xs
xsm
sm
md
lg

สตง.บี้ปตท.อย่าตีมึน ย้ำคืนท่อก๊าซ3.2หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-สตง. จี้ ปตท. แบ่งแยกและส่งมอบท่อก๊าซในทะเลและบนบกที่ค้างอยู่คิดเป็นมูลค่า 3.26 หมื่นล้านบาท คืนให้กระทรวงการคลัง เผยรอเพียงกฤษฎีกาชี้ขาดว่า ปตท. ส่งมอบทรัพย์สินครบถ้วนหรือไม่ ยันพร้อมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา ด้าน กมธ.ปฏิรูปพลังงานตั้งอนุ กมธ. 4 ชุด พิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญด้านพลังงาน และจี้ติดเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21

นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยถึงกรณีที่ บมจ.ปตท.(PTT) ที่ยืนยันว่าแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินให้กระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่าทรัพย์สินท่อก๊าซที่ ปตท. แบ่งแยกและส่งมอบให้กับกระทรวงการคลังแล้ว มูลค่ารวม 16,176.22 ล้านบาท เป็นท่อก๊าซธรรมชาติที่อยู่บนบกเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ยังมีท่อก๊าซทั้งบนบกและในทะเลที่ ปตท. ยังไม่แบ่งแยกและส่งมอบให้คลัง คิดเป็นมูลค่ารวม 32,613.45 ล้านบาท จึงกล่าวได้ว่า ปตท. ยังไม่ได้ดำเนินการแบ่งแยกและคืนทรัพย์สินให้คลังถูกต้องครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

"เรื่องดังกล่าว สตง. ได้ส่งผลตรวจสอบเสนอต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายให้ สตง. เสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความปัญหาเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา สตง. ได้เข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการแบ่งแยกทรัพย์สินต่อที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) แล้ว"

นายชัยสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ สตง. อยู่ระหว่างการรอคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีคำวินิจฉัยเมื่อใด แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม โดยหากคำวินิจฉัยระบุว่า ปตท. ได้มีการแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินให้กับคลังครบถ้วนแล้ว สตง.ก็จะยุติเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าการวินิจฉัยของกฤษฎีกา ระบุว่า ปตท. ยังแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินยังไม่ครบ ก็จะพิจารณาแล้วส่งเรื่องให้ศาลปกครองสูงสุดไต่สวนพิจารณา เพื่อบังคับคดีให้ถูกต้อง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการเพิกถอนคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากอยู่ในชั้นบังคับคดี เมื่อมีข้อมูลใหม่ก็สามารถนำข้อมูลมาพิจารณาไต่สวนแล้วแก้ไขคำสั่งเดิมที่ระบุว่า ปตท. ส่งมอบทรัพย์สินเรียบร้อยแล้วไป เพื่อดำเนินการส่งมอบท่อก๊าซให้ครบถ้วน

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังออกมาระบุว่า ปตท. คืนทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยท่อก๊าซในไทยทะเลไม่ได้ใช้อำนาจมหาชนในการรอนสิทธิ์นั้น เป็นความเห็นของกระทรวงการคลัง แต่ สตง. ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติ เห็นว่าการวางท่อก๊าซไม่ว่าจะอยู่บนบกหรือในทะเล ต้องใช้อำนาจมหาชนตาม พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2521 มาตรา 30-36และใช้เงินแผ่นดินในการลงทุน ซึ่งผู้วางท่อและใช้ท่อเป็นการปิโตรเลียมซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ ดังนั้น ท่อก๊าซจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (3)

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. กล่าวยืนยันว่า สตง.ในฐานะเป็นผู้สอบบัญชีให้ บมจ.ปตท. ได้ดำเนินการตามหลักสากลของผู้สอบบัญชีที่ออกใบรับรองงบการเงิน และได้ให้ข้อสังเกตในประเด็นเรื่องนี้ในรายงานประกอบงบการเงิน ปตท. ซึ่งจะไม่กระทบต่อฐานะการเงินของ ปตท. ที่ผ่านมา แต่อนาคตขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา แต่เชื่อว่าฝ่ายบริหาร ปตท. จะมีแนวทางการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกิจการได้

"รายงานของ สตง. เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินให้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นชั้นบังคับคดี และเมื่อหัวหน้า คสช. สั่งให้เสนอเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความปัญหาดังกล่าว เพื่อยุติความขัดแย้ง และไม่ใช่ว่า สตง. ไม่เคารพคำสั่งศาล แต่แถลงข่าววันนี้เพื่อลดความขัดแย้งของสังคม"นายพิศิษฐ์กล่าว

ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ ปตท. แบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2550 และวันที่ 25 ธ.ค.2551 ปตท.ทำคำร้องส่งศาลปกครองสูงสุดว่าได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว วันที่ 26 ธ.ค. 2551 นายจรัล หัตถกรรม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดได้เกษียนในคำร้องของ ปตท. ว่า ปตท. ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในวันเดียวกันนี้เอง สตง. ได้ส่งรายงานการตรวจสอบการแบ่งแยกทรัพย์สินของหน่วยงานที่เกี่ยวกับเสนอต่อ ปตท. เลขาธิการคณะรัฐมตรี และเลขาธิการศาลปกครอง โดยระบุว่ายังมีทรัพย์สินที่ปตท. ยังไม่ได้แบ่งแยกให้กระทรวงการคลังตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นมูลค่ารวม 32,613 ล้านบาท และ สตง. ได้มีการทำหนังสือความเห็นเดิมเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2552 ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วันเดียวกันนี้ นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล โฆษก กมธ.ปฏิรูปพลังงาน กล่าวว่า นายฉัตรทอง หงศ์ลดารมภ์ ประธานกมธ.ได้แต่งตั้งอนุกมธ. อีก 4 ชุด คือ 1.คณะอนุกมธ.ปฏิรูปทรัพยากรปิโตรเลียมและราคาพลังงาน 2.คณะอนุกมธ.ปฏิรูปการบริหารและการกำกับกิจการพลังงาน สารสนเทศ 3.คณะอนุกมธ.ปฏิรูปกิจการไฟฟ้า 4.คณะอนุกมธ.ปฏิรูปพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อพิจารณาเรื่องเร่งด่วน 2 เรื่องคือ 1.พิจารณากรอบร่างรัฐธรรมนูญด้านการปฏิรูปพลังงาน ซึ่ง กมธ. ได้เสนอกรอบร่างรัฐธรรมนูญด้านการปฏิรูปพลังงานต่อสภาการปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อเสนอต่อ กมธ.ยกร่าง 2.พิจารณาการยื่นคำขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21 จำนวน 29 แปลงสำรวจ และพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันชนิดต่างๆ

"จะเชิญภาครัฐ ผู้ประกอบการ และนักวิชาการด้านพลังงานมาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา ของ กมธ. และอนุ กมธ. โดยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อประชาชนและความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ"นายอนุสรณ์กล่าว

ทางด้านนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทางภาคใต้ และการลักลอบขนแอลพีจี ออกทางภาคตะวันออกและภาคเหนือ กำลังพิจารณานำเทคโนโลยีระบบ RFID เข้ามาดูแล เพื่อแก้ปัญหา โดยจะติดตั้งที่ปั๊มน้ำมันและรถน้ำมัน เพื่อติดตามและตรวจสอบการขนย้าย ส่วนการลักลอบขนน้ำมันในทะเล จะขอให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลและจับกุม
กำลังโหลดความคิดเห็น