ASTVผู้จัดการรายวัน- กบง.คืนความทุกข์! นัดแรกรับรัฐบาล"ประยุทธ์1" เคาะขึ้น LPG ขนส่ง 0.62 บาทต่อกก. และNGV 1 บาทต่อกก.มีผล 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป เว้นรถโดยสาธารณะที่ใช้ NGV กำหนด ให้ปตท.ช่วยบัตรเครดิตพลังงานให้ใช้ราคาคงเดิม 8.50 บาทต่อกก. พร้อมรีดเงินดีเซลเข้ากองทุนฯเพิ่ม 0.40 บาทต่อลิตร ปั้นกองทุนน้ำมันฯพลิกเป็นบวกในเดือนพ.ย.นี้ จับตารัฐรื้อโครงสร้างภาษีฯพลังงาน จัดระเบียบใหม่ “ปตท.”ยิ้มรับNGVขึ้น 1 บาทต่อกก. 3 เดือนสุดท้ายปีนี้รับรายได้เพิ่ม 570 ล้านบาท โอดที่ผ่านมาขาดทุนสะสมแสนล้านบาท
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่า กบง.ได้พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานด้วยการเห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งขึ้นอีก 0.62 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)จาก 21.38 บาทต่อกิโลกรัม เป็น22.00 บาทต่อกก. และปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV อีก 1 บาทต่อกก.จาก 10.50 บาทต่อกก.เป็น 11.50 บาทต่อกก.ยกเว้นรถโดยสารสาธารณะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป
“ราคาแอลพีจีขนส่งที่ปรับขึ้นแม้จะยังไม่เท่ากับครัวเรือน ส่วนNGV เองก็ยังไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่ควรจะเป็นในระดับ 15-16 บาทต่อกก.แต่ในระยะต่อไปก็จะต้องปรับให้สะท้อนต้นทุนทั้งหมดโดยจะต้องให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติหรือกพช.พิจารณาอีกครั้งโดยการขึ้นครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.เดิม”นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับการปรับขึ้นราคา NGV ครั้งนี้รัฐได้มอบหมายให้บมจ.ปตท.ไปพิจารณาการช่วยเหลือรถยนต์โดยสารสาธารณะให้ได้ใช้ราคาที 8.50 บาทต่อกก.คงเดิมโดยใช้บัตรเครดิตส่วนลดราคาให้กับกลุ่มนี้ที่ประกอบด้วย แท็กซี่ รถตู้โดยสาร รถเมล์และรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และบริษัทขนส่ง จำกัด(บขส.) ซึ่งคาดว่าปตท.จะใช้เงินดูแลส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ133 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จากเดิมจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซล 1.70 บาทต่อลิตร ปรับเป็นจัดเก็บ 2.10 บาทต่อลิตร โดยไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแต่อย่างใด สำหรับผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลครั้งนี้ จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเพิ่มขึ้นจากเดิมมีรายรับ 2,841 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 3,484 ล้านบาทต่อเดือน โดยกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 กันยายน 2557 มีฐานะสุทธิติดลบประมาณ 4,196 ล้านบาท และผลจากการปรับราคาดังกล่าว จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นศูนย์ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 เดือนและพ.ย.นี้จะทำให้กองทุนฯกลับมาพลิกเป็นบวก
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า LPG ขนส่งที่ขึ้นราคาครั้งนี้รัฐไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ ให้กับรถโดยสารสาธารณะเนื่องจากแท็กซี่เองมีเพียง 1 หมื่นคันที่ใช้ประกอบกับคมนาคมกำลังพิจารณาที่จะให้ปรับราคาค่าโดยสารอยู่แล้ว ส่วนรถโดยสารอื่นๆส่วนใหญ่ใช้ NGV เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่กองทุนน้ำมันฯมีฐานะเป็นบวกแล้วคาดว่ารัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตราคาพลังงานทั้งระบบอีกครั้งโดยเฉพาะภาษีฯดีเซลที่ขณะนี้ได้ลดลงถึง 5 บาทต่อลิตร ด้วยการทยอยปรับซึ่งแนวทางนี้ก็จะทำให้โครงสร้างภาษีฯและราคาน้ำมันแต่ละชนิดไม่บิดเบือนเช่นปัจจุบันโดยจะส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินมีโอกาสปรับลดลงมาอยู่ในอัตราที่เหมาะสมได้
นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขึ้น NGV ครั้งนี้ ทางปตท.เองก็ได้ลงนามกับทางสหพันธ์ขนส่งทางบกที่จะต้องสร้างปั๊ม NGV ที่มีปัญหาเพิ่มขึ้น 4 จุดคือ จ.ขอนแก่น 2 จุดขาเข้าขาออก แก่งคอย จ.สระบุรี และ โกรกพระ จ.นครสวรรค์ จากปัจจุบันมีอยู่ 497 แห่งเพื่อที่จะให้บริการเพิ่มขึ้น
“แม้ว่าการขึ้น NGV ครั้งนี้จะยังไม่ได้ครอบคลุมต้นทุนที่แท้จริงซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15-16 บาทต่อกก.แต่ก็ทำให้ปตท.เองมีรายได้พอที่จะไปขยายปั๊มให้ทั่วถึงในอนาคต ซึ่งผลการขึ้นราคาครั้งนี้ทำให้ปตท.จะมีรายรับจาก NGV 3 เดือนสุดท้ายเพิ่มเป็น 570 ล้านบาท และในปี 2558 ทั้งปีก็จะคิดเป็นรายได้ 2,000 ล้านบาท จากที่ปตท.ขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี 2546-ส.ค.57 ประมาณ 1 แสนล้านบาท” นายชาครีย์กล่าว
สำหรับการดูแลกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ แท็กซี่จะมีประมาณ 7.5 หมื่นคัน รถร่วมอื่นๆ 1.5 หมื่นคันปตท.จะดูแลให้ได้รับส่วนลดราคาเพื่อให้ได้ใช้ราคา NGV คงเดิมที่ 8.50 บาทต่อกก.โดยคาดว่าจะมีรายจ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นเดือนละ 133 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณ 2,200 ตันต่อวัน
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ กล่าวว่า กบง.มีมติดังกล่าวออกมา ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่มากเพราะจะดูแลราคา NGV ส่วนแอลพีจีอาจไม่มีการดูแลแต่คงไม่เป็นปัญหาเพราะมีเพียง 1 หมื่นคันดังนั้นแท็กซี่คงจะยึดการคำนวณเกณฑ์เดิมที่จะขอปรับขึ้นค่าโดยสารกับกระทรวงคมนาคมเพียง 10% เพื่อเน้นการแก้ไขปัญหารถติดแล้วปฏิเสธการรับผู้โดยสาร
นายทองอยู่ คงขันธ์ รองประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า รถบรรทุกที่ใช้ NGV มีสัดส่วนน้อยประมาณ 60,000-70,000 คันของจำนวนรถบรรทุกทั้งหมดที่มีประมาณ 1 ล้านคัน ดังนั้น การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ก็ยังไม่เป็นเงื่อนไข อะไรที่จะขึ้นค่าขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับราคาดีเซลเพิ่มขึ้น ทำให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แน่นอนจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการขนส่งโดยตรง ซึ่งต้องติดตามราคาและทิศทางราคาพลังงานในอนาคตต่อไป