กบง.ไม่รีดเงินโปะเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้ผู้ค้าตัดสินใจเคาะลดราคาขายปลีกน้ำมันลง 0.40 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.เป็นต้นไป ขณะที่นายกฯ สั่งกระทรวงพลังงานแจงเหตุใดน้ำมันไทยไม่สะท้อนตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันนำโดย บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจาก ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงในกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 0.40 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85 และดีเซลคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้ เบนซิน 95 เป็น 39.86 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 32.80 บาทต่อลิตร แก๊สโซออล์ 91 เป็น 30.78 บาทต่อลิตร E20 เป็น 29.48 บาทต่อลิตร E85 คงเดิมที่ 22.88 บาทต่อลิตร และดีเซลคงเดิมที่ 28.39 บาทต่อลิตร
สำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าเริ่มสูงแตะระดับเกิน 2 บาทต่อลิตร ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ไม่มีมติเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ค้าน้ำมันสามารถปรับลดราคาขายปลีกลงได้
พลตรี สรรเสริฐ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปเร่งทำความเข้าใจและชี้แจงกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าราคาน้ำมันขายปลีกของไทยไม่ลดลงสะท้อนตามกลไกราคาตลาดโลก ซึ่งโดยส่วนตัวนายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจแล้วว่าที่สะท้อนไม่ได้ทั้งหมดเพราะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
นายณรงค์ชัยกล่าวหลังการประชุม กบง.ว่า กบง.มีมติที่จะนำเสนอกรอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือ PDP 2015 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 21 ปี ซึ่งจะแบ่งเป็นการดำเนินงาน 2 ระยะ คือ ระยะแรก 10 ปี และระยะหลังอีก 11 ปี เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติงาน โดยเป้าหมายคือลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟเพื่อความมั่นคงจาก 70% ลงมา แต่สัดส่วนเท่าใดจะต้องรอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 15 ธ.ค.นี้พิจารณาอนุมัติก่อน
