง ผลประโยชน์ที่กระทรวงการคลังอาจจะเสียไปในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala โดยมีสาระสำคัญกล่าวถึงการที่ ปตท.จะขายก๊าซอีเทน ก๊าซโพรเพน และก๊าซ LPG ซึ่งให้แก่บริษัทปิโตรเคมีในเครือ ในราคาที่ต่ำกว่าการขายให้แก่บริษัทปิโตรเคมีนอกเครือ และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก ซึ่งแม้จะเป็นสัญญาต่อเนื่องมาจากในอดีต แต่การดำเนินการดังกล่าวจะมีเหตุจำเป็นในห้วงเวลานั้น ซึ่งการดำเนินงานธุรกิจพลังงานของชาติอยู่ภายใต้การดำเนินการของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้มีการแปรรูปมาเป็น บมจ.ปตท.แล้ว การดำเนินการต่อไปโดยไม่พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลง มีผลให้ ปตท.เสียประโยชน์ที่ควรได้ และทำให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เสียประโยชน์ และน่าจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไปด้วย
“หากกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปสนับสนุนการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อการดังกล่าว ก็อาจจะเข้าข่ายที่กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไปได้ จึงขอเสนอแนะให้ท่านทำการตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ไข” นายธีระชัย ระบุ
ดีเซลลดต่ำสุดรอบ 3 ปี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันนำโดย บมจ.ปตท.และ บมจ.บางจากได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาท/ลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.เป็นต้นไป หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ไม่เรียกประชุมเพื่อพิจารณาปรับอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม ขณะที่กลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทั้งนี้ราคาที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 28.79 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 54 ที่ดีเซลเคยไต่ระดับลดลงไปอยู่ที่ 28.59 บาทต่อลิตร ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันโลกที่อาจจะอ่อนตัวลงอีกนั้นยังคงมีแนวโน้มทำให้ระยะสั้นนี้ราคาขายปลีกน้ำมันของไทยยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก