00 เริ่มขยับปฏิรูปกันแบบเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นทุกที เวลานี้เป้าหมายหลักยังพุ่งไปที่ ตำรวจเป็นการด่วนก่อนใคร เพราะจะว่าไปแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาตินี่แหละที่ต้อง"โดน" มากที่สุด และถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องประจำวันกับชาวบ้านมากที่สุด เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น ก็ต้องปรับปรุง รื้อกันให้ได้คนดี ป้องกันคนชั่วใช้ตำแหน่งหน้าที่มาหาผลประโยชน์ สร้างทุกข์เข็ญกับชาวบ้าน ซึ่งก็คือ"เจ้านาย" ของตำรวจนั่นแหละ มาถึงวันนี้ความเน่าเฟะของวงการตำรวจได้เดินมาถึงจุดที่ต้องรื้อกันขนานใหญ่ ไม่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งก็ต้องขอบคุณตำรวจหลายคนที่ "สร้างสมความชั่ว"ได้อย่างถึงใจ จนเป็นแรงกระตุ้นจากสังคมให้มีการปฏิรูปในทุกระดับ
00 จากการแถลงของโฆษกคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกม. และกระบวนการยุติธรรม วันชัย สอนศิริ ที่บอกว่าผลการศึกษาเสนอให้มีการปฏิรูปตำรวจกันอย่างขนานใหญ่ สาระสำคัญก็คือ ต้องมีการกระจายอำนาจแทนที่กระจุกอยู่ที่ ผบ.ตร. ให้แบ่งไปให้ระดับภูมิภาค และท้องถิ่น ให้ยุบ ก.ตร. แล้วตั้ง "สภากิจการตำรวจ" ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยองค์ประกอบของสภาดังกล่าว ก็มาจากหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานความมั่นคง จากหน่วยงานด้านยุติธรรม กรรมการสิทธิมนุษยชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่เลือกมาจาก ส.ส.และส.ว. ขณะเดียวกันก็แยกหน่วยงานตำรวจตามภารกิจให้ไปขึ้นกับหน่วยงานนั้น เช่น ตำรวจรถไฟ ก็ไปขึ้นกับการรถไฟ ตำรวจป่าไม้ ก็ขึ้นกับกรมป่าไม้ เป็นต้น ซึ่งมันก็เข้าท่าดี เป็นการลดการแทรกแซงจากพวกนักการเมือง ขณะที่ตำรวจก็ไม่ได้ถูกลดอำนาจลง เพราะคนที่ถูกลดอำนาจลงก็มีเพียง ผบ.ตร. และระดับนายพลใน สตช. เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนตำรวจอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาวิ่งเต้นให้เสียเงิน เสียเวลา เพราะไม่รู้จะวิ่งเต้นกับใคร เนื่องจากมีการกระจายอำนาจออกไป !!
00 เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าอิทธิพลของกลุ่มทุนพลังงาน อย่าง ปตท.นั้นมันมีอยู่สูงยิ่ง สูงจนกระทั่งส่อให้เห็นว่า บิดเบือน ปิดบังความจริงได้มากมาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ คำยืนยันด้วยคำพูดอีกครั้งของ ผู้ว่าฯ สตง. พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ว่า ปตท.ยังคืนท่อก๊าซให้กับรัฐไม่ครบตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และ ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม จะแถลงให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าวนี้ นี่คือความจริงที่น่าอัปยศอดสูที่สุด !!
00 ที่ต้องบอกว่าเป็นความอัปยศก็คือ ที่ผ่านมา ทั้งปตท.ที่อ้างมาตลอดเวลาได้คืนทรัพย์ให้กับรัฐ คือกระทรวงการคลังครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลฯ เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานก็นิ่งเงียบ มิหนำซ้ำยังมีท่าทีปกปัอง ปตท.จนเกินเหตุ ไม่เคยแสดงทีท่าให้เห็นว่าได้รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกชี้หน้าด่าว่า ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนที่ถือหุ้นใน ปตท.โดยใช้ความเป็นรัฐวิสาหกิจมาหากิน แต่ถึงอย่างไรเมื่อมาถึงขั้นนี้ ก็ถึงเวลาที่จะต้องพิสูจน์ความจริงกันอีกครั้งในศาล
00 มีเสียงพูดกันว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระทรวงการคลังทำเป็นไม่สนใจ และปล่อยให้เรื่องเงียบ หรือว่าร่วมกันปกปิดความจริง เป็นเพราะเกรงจะไปกระทบผลประโยชน์ต่อเนื่อง จากการที่ต้องไปรื้อผลประโยชน์ เช่น อาจจะกระทบต่อกิจการสายส่งเคเบิล สายไฟฟ้าในทะเล ว่าต้องตกเป็นของแผ่นดินด้วยหรือไม่ จึงต้องเงียบไว้ก่อน ซึ่งมันก็เป็นตรรกะพิลึก แทนที่หน่วยงานของรัฐจะกระตือรือล้นในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทุกบาททุก สตางค์ แต่นี่ดันไปปกป้องผลประโยชน์กลุ่มทุน เกรงว่าจะกระทบการลงทุนว่า กันไปโน่นอีก !!
00 อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณ อดีตขุนคลัง "ธีระชัย ภูนาถนรานุบาล" ที่ออกมาเปิดโปงอย่างต่อเนื่อง มีการแฉหลักฐานเอกสารที่สังคมยังไม่ได้เห็นออกมาอย่างจะจะเป็นขั้นเป็นตอน จนคนใน ปตท.เต้นผาง โดยเฉพาะ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานบอร์ด ปตท. ที่สังคมได้รับรู้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าเป็นอย่างไร ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เสนอแก้ไข พ.ร.บ.การปิโตรเลียม เมื่อปี 50 จนกระทั่งเส้นทางมาเข้ามาคุม ปตท. ในยุคปฏิรูปพลังงานเวลานี้ ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ต้องฟ้องปิดปากหรือเปล่านั้น น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง !!
00 จากการแถลงของโฆษกคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกม. และกระบวนการยุติธรรม วันชัย สอนศิริ ที่บอกว่าผลการศึกษาเสนอให้มีการปฏิรูปตำรวจกันอย่างขนานใหญ่ สาระสำคัญก็คือ ต้องมีการกระจายอำนาจแทนที่กระจุกอยู่ที่ ผบ.ตร. ให้แบ่งไปให้ระดับภูมิภาค และท้องถิ่น ให้ยุบ ก.ตร. แล้วตั้ง "สภากิจการตำรวจ" ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยองค์ประกอบของสภาดังกล่าว ก็มาจากหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานความมั่นคง จากหน่วยงานด้านยุติธรรม กรรมการสิทธิมนุษยชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่เลือกมาจาก ส.ส.และส.ว. ขณะเดียวกันก็แยกหน่วยงานตำรวจตามภารกิจให้ไปขึ้นกับหน่วยงานนั้น เช่น ตำรวจรถไฟ ก็ไปขึ้นกับการรถไฟ ตำรวจป่าไม้ ก็ขึ้นกับกรมป่าไม้ เป็นต้น ซึ่งมันก็เข้าท่าดี เป็นการลดการแทรกแซงจากพวกนักการเมือง ขณะที่ตำรวจก็ไม่ได้ถูกลดอำนาจลง เพราะคนที่ถูกลดอำนาจลงก็มีเพียง ผบ.ตร. และระดับนายพลใน สตช. เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนตำรวจอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาวิ่งเต้นให้เสียเงิน เสียเวลา เพราะไม่รู้จะวิ่งเต้นกับใคร เนื่องจากมีการกระจายอำนาจออกไป !!
00 เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าอิทธิพลของกลุ่มทุนพลังงาน อย่าง ปตท.นั้นมันมีอยู่สูงยิ่ง สูงจนกระทั่งส่อให้เห็นว่า บิดเบือน ปิดบังความจริงได้มากมาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ คำยืนยันด้วยคำพูดอีกครั้งของ ผู้ว่าฯ สตง. พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ว่า ปตท.ยังคืนท่อก๊าซให้กับรัฐไม่ครบตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และ ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม จะแถลงให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าวนี้ นี่คือความจริงที่น่าอัปยศอดสูที่สุด !!
00 ที่ต้องบอกว่าเป็นความอัปยศก็คือ ที่ผ่านมา ทั้งปตท.ที่อ้างมาตลอดเวลาได้คืนทรัพย์ให้กับรัฐ คือกระทรวงการคลังครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลฯ เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานก็นิ่งเงียบ มิหนำซ้ำยังมีท่าทีปกปัอง ปตท.จนเกินเหตุ ไม่เคยแสดงทีท่าให้เห็นว่าได้รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกชี้หน้าด่าว่า ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนที่ถือหุ้นใน ปตท.โดยใช้ความเป็นรัฐวิสาหกิจมาหากิน แต่ถึงอย่างไรเมื่อมาถึงขั้นนี้ ก็ถึงเวลาที่จะต้องพิสูจน์ความจริงกันอีกครั้งในศาล
00 มีเสียงพูดกันว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระทรวงการคลังทำเป็นไม่สนใจ และปล่อยให้เรื่องเงียบ หรือว่าร่วมกันปกปิดความจริง เป็นเพราะเกรงจะไปกระทบผลประโยชน์ต่อเนื่อง จากการที่ต้องไปรื้อผลประโยชน์ เช่น อาจจะกระทบต่อกิจการสายส่งเคเบิล สายไฟฟ้าในทะเล ว่าต้องตกเป็นของแผ่นดินด้วยหรือไม่ จึงต้องเงียบไว้ก่อน ซึ่งมันก็เป็นตรรกะพิลึก แทนที่หน่วยงานของรัฐจะกระตือรือล้นในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทุกบาททุก สตางค์ แต่นี่ดันไปปกป้องผลประโยชน์กลุ่มทุน เกรงว่าจะกระทบการลงทุนว่า กันไปโน่นอีก !!
00 อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณ อดีตขุนคลัง "ธีระชัย ภูนาถนรานุบาล" ที่ออกมาเปิดโปงอย่างต่อเนื่อง มีการแฉหลักฐานเอกสารที่สังคมยังไม่ได้เห็นออกมาอย่างจะจะเป็นขั้นเป็นตอน จนคนใน ปตท.เต้นผาง โดยเฉพาะ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานบอร์ด ปตท. ที่สังคมได้รับรู้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าเป็นอย่างไร ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เสนอแก้ไข พ.ร.บ.การปิโตรเลียม เมื่อปี 50 จนกระทั่งเส้นทางมาเข้ามาคุม ปตท. ในยุคปฏิรูปพลังงานเวลานี้ ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ต้องฟ้องปิดปากหรือเปล่านั้น น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง !!