“กบง.” นัดถกวันที่ 20 ต.ค.รีดเงินเบนซินและดีเซล 50-60 สตางค์ต่อลิตรหวังเร่งล้างหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมดโดยเร็วเพื่อเดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตดีเซล พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงในไทยเพื่อวางแผนให้เหมาะสม
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า วันที่ 20 ต.ค. 57 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มน้ำมันเบนซินและดีเซล ประมาณ 0.50-0.60 บาทต่อลิตร เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงแม้ว่าช่วงสุดสัปดาห์ผู้ค้าน้ำมันจะลดราคากลุ่มน้ำมันเบนซินทุกชนิดลง 0.30 บาทต่อลิตรไปแล้วก็ตาม
“เป็นที่เข้าใจกันว่าการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.30 บาทต่อลิตรมีผลตั้งแต่ 18 ต.ค.นั้น หากพิจารณาค่าการตลาดต้องลดลงมากกว่านี้แต่เข้าใจว่า กบง.คงส่งสัญญาณให้ลดลงในระดับดังกล่าว ส่วนที่เหลือจะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อเร่งล้างหนี้กองทุนฯ ที่เวลานี้เหลือติดลบเพียง 2,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งหากเก็บในอัตราดังกล่าวคาดว่าจะทำให้การใช้หนี้จะหมดลงภายในสัปดาห์นี้ และทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาน้ำมันทั้งระบบอีกครั้งโดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตดีเซล” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจาก กบง.จะเสนอให้ตั้งคณะทำงานบริหารน้ำมันเชื้อเพลิง มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อเข้ามาประเมินภาพรวมการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งทุกชนิดให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และนโยบายด้านพลังงานของประเทศ โดยจะมีการพิจารณาถึงชนิดของน้ำมันควรจะมีกี่ประเภท เพราะขณะนี้แก๊สโซฮอล์ที่จำหน่ายในปั๊มน้ำมันมีถึง 4 ชนิด ควรจะยกเลิกชนิดไหนหรือไม่ รวมถึงน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันมีส่วนผสมของไบโอดีเซลอยู่ 7% จะสามารถเพิ่มสัดส่วนให้สูงสุดที่เท่าไหร่ และไม่กระทบต่อเครื่องยนต์