ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงพลังงานไม่ดันทุรังพร้อมรังฟังข้อเสนอสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่21 ชี้ช่วงนี้แค่เปิดให้สำรวจให้เอกชนยื่นถึง 18 ก.พ.58 ส่วนการให้สัมปทาน”ครม.”ต้องตัดสินใจชี้มีช่องให้ถอยได้ถ้าพบว่าเอกชนคุณสมบัติไม่เพียงพอหรือให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม ขณะที่น้ำมันปี58ตลาดโลกดูไบเฉลี่ย90-95เหรียญฯต่อบาร์เรลสบช่องเร่งเดินหน้าปฏิรูปราคาทั้งภาษีฯดีเซลและกองทุนน้ำมันฯ ขณะที่ผู้ค้าแจ้งขึ้นดีเซล30สต./ลิตรพรุ่งนี้ขยับเป็น29.69 บาทต่อลิตรหลังค่าการตลาดต่ำ
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงาน "The Annual Petroleum Outlook Forum ถอดรหัสทิศทางน้ำมันโลก" โดยร่วมกับทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่มปตท.หรือ PRISM ว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีให้รับฟังข้อเสนอจากสภาปฏิรูปประชาชนหรือสปข.สาขาพลังงานเกี่ยวกับสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 นั้นขณะนี้กระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอจากทุกกลุ่มซึ่งขณะนี้เป็นเพียงการเปิดให้ยื่นสิทธิ์ในการสำรวจปิโตรเลียมเท่านั้นยังไม่ได้เป็นการให้สัมปทานโดยจะเปิดให้ยื่นภายใน18 ก.พ.58 อย่างไรก็ตามอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็อยู่ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าจะอนุมัติให้สัมปทานหรือไม่
"ขั้นตอนก็ยังเป็นไปตามปกติระหว่างนี้เราก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอกรณีการคัดค้านระบบสัมปทานว่าควรจะเป็นระบบแบ่งปันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่รับฟังถ้ามีข้อมูลหรือผลการศึกษายืนยันถึงข้อดีก็ให้เสนอมา และประกาศนี้ก็ยังเปิดช่องว่ารัฐบาลเองก็สามารถยกเลิกให้ได้ถ้าคุณสมบัติผู้ยื่นไม่ผ่านหรือข้อเสนอต่อรัฐไม่ดีพอ ดังนั้นยังมีเวลาอีก4-6เดือนในการพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติแต่ก็เชื่อว่าการพิจารณารัฐเองก็จะมองประโยชน์ต่อความมั่นคงพลังงานภาพรวม"นายคุรุจิตกล่าว
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกช่วงนี้ยังมีทิศทางอ่อนตัวลงและในปี2558 ทางPRISM ก็คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 90-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลคงไม่ใช่ปัจจัยหลักต่อการตัดสินใจยื่นสำรวจสัมปทานเพราะการสำรวจใช้เวลาและต้องมองระยะยาวแต่ปัจจัยคือเงื่อนไขที่รัฐตั้งไว้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ซึ่งก็ยังหวังว่าจะมีผู้สนใจมายื่นขอสำรวจฯในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว โดยราคาน้ำมันที่ต่ำจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีต่อภาครัฐบาลใน 2 เรื่องคือ 1. การปรับโครงสร้างราคาพลังงานซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ที่จะทำให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและมีภาระภาษีและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้ผู้บริโภคไม่ใช้ฟุ่มเฟือยและเป็นธรรม ซึ่งหากมองในต่างประเทศราคาดีเซลและเบนซินจะต่างกันประมาณ40 สตางค์ต่อลิตรแต่ไทยต่างกัน 8-10 บาทต่อลิตรเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาได้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลง5บาทต่อลิตรและตรึงราคาไว้ไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตรดังนั้นจึงต้องปรับโครงสร้างภาษีฯดีเซลและกองทุนน้ำมันฯให้สอดคล้องกับความเป็นจริงไม่ทำให้บิดเบือนเช่นอดีตเพราะได้พิสูจน์แล้วว่าการอุดหนุนน้ำมันดีเซลที่ผ่านมาเช่น อุดหนุน100บาทถึงคนจนแค่10บาทเท่านั้นเพราะรถหรูทั้งเบนซ์ BMW ต่างใช้ดีเซลหมด
2. เมื่อไทยก้าวไปสู่พลังงานทดแทนแล้วราคาน้ำมันหลักที่ลดต่ำจะทำให้เป็นโอกาสพลังงานทดแทนให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพ้นจากภาวะการอุดหนุน
"น้ำมันโลกขาลงก็เป็นผลดีต่อประชาชนและรัฐ แต่คงไม่เป็นผลดีต่อโรงกลั่นน้ำมันแน่และแม้นน้ำมันจะลงแต่รัฐยังคงนโยบายการสำรองน้ำมันตามกฏหมายเช่นเดิมคงไม่สามารถปรับลดให้ได้แต่คงไม่เพิ่มขึ้น"นายคุรุจิตกล่าว
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปี2558 ประมาณการณ์ของกลุ่มPRISM อยู่ที่90-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากปีนี้ที่คาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยที่ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลเนื่องจากสหรัฐมีการผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นทำให้ปัจจุบันสหรัฐกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดแซงหน้าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียและทำให้สหรัฐฯลดนำเข้าจากแอฟริกาทำให้ต้องลดราคาแข่ง ประกอบกับกลุ่มโอเปกก็เพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่อง
“ การบริโภคน้ำมันในตลาดโลกปีหน้าจะยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้น รวมทั้งวิกฤตอีโบล่า ส่งผลให้การใช้น้ำมันหลายๆประเทศลดลงซึ่งก็ต้องจับตาดูแต่หลายคนก็ยังเชื่อว่าอีโบล่าไม่น่าจะมีปัญหามาก “นายสุกฤตย์กล่าว
****ผู้ค้าขึ้นดีเซล30สต./ลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.เป็นต้นไปขณะที่น้ำมันชนิดอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลจะปรับมาอยู่ที่ 29.69 บาทต่อลิตรเนื่องจากค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันลดต่ำเหลือเพียง1บาทต่อลิตร.
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงาน "The Annual Petroleum Outlook Forum ถอดรหัสทิศทางน้ำมันโลก" โดยร่วมกับทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่มปตท.หรือ PRISM ว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีให้รับฟังข้อเสนอจากสภาปฏิรูปประชาชนหรือสปข.สาขาพลังงานเกี่ยวกับสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 นั้นขณะนี้กระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอจากทุกกลุ่มซึ่งขณะนี้เป็นเพียงการเปิดให้ยื่นสิทธิ์ในการสำรวจปิโตรเลียมเท่านั้นยังไม่ได้เป็นการให้สัมปทานโดยจะเปิดให้ยื่นภายใน18 ก.พ.58 อย่างไรก็ตามอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็อยู่ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าจะอนุมัติให้สัมปทานหรือไม่
"ขั้นตอนก็ยังเป็นไปตามปกติระหว่างนี้เราก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอกรณีการคัดค้านระบบสัมปทานว่าควรจะเป็นระบบแบ่งปันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่รับฟังถ้ามีข้อมูลหรือผลการศึกษายืนยันถึงข้อดีก็ให้เสนอมา และประกาศนี้ก็ยังเปิดช่องว่ารัฐบาลเองก็สามารถยกเลิกให้ได้ถ้าคุณสมบัติผู้ยื่นไม่ผ่านหรือข้อเสนอต่อรัฐไม่ดีพอ ดังนั้นยังมีเวลาอีก4-6เดือนในการพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติแต่ก็เชื่อว่าการพิจารณารัฐเองก็จะมองประโยชน์ต่อความมั่นคงพลังงานภาพรวม"นายคุรุจิตกล่าว
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกช่วงนี้ยังมีทิศทางอ่อนตัวลงและในปี2558 ทางPRISM ก็คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 90-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลคงไม่ใช่ปัจจัยหลักต่อการตัดสินใจยื่นสำรวจสัมปทานเพราะการสำรวจใช้เวลาและต้องมองระยะยาวแต่ปัจจัยคือเงื่อนไขที่รัฐตั้งไว้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ซึ่งก็ยังหวังว่าจะมีผู้สนใจมายื่นขอสำรวจฯในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว โดยราคาน้ำมันที่ต่ำจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีต่อภาครัฐบาลใน 2 เรื่องคือ 1. การปรับโครงสร้างราคาพลังงานซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ที่จะทำให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและมีภาระภาษีและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้ผู้บริโภคไม่ใช้ฟุ่มเฟือยและเป็นธรรม ซึ่งหากมองในต่างประเทศราคาดีเซลและเบนซินจะต่างกันประมาณ40 สตางค์ต่อลิตรแต่ไทยต่างกัน 8-10 บาทต่อลิตรเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาได้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลง5บาทต่อลิตรและตรึงราคาไว้ไม่ให้เกิน30บาทต่อลิตรดังนั้นจึงต้องปรับโครงสร้างภาษีฯดีเซลและกองทุนน้ำมันฯให้สอดคล้องกับความเป็นจริงไม่ทำให้บิดเบือนเช่นอดีตเพราะได้พิสูจน์แล้วว่าการอุดหนุนน้ำมันดีเซลที่ผ่านมาเช่น อุดหนุน100บาทถึงคนจนแค่10บาทเท่านั้นเพราะรถหรูทั้งเบนซ์ BMW ต่างใช้ดีเซลหมด
2. เมื่อไทยก้าวไปสู่พลังงานทดแทนแล้วราคาน้ำมันหลักที่ลดต่ำจะทำให้เป็นโอกาสพลังงานทดแทนให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพ้นจากภาวะการอุดหนุน
"น้ำมันโลกขาลงก็เป็นผลดีต่อประชาชนและรัฐ แต่คงไม่เป็นผลดีต่อโรงกลั่นน้ำมันแน่และแม้นน้ำมันจะลงแต่รัฐยังคงนโยบายการสำรองน้ำมันตามกฏหมายเช่นเดิมคงไม่สามารถปรับลดให้ได้แต่คงไม่เพิ่มขึ้น"นายคุรุจิตกล่าว
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปี2558 ประมาณการณ์ของกลุ่มPRISM อยู่ที่90-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากปีนี้ที่คาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยที่ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลเนื่องจากสหรัฐมีการผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นทำให้ปัจจุบันสหรัฐกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดแซงหน้าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียและทำให้สหรัฐฯลดนำเข้าจากแอฟริกาทำให้ต้องลดราคาแข่ง ประกอบกับกลุ่มโอเปกก็เพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่อง
“ การบริโภคน้ำมันในตลาดโลกปีหน้าจะยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้น รวมทั้งวิกฤตอีโบล่า ส่งผลให้การใช้น้ำมันหลายๆประเทศลดลงซึ่งก็ต้องจับตาดูแต่หลายคนก็ยังเชื่อว่าอีโบล่าไม่น่าจะมีปัญหามาก “นายสุกฤตย์กล่าว
****ผู้ค้าขึ้นดีเซล30สต./ลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.เป็นต้นไปขณะที่น้ำมันชนิดอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลจะปรับมาอยู่ที่ 29.69 บาทต่อลิตรเนื่องจากค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันลดต่ำเหลือเพียง1บาทต่อลิตร.