ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เมื่อแม่น้ำ 5 สาย ที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางไว้ตามโรดแมป เสร็จสิ้นในกระบวนการคัดสรร“คน”เข้ามาทำงาน ความคิดเห็นที่หลากหลาย ข้อเสนอที่มากมาย ถูกนำมากางวางบนโต๊ะ ก็ยากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะห้ามปรามไม่ให้พูด
การประชุมร่วมของเหล่า“แม่น้ำ 5 สาย”ที่บ้านเกษะโกมล เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา “บิ๊กตู่”เน้นย้ำการทำงานของทุกฝ่ายต้องเป็นเอกภาพ และที่เป็นห่วงมากที่สุดหนีไม่พ้นการแสดงทัศนคติของ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
หากไล่ตามรายชื่อแล้ว มีแต่พวกสาย“ออกหน้าออกตา” มีข้อเสนอที่คิดว่าสามารถทำได้ ก็เสนอเข้าที่ประชุมเลย หน้ำซ้ำยังออกมาขยายความเห็นต่อ จึงทำให้ "บิ๊กตู่" ค่อนข้างหนักใจ
เพราะ “รัฐบาล-คสช.”รู้ดีว่า คลื่นใต้น้ำในจังหวัดโซนสีแดงยังมีอยู่มากมาย หาก สนช.-สปช.-กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ปล่อยข้อเสนอที่ขัดแย้งกับทัศนคติของกลุ่มต่อต้านเมื่อไร ก็ยิ่งเหมือนเปิดทางให้ออกมาจัดอีเวนต์ ท้าทายคสช. มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
หน่วยงานความมั่นคงวิเคราะห์ว่า กระแสของกลุ่มต่อต้านในพื้นที่สีแดง ไมได้ลดน้อยลงเลย แม้“รัฐบาล-คสช.”จะใช้มาตรการเด็ดขาดเข้าไปควบคุมดูแล แต่ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติได้มากมายนัก
พื้นที่สีแดงไม่ได้ลดโทนให้อ่อนลงเลย ตอนแรกก็หวังว่า คนในพื้นที่ 100 คน เปลี่ยนให้ไม่เลือกข้างสีแดง สัก 20 คน เพื่อปรับพื้นที่ให้เป็นสีส้ม แต่ไม่ได้ผล แค่ 20 คน ก็ยากเหลือเกิน ที่จะโน้มน้าวได้
เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งคือ ยังมี “แกนนำคนเสื้อแดง”ที่แฝงตัวอยู่ในระดับพื้นที่ คอยพูดจา ทำความเข้าใจกับประชาชนให้มีทัศนคติไปในทางไม่เห็นด้วยกับการเข้ามายึดอำนาจของ คสช. แต่ไม่ถึงขั้นออกมาโจมตีแบบเปิดหน้า แค่รักษากระแสไว้ให้ได้นานมากที่สุด
ข้อเสนอ “นิรโทษกรรม”ถูกโยนออกมาจาก“เอนก เหล่าธรรทัศน์”ประธานอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 ซึ่งเป็นหนึ่งใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยอ้างหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นหมวดที่ว่าด้วยการปฏิรูป และความปรองดอง จึงต้องมีแนวคิดเรื่องความปรองดอง โดยอยากจะเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อเชิญชวนให้สังคมไทยหันหน้ามาไกล่เกลี่ย ปรองดอง เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง เคารพความหลากหลายทางความคิด
ซึ่ง “เอนก”ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการนิรโทษแบบเหมาเข่ง หรือสุดซอย แบบที่ผ่านมา เนื่องจากนิรโทษกรรมลักษณะแบบนั้น นำมาสู่การชุมนุม การประท้วง จนท้ายที่สุดก็ส่งผลให้เกิดการยึดอำนาจ
หากอ่านใจ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คงมีการพูดคุยกันแล้วว่าอย่างไรเสียต้องออกกฎหมายให้มีการ“นิรโทษกรรม”แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นอีก เพราะทั้ง “นปช. -กปปส.”ต่างก็ตั้งแง่ว่า ถ้ามีกฎหมายนิรโทษกรรมออกมาจริง ฝ่ายไหนจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน
ดังนั้นโจทย์สำคัญของการนิรโทษกรรม ต้องออกแบบจะสร้างเงื่อนไขมิให้ “ขั้วตรงข้าม”ออกมาโจมตีได้
ยิ่งเป็น “แกนนำ กปปส.”แล้วก็ ออกตัวชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มตัวเอง เพราะเชื่อว่าหากต่อสู้ในชั้นศาล มีเปอร์เซ็นต์ถูกยกฟ้องมากกว่า“แกนนำ นปช.”เพราะอย่างน้อย ศาลก็เคยพิเคราะห์แล้วว่าการชุมนุมของ กปปส.ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แถมยังออกข้อบังคับให้ “รัฐบาลปูแดง”ห้ามสลายการชุมนุมอีกต่างหาก
หากออกกฎหมาย“นิรโทษกรรม”ยกพวง-เหมาเข่ง มีหวังเข้าตำราว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง งานนี้คงไม่มี“เจ๊า”แต่อาจจะมีแต่ “เจ๊ง” กระแสตีกลับมาทิ่มแทง รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แน่นอน
เพราะ“กปปส.”คงไม่ยอมเสียหลักการต่อต้านการออกกฎหมายล้างผิด ที่ใช้เป็นหลักการสู้มาตลอด หากยอมปล่อยเลยตามเลยคงเสีย “มวลชน”ที่เลื่อมใสศรัทธาไปมากโข
แหม่...เงิน-ทอง-ที่ดิน ที่ แกนนำกปปส.-แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เสียไปในช่วงการชุมนุมไม่ใช่น้อย แถมยังไม่ได้อะไรตอบแทนจากการ “รัฐประหาร” หากยังมาหักหาญน้ำใจกัน คงไม่ใช่เรื่อง
ยิ่งหากการ นิรโทษกรรม กลับเป็นผลประโยชน์ต่อ “นช.แม้ว”ด้วยแล้ว แทบที่จะฟันธงได้แล้วว่า “รัฐบาล-คสช.-กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ” ไม่กล้าทำ !!!
เพียงแต่การออกมาพูดเรื่องการนิรโทษกรรม ของ “เอนก”ผิดที่-ผิดเวลาไปหน่อย เพราะยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเลย แต่กลับออกมาพูดถึง นิรโทษกรรม เสียแล้ว ทำให้ทั้ง“สองขั้ว”ออกอาการหวั่นใจไม่ใช่น้อย
แต่ก็มีกระแสว่า บรรดา กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ต่างได้รับคำสั่งของ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ”ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วว่า ประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้พูดเท่าที่พูดได้ อาจจะให้ข่าวแค่ระบุว่า จะทำอะไร ส่วนรายละเอียดไม่ต้องพูดมาก ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
"หากประเด็นไหนที่ล่อแหลม ให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เก็บเอาไว้ก่อน แล้วให้ปรึกษากันเงียบๆ ที่สุด ค่อยมาเปิดเผยทีเดียวในช่วงที่การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อลดกระแสต่อต้านให้น้อยที่สุด"
แต่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่าลืมตัว-เผลอใจ ว่าไม่มีใครตรวจสอบการ ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็แล้วกัน โดยเฉพาะ“สื่อค่ายแดง” ที่มักจะเก็บทุกเม็ด-ล่อทุกดอก รอจังหวะให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เดินหมากพลาดอยู่
หากเสนอประเด็น ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผิดเพี้ยน-บิดเบี้ยว มีหวัง “พัง”ได้เหมือนกัน
หลังจากนี้ต้องจับตาการทำงานของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ดี เพราะการกำหนดให้ประเทศไทยเดินหน้าในทิศทางใด อยู่ที่การ “ร่างรัฐธรรมนูญ”เกือบทั้งหมด